เริ่ม
บาสเตียนเชื่อว่านี่คือพรหมลิขิต ที่พัดพาให้เธอและเขามาเจอกันเสียที หลังจากที่เธอเข้ามาหลอกหลอนในความฝันของเขา จนนอนหลับไม่สนิทมาร่วมอาทิตย์ ก่อกวนจนเขาอยากเห็นหน้าคร่าตา และเห็นตัวจริงเสียงจริงว่าจะเป็นเช่นไร และวันนี้สิ่งที่เขารอคอยก็มาเยือนจนได้ และทำไมเขาจะไม่รีบคว้าโอกาสนี้ไว้ เพื่อทำความรู้จักกับเธอ... จริงไหม
อันนาเหลือบสายตามองอิงนภาที่ยืนหน้าบึ้งจ้องเธอตาแทบถลนก็ยิ่งสะใจ พอจะเดาอะไรหลายๆ อย่างออกได้ งานนี้คงมีอะไรสนุกๆ ให้เธอทำแก้เซ็ง ในระหว่างถูกพักงานเป็นแน่
“เสร็จแล้วก็ออกไปสิ จะมายืนเสนอหน้าอยู่ทำไม” อิงนภากัดฟันเสียงเบา เดินเข้ามาจับมืออันนาและจิกเล็บลงไป
“โอ๊ย! พี่อิง ข้าวเจ็บนะ พี่อิงมาหยิกข้าวทำไม” แสร้งเล่นให้ตัวเองเป็นนางเอกผู้น่าสงสาร ทั้งที่จริงเธอไม่อยากเป็นนางเอกเสียด้วยซ้ำ เธออยากเป็นนางร้ายมากกว่า นางร้ายที่พร้อมจะตบตีกับคนชั่ว ที่มารังแกเธอให้แหลกลาญ โดยไม่สนใจว่าคนนั้นจะเป็นใคร
“นะ นี่จะบ้าเหรอ ฉันจะไปหยิกเธอทำไม คุณบาสอย่าไปฟังที่ยัยขะ...น้องข้าวพูดนะคะ” รีบหันมาแก้ตัวกับผู้ชายที่ขยับลุกขึ้นเดินเข้ามายืนด้านข้าง
บาสเตียนก็ไม่ได้โง่พอ ที่จะมองไม่ออกว่าผู้หญิงสองคนนี้ไม่ถูกกันมาก่อน และดูเหมือนจะไม่ถูกกันมากเสียด้วย ดูจากการที่หญิงสาวในความฝัน ที่เขาเพิ่งรู้จักชื่อเล่นว่าข้าวเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาเตรียมฟาดอิงนภาเต็มที่ หากเขาไม่นั่งอยู่ในนี้ ไม่แน่ว่าป่านนี้อิงนภาคงถูกตบหน้าหันไปแล้ว
อันนาแอบเบะปาก อยากจะอาเจียนออกมาเสียจริงกับคำว่าน้องข้าว ที่อิงนภาเรียกขาน ซึ่งปกติแทบจะจิกหัวเรียกเธอว่าอีรอมร่อ
ฟังแล้วขนลุกชะมัด...
“คุณบาสจะเชื่อพี่อิงก็ได้นะคะ ข้าวไม่ได้ว่าอะไร ข้าวเป็นคนนอกแต่คุณกับพี่อิงเป็นแฟนกัน ก็ย่อมต้องเชื่อคนของตัวเองอยู่แล้ว” อิงนภายิ้มกริ่ม ใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ในคราแรกแย้มยิ้มออกมา เมื่อวันนี้อันนาพูดจาเข้าหูเสียเหลือเกิน
“ผมว่าคุณข้าวคงเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ” เมื่อบาสเตียนเปิดมาแบบนิ้ มีหรือที่อันนาจะไม่ขยี้ต่อ
“เรื่องไหนเหรอคะที่ข้าวเข้าใจผิด”
“ก็เรื่องที่คุณข้าวบอกว่าผมเป็นแฟนคุณอิงยังไงล่ะครับ ไม่ใช่เลยสักนิด” อันนาหันมายิ้มเย้ยให้อิงนภาอย่างผู้ชนะ ก่อนจะเบนสายตามายังบาสเตียน
“ถ้าไม่ใช่ งั้นแสดงว่าคุณบาสก็โสดเหรอคะ หรือว่าจริงๆ แล้ว คุณบาสมีแฟนหรือคนคุยอยู่แล้ว”
“ผมไม่มีใคร ผมโสดครับ” ก็ในเมื่ออันนาปูทางมาแบบนี้ จะให้เขาทำอย่างไร คงต้องเดินตามหมากที่หญิงสาววางไว้ด้วยความเต็มใจ และเป็นความจริงทั้งนั้น เขาโสดมานานหลายปี จนแมงมุมจะชักใยพันรอบตัวอยู่แล้วเนี่ย
อันนายิ้มหวานซ่านใจ นัยน์ตาเจิดจรัสด้วยความสุขปนสะใจ เหลือบสายตามองหน้าอิงนภาเล็กน้อย พร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างมากขึ้นกว่าเดิม ขยับตัวเดินเข้ามาจับมืออิงนภาไว้กล่าวเสียงหวาน
“ได้ยินแล้วนะคะพี่อิง ว่าคุณบาสเตียนโสดไม่มีใคร” ว่าแล้วก็จิกเล็บกลับคืนไปบ้าง จนอิงนภาต้องสะบัดมือออก มองอันนาตาขวาง
“งั้นข้าวกลับก่อนนะคะพี่อิง” พูดจบก็ดึงอิงเข้ามากอดกระซิบชิดหูเล็กให้ได้ยินกันสองคน
“ผู้ชายคนนี้ฉันขอนะ อยากได้” ผละตัวออกห่าง ยิ้มให้อิงนภาอีกครั้ง ก่อนจะหันไปยิ้มลาบาสเตียนอย่างมีจริต และเดินออกมาจากห้องทำงานอย่างมีความสุข
ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าอิงนภาและผู้ชายในฝันจะเป็นเช่นไรต่อไป ในเมื่อเธอสามารถทำให้อิงนภาหงุดหงิด โมโห ไม่พอใจและไม่พอใจมาก จนอยากจะกระโดดเข้ามากัดคอเธอให้ตาย แค่นี้เธอก็สบายใจมากพอแล้ว แม้จะรู้ว่าต่อจากนี้ชีวิตของเธอจะไม่มีทางอยู่อย่างสงบสุขต่อไปอีกก็ตาม
แต่จะว่าไปชีวิตเธอก็ไม่ได้อยู่อย่างสงบมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกแล้วมั้ง จะเป็นไรไปหากต่อจากนี้ มันจะยุ่งวุ่นวายขึ้นมาอีกสักหน่อย
แต่บอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าเธอไม่ใช่คนยอมคนและยอมใคร ในเมื่อคิดจะร้ายใส่เธอ ก็ต้องรับให้ได้ถ้าเธอร้ายใส่ แต่ถ้าดีมาเธอก็พร้อมจะเป็นแม่ชีกลับไปเช่นกัน
“คุณอันนา คุณอันนาครับ หยุดก่อนครับ” เสียงร้องตะโกนของผู้ชายดังตามหลังมา
อันนาหันกลับไปมองอย่างเลี่ยงไม่ได้ คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีคมเข้มสมกับเป็นชายไทย ร่างสูงใหญ่ ผิวสีแทน ความสูงน่าจะประมาณหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ในชุดสูทสีดำร่วมสมัย เดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า ด้วยใบหน้าอันเรียบเฉยพร้อมกับโค้งศีรษะให้เธออย่างสุภาพ
“เจ้านายผมฝากให้ผมนำสิ่งนี้มาให้ครับ และกำชับว่าขอให้คุณตอบกลับด้วย ไม่ว่าคุณจะตกลงหรือไม่ ก็ขอให้ตอบกลับมา” อันนารับแผ่นกระดาษสีขาวที่ถูกพับเป็นรูปสี่เหลี่ยม จากชายตรงหน้ามาคลี่ออกดู
ข้อความถูกเขียนด้วยลายมือเพียงไม่กี่คำ แต่กลับทำให้อันนายิ้มมุมปากขึ้นมา ก่อนจะพับกระดาษเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง และหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพาย กดลงไปสองสามทีและยื่นให้ชายตรงหน้า
“คุณจะถ่ายรูปไปหรือจะสแกนเลยก็ตามใจ ส่งโลเคชั่นร้านมาให้แล้วกันนะคะ” ชายหนุ่มรีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อสูท ออกมาถ่ายรูปคิวอาร์โค้ดไว้และเพื่อกันพลาดก็สแกนเพิ่มเพื่อนไปเลยอีกชั้น
“ขอบคุณครับ แล้วผมจะแจ้งเจ้านายให้ทราบ หมดหน้าที่แล้วขอตัวนะครับ”
อันนายิ้มให้ หมุนตัวเดินจากไปไร้ซึ่งคำลา เช่นเดียวกับชายหนุ่มก็รีบเดินกลับเข้าไปหาเจ้านายที่ยังคุยงานไม่เสร็จ เพื่อนำข่าวดีไปรายงานให้ทราบ