ตอนที่ : 5 ตัวช่วย
3
ตัวช่วย
"อ้อยหวานๆ แม่มีข่าวดีจะบอก" เสียงของนางนาตยาดังลั่นเรือนหลังเล็ก
"อะไรคะแม่ เสียงดังแต่เช้าเลย" อ้อยหวานซึ่งอยู่ในชุดนอนโผล่หน้าออกมาจากห้องในท่าทางงงงวยอยู่ไม่น้อย หญิงสาวปิดปากหาวหวอดๆ ก่อนจะเดินไปหยุดตรงหน้าของมารดา
"ช้างมันจะมารับแม่ไปอยู่ด้วย มันโทรมาหาแม่คุยกันเพิ่งวางสายไปเมื่อกี้นี้เอง" น้ำเสียงแกมตื่นเต้นดีใจทำให้คนที่อยู่ในอาการสะลึมสะลือแทบจะตื่นเต็มตา
"พี่ช้างเหรอคะ"
"ใช่ เห็นบอกว่าเก็บเงินผ่อนบ้านได้แล้ว ตอนนี้แยกออกมาอยู่กับเมียอีกบ้านหนึ่ง ช้างบอกว่าคิดถึงแม่จะให้แม่ไปอยู่ด้วย ไปช่วยเลี้ยงหลาน"
"ไปช่วยเลี้ยงหลาน" อ้อยหวานถึงกับถอนใจในเรื่องนี้ สี่ปีแล้วที่พี่ชายเธอไม่คิดจะหาทางมาเยี่ยมเธอกับมารดา แล้วนี่จู่ๆ ก็เกิดคิดถึงอยากให้แม่ไปอยู่ด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการให้ไปช่วยเลี้ยงลูกก็ไม่มีทางติดต่อมาแน่แท้
"แม่แน่ใจแล้วเหรอที่จะไปช่วยพี่ช้างเลี้ยงหลาน แล้วเมียพี่ช้างเลี้ยงไม่ได้เหรอ"
"แน่ใจสิอ้อยหวาน แม่คิดถึงช้างอยากเห็นหน้าหลานด้วย คงทำงานกันทั้งคู่เลยต้องหาคนเลี้ยง" หัวอกของคนเป็นแม่ที่ไม่ได้เจอหน้าลูกชายเสียหลายปี นางนาตยาถึงกับน้ำตาซึมให้ลูกสาวเห็น
"แม่จะร้องทำไมนี่"
"ก็แม่ดีใจนี่อ้อยหวาน นี่แม่ว่าพรุ่งนี้จะไปเลย อ้อยหวานไปกับแม่นะ"
"อ้อยหวานไปแล้วใครจะอยู่ดูแลบ้านล่ะแม่ อีกอย่างก็ยังติดสัญญาอยู่แม่ก็รู้"
"เออ จริงด้วย เอาไว้หมดสัญญาแล้วแม่ค่อยมารับอ้อยหวานไปอยู่ด้วยนะ"
"แน่ใจเหรอคะว่าพี่ช้างอยากจะให้อ้อยหวานไปอยู่ด้วย"
"เออน่าพี่น้องกัน ยังไงก็ตัดกันไม่ขาดหรอก แม่ไปเก็บเสื้อผ้าก่อนดีกว่า" คนเห่อข่าวดีกระวีกระวาดเข้าไปจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอย่างตื่นเต้น อ้อยหวานเห็นแล้วก็พลอยมีความสุขตามไปด้วย อย่างน้อยมารดาของเธอก็จะได้อยู่กับลูกกับหลานอย่างที่ท่านปรารถนามาโดยตลอด
'พอเจอลูกชายกับหลานนี่ไม่ห่วงอ้อยหวานเลยนะแม่'
หญิงสาวได้แต่คิดอย่างขำๆ แต่ก็อดดีใจกับมารดาไม่ได้ ความสุขของท่านคือสิ่งที่อ้อยหวานเองก็ปรารถนาเช่นเดียวกัน
ช่วงสายของวันนางนาตยาก็นำเรื่องนี้ไปบอกแก่เจ้าของบ้าน พร้อมกับมอบหมายตำแหน่งแม่บ้านให้ลูกสาวสานงานต่อ เพราะปกติอ้อยหวานก็ช่วยทำงานบ้านเป็นประจำอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำงานนี้ต่อจากตนเอง
"ไปจริงๆ เหรอน้านาต ผมนึกว่าแค่ไปเยี่ยมลูกชาย"
"ไม่ค่ะ น้าจะไปอยู่กับลูกชายเลยไม่ได้กลับมาอีกแล้ว อีกหน่อยค่อยมารับอ้อยหวานไปอยู่ด้วย ฝากดูแลอ้อยหวานด้วยนะคะคุณวิมล์" พูดพร้อมกับหันไปมองหน้าลูกสาวที่ยืนทำหน้าเศร้าอยู่ด้านหลัง
"ได้ครับ แล้วเธอล่ะอ้อยหวานทำได้ไหม งานแม่บ้านของแม่เธอ"
"อ้อยหวานทำได้ค่ะคุณวิมล์" แม้จะเสียดายงานที่เพิ่งได้ทำเพียงไม่กี่วัน แต่อ้อยหวานก็ต้องเลือกทำหน้าที่แทนมารดามาก่อนเป็นอันดับแรก หญิงสาวจึงต้องยื่นใบลาออกอย่างจำใจ
"งั้นเดี๋ยวผมขับรถไปส่งน้านาตที่สถานีขนส่งนะครับ"
"ขอบคุณมากค่ะคุณวิมล์"
"เอ่อ อ้อยหวานไปด้วยได้ไหมคะคุณวิมล์ อยากไปส่งแม่ที่ท่ารถ" หญิงสาวทำหน้าเกรงใจเขาอยู่ไม่น้อย อีกใจก็อยากไปส่งมารดาด้วยตนเอง
"ได้สิ" คำตอบของวิมล์ทำให้หญิงสาวฉีกยิ้มหวานๆ ให้เขา วิมล์เองถึงกับผงะเพราะว่ามันช่างเป็นรอยยิ้มที่สดใสและจริงใจยิ่งนัก
รถเคลื่อนตัวผ่านประตูบ้านไปอย่างช้าๆ ชายหนุ่มที่ยืนพิงขอบหน้าต่างมองพวกเขาก็ยกมุมปากขึ้นอย่างดีใจ วิภูมองเห็นหนทางที่จะเอาอ้อยหวานมาเป็นเมียเก็บได้ไม่ยาก อยู่ตัวคนเดียวแบบนี้จะไปมีอะไรมาต่อกรกับเขาได้
'เอาเธอเป็นเมียเก็บไม่ได้ฉันคงนอนตายตาไม่หลับ อ้อยหวาน!'
หลังจากอำลามารดาทั้งน้ำตาไปแล้ว อ้อยหวานก็หน้าเศร้าที่ต้องอยู่บ้านหลังนั้นเพียงลำพัง กับผู้ชายอีกสอง ผู้ชาย! หญิงสาวรีบปาดน้ำตาแล้วเงยหน้ามองขึ้นด้านข้าง
"หน้าฉันมีอะไร" วิมล์ย่นหัวคิ้วเข้าหากันแน่น เมื่อถูกจ้องหน้าแบบไม่มีเหตุผลอย่างนี้
"เปล่าค่ะ" อ้อยหวานแทบจะพ่นลมหายใจดังๆ ออกมา เธอลืมไปได้อย่างไรว่าเธอเป็นผู้หญิง และเขาทั้งสองก็เป็นผู้ชาย วิมล์คงไม่คิดเกินเลยกับเธอแน่ เพราะหางตาเขายังแทบจะไม่แลกันเลย แต่กับคนน้องนั่นสิ เผลอเป็นจับขยับเป็นเฉียด เฮ้อ!
"ก่อนกลับบ้านฉันจะแวะไปกินอาหารริมหาดหน่อย ไปด้วยกันนะ" จะว่าชวนเลยก็ใช่ทีก้ำกึ่งตามมารยาทจนแทบจะแยกไม่ออก อ้อยหวานเลยทำหน้าสับสนเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบเขาออกไป
"อ้อยหวานนั่งสองแถวกลับเองก็ได้ค่ะ คุณวิมล์จะได้มีเวลาเป็นส่วนตัว"
"ฉันพาเธอมาแล้วจะให้เธอกลับคนเดียวนี่นะ ไปด้วยกันนี่แหละอย่าเรื่องมากได้ไหม เผื่อสองแถวฉุดไปทำมิดีมิร้ายจะว่าไง หน้าตายิ่ง..." 'สวยๆ อยู่ด้วย' คำนี้เขาเก็บเอาไว้ได้ทัน
"อะไรคะ"
"ไม่มีไรไปขึ้นรถได้แล้ว" วิมล์ตัดบทด้วยการเดินนำหน้าไปก่อน แม้จะรู้สึกว่าอ้อยหวานสวยและดึงดูดอะไรหลายๆ อย่างในตัวเขา แต่คำว่า เมียเก็บของพ่อ มันทำให้เขาเลิกคิดในบางเรื่องลง
บรรยากาศของร้านอาหารเป็นไปแบบเรียบง่าย ชายหนุ่มเลือกร้านที่มีลานเปิดโล่งชั้นสอง เขาชอบนั่งทอดสายตามองท้องทะเลที่ตัดกับขอบฟ้าสีคราม เพราะมันทำให้ทุกอย่างรอบตัวสงบลง เขาสั่งอาหารพอรับประทานกันสองคน มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยเล็กน้อย
"ดื่มเป็นไหมอ้อยหวาน"
"ไม่เป็นค่ะ"
"ไม่เป็น?"
"อ้อยหวานชอบน้ำอัดลมมากกว่าค่ะ"
"เดี๋ยวก็ฟันผุหรอก เอาเป็นน้ำผลไม้แล้วกัน" เขาตัดสินใจให้เสร็จสรรพ หันไปกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟมาหา เพื่อสั่งน้ำแตงโมปั่นให้อ้อยหวานแทน
อ้อยหวานมองดูการกระทำของเขาอยู่เงียบๆ นึกถึงพี่ชายของตนเองขึ้นมาในทันที ไม่เคยเลยที่พี่ช้างของเธอจะมีมุมห่วงหาอาทรกันแบบนี้ นอกจากจะมุมานะเรียนไม่ก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เสียมากกว่า
หญิงสาวนั่งละเลียดอาหารในจานไปพร้อมๆ กับการชมวิวท้องทะเล และแอบมองชายหนุ่มตรงหน้าอยู่เป็นระยะ แต่ดูเหมือนวิมล์จะสนใจอาหารตรงหน้ามากกว่าเธอ เขาไม่พูดไม่จาเอาแต่นั่งทอดสายตาชมความงามของธรรมชาติ ราวหนึ่งชั่วโมงเต็มเขาก็พาเธอกลับมาส่งที่บ้าน ก่อนจะกลับออกไปทำงานด่วนที่บริษัทต่อ
เย็นนี้วิมล์ไม่ให้อ้อยหวานทำอาหารมื้อค่ำ เพราะเขาติดงานยาวคงกินจากข้างนอกมาเลย ส่วนวิภูก็มีธุระกลับช้าหน่อยคงจะเลยมื้อค่ำไปเหมือนกัน อ้อยหวานจึงทำเพียงปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย แต่ขาจะกลับไปเรือนพักของตนเองก็ต้องเห็นคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุด
"ทีกับพี่วิมล์นี่อ่อยเชียวนะ กับฉันเดินหนีเหรออ้อยหวาน"
"อะไรของคุณภู หลีกไปค่ะอ้อยหวานจะกลับบ้าน"
"กลับบ้าน งั้นก็ไปสิเดี๋ยวฉันเดินไปส่ง มืดค่ำแล้วเดี๋ยวเจอพวกงูเงี้ยวเขี้ยวขอเอา" ความหวังดีของวิภูคงไม่ใช่เรื่องดี และเธอก็ไม่ควรประมาท
"อ้อยหวานเพิ่งนึกได้ว่าต้องไปทำธุระในห้องครัวก่อนค่ะ"
"ดีเลย ฉันหิวมากเธอไม่ได้ทำกับข้าวนี่วันนี้ ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย เธอเข้าไปทำอะไรให้กินหน่อยสิ เสร็จแล้วก็เอานมขึ้นไปให้ฉันบนห้องด้วย ฉันต้องดื่มก่อนนอน เร็วๆ ด้วยนะหิวมาก" สั่งเสร็จเขาก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว คนอยากจะทักท้วงก็ทำได้แต่อ้าปากค้าง
'จะเลี่ยงจะหนียังไงก็ไม่พ้นหรอกยัยอ้อยหวาน'
วิภูเดินผิวปากเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี เขาทำเป็นไม่สนใจหญิงสาวแม้แต่น้อย นั่นก็ทำให้อ้อยหวานรู้สึกเบาใจขึ้นมาหน่อยหนึ่ง ยอมที่จะเข้าไปทำกับข้าวแบบง่ายๆ ให้เขาหนึ่งจาน
ระหว่างที่วิภูนั่งรับประทานข้าวที่เป็นฝีมือของอ้อยหวาน สายตาเขาก็แทบไม่มองหญิงสาวแม้แต่น้อย ไม่มีท่าทีกะลิ้มกะเหลี่ยเหมือนเช่นเคย
"ว่าไงจ๊ะโบว์ ได้จ้าเดี๋ยวขึ้นไปคุยที่ห้องนอนนะ อยากเปิดคอมพ์เห็นหน้าโบว์ คิดถึงรู้ไหม" ยิ่งเสียงคุยโทรศัพท์หวานหยดแบบนี้ ยิ่งทำให้อ้อยหวานนึกโล่งขึ้นในใจ หญิงสาวมองเขาคุยโทรศัพท์ทั้งรอยยิ้มบนใบหน้า
"อย่าลืมนมนะอ้อยหวาน" วิภูใช้ฝ่ามือปิดหูโทรศัพท์มือถือแล้วหันมาบอกอ้อยหวาน ก่อนจะเดินขึ้นห้องไปอย่างหน้าระรื่น
"อ๋อ คนใช้น่ะโบว์ไม่มีอะไร"
'คนใช้?' อ้อยหวานชี้นิ้วใส่ตัวเองแบบเหวอๆ มีเวลาไปออดอ้อนสาวๆ แบบนี้คงไม่มาสนใจเมียเก็บพ่ออย่างเธอหรอก