ต่างคนต่างรู้ทัน
หากจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไร จากการเลิกรากับแฟนหนุ่มที่คบหากันมานานสามปีคงไม่ใช่ ตลอดเวลาที่คบหากัน ก็ใช่ว่าไม่มีความสุขเสียเมื่อไหร่ มีเรื่องราวดีๆ เป็นความทรงจำสวยงามที่ทำร่วมกันเกิดขึ้นมากมาย
ทว่าเมื่อความจริงใจ ความรัก ความซื่อสัตย์ที่เธอมีให้ เขาไม่เห็นค่า เห็นความหมาย ไยเธอจะต้องเสียน้ำตามากมาย จมอยู่กับความทุกข์ระทมตรมใจด้วยเล่า
ไยถึงไม่สลัดความเศร้าเสียใจออกไปให้เร็วพลัน ทำให้ตัวเองมีความสุข มีชีวิตชีวา ทำให้คนที่ทิ้งเราไป นอกใจเราก่อน เกิดความเสียดายที่ทิ้งเพชร และหันไปคว้ากรวดดินทราย
เพราะฉะนั้น...อันนาจึงตกปากรับคำตามคำชวน ของชายในฝันที่ชื่อบาสเตียนอะไรนั่น ในการดินเนอร์สานความสัมพันธ์ของกันและกัน ไม่ผิดใช่ไหมที่เธอจะมูฟออนได้เร็ว กับผู้ชายคนใหม่ จะออกไปทานข้าวกับผู้ชายที่เพิ่งเจอหน้ากันแค่ครั้งเดียวก็ว่าได้
แต่จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ในเมื่อผู้ชายคนนั้น คือผู้ชายในฝันที่เข้ามาวุ่นวายการหลับนอนของเธอร่วมอาทิตย์ นั่นแสดงว่าเธอกับเขาเจอกันมาแล้วถึงหนึ่งอาทิตย์ คงไม่แปลกอะไร หากเธออยากทำความรู้จักกับผู้ชายในฝันให้มากขึ้น และดูเหมือนเขาก็อยากรู้จักเธอเสียด้วยสิ
ให้เธอนอนเหงาๆ จมกับความเศร้าคงไม่ไหว อีกอย่างหากชายหนุ่มไม่ชวนเธอไปทานข้าว เธอก็ว่าจะชวนเพื่อนออกไปปาร์ตี้ฉลองความโสดอยู่แล้ว
อันนาขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดภายในโรงแรมหรู ไม่ใช่แค่หรูธรรมดา ทว่าหรูหราหมาเห่า ชนิดที่ว่าค่าอาหารในวันนี้เข้าสู่หลักหมื่น เพราะร้านอาหารอยู่บนชั้นบนสุดของโรงแรม ที่สามารถมองทัศนียภาพยามค่ำคืน ในเมืองกรุงได้สามร้อยหกสิบองศาและยังมีความเป็นส่วนตัวสูง
เมื่อเดินเข้ามาภายในโรงแรม อันนาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าตาดียืนรออยู่ตรงหน้า เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ทำอาชีพอะไร เป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย เป็นเศรษฐี หรือเป็นมาเฟียผู้ทรงอำนาจกันแน่ เพราะยังไม่มีเวลาหาข้อมูล
แต่ที่เธอรู้ชัดเห็นแจ้ง คือชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคาย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนชวนฝัน สันกรามน่าลูบไล้ จมูกก็ไม่รู้จะโด่งอะไรหนักหนา ริมฝีปากก็หยักสวยได้รูปจนเธอนึกอิจฉา และหากเดาไม่ผิด ภายใต้ชุดสูทเนื้อดีที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าราคาแพงลิบลิ่ว คงอัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามน่าสัมผัส และทำไมเธอถึงอยากสัมผัสมันด้วยล่ะ
บ้าจริงยัยข้าว หื่นไม่ดูเวล่ำเวลา
“สวัสดีครับ คุณสวยมากจนผมอยากมองนานๆ” จะว่าปากหวานก็คงไม่ค้าน
ทว่าสิ่งที่เอ่ยออกไปส่วนเป็นเรื่องจริงทุกคำ เมื่อหญิงสาวตรงหน้าแต่งกายมาในชุดเดรสสีแดงเร่าร้อนเข้ารูป ที่เปลือยแขนเรียวหนึ่งข้าง ส่วนอีกข้างก็เป็นแขนยาวดูเก๋เข้ากับใบหน้า
ช่วงเอวคอดรับกับสะโพกผาย เผยเรียวขายาวขาวเนียนน่าลูบไล้เล่น เนื่องจากตัวชุดด้านหน้าแหวกขึ้นมาเห็นต้นขาขาว
ทั้งชุดทั้งคนช่างสวยเฉี่ยวเปรี้ยวเสียจริง ยิ่งหญิงสาวแต่งหน้าให้เข้ากับชุด รวบรัดผมยาวขึ้นสูงเผยใบหน้าเรียว มีผมหน้าม้าบางๆ ลงมาปิดหน้าผากไว้ ชวนให้อยากใช้นิ้วเกลี่ยออกและจุมพิตลงบนหน้าผากนูนนั้นเสียจริง
“และดูเหมือนคุณจะมองนานอย่างที่พูดมาไม่มีผิดนะคะ มองจนข้าวร้อนวูบวาบเหมือนตัวเองกำลังถูกลวนลามทางสายตา” เย้าทีเล่นทีจริง
คนถูกเย้ากึ่งตำหนิยกมือขึ้นลูบท้ายทอยยิ้มเขิน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเอ่ยยอมรับออกไป
“ก็คุณสวย ผมก็มองนานเป็นธรรมดา”
“คุณก็หล่อ จนข้าวเผลอมองเหมือนกัน” บาสเตียนโค้งศีรษะรับ พลางยิ้มออกมา
มวยถูกคู่สินะ...
“ขอบคุณครับคุณผู้หญิง เชิญครับ” ยกแขนตั้งฉากขึ้น อันนาจึงไม่อาจปฏิเสธได้ลง วางมือลงบนท่อนแขนแกร่งนั้น
ทั้งคู่เดินควงแขนเข้าไปโรงแรม คนที่พบเห็นต่างหันมองด้วยความชื่นชม และคิดว่าทั้งคู่ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมเสียจริง ไฉนเลยจะรู้ว่าทั้งคู่เพิ่งเจอกันวันนี้เป็นวันแรก
ไวน์แดงสองแก้วถูกยกขึ้นชนกัน ต่างคนก็ต่างดื่มด่ำกับรสชาติของไวน์ราคาแพง และบรรยากาศยามค่ำคืนสุดโรแมนติก เคล้าเสียงเพลงคลาสสิคเปิดคลอเบาๆ
“ทำไมคุณข้าวถึงยอมตกลงรับคำเชิญของผมครับ” บาสเตียนเปิดบทสนทนาขึ้น เมื่อเห็นอันนาวางแก้วไวน์ลง
อันนาช้อนสายตาระยิบระยับดุจดาวบนท้องนภาขึ้นมองอย่างมีจริต เรียวปากอิ่มแย้มยิ้มชวนหวั่นไหว
“แล้วทำไมข้าวถึงจะไม่รับคำเชิญล่ะคะ”
“คุณข้าวกำลังใช้ผมเป็นหมากตัวหนึ่งบนกระดาน เพื่อเดินเข้าไปตีฝั่งตรงข้าม ผมพูดถูกไหมครับ” บาสเตียนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีสบาย มือประสานกันบนหน้าท้อง ใบหน้าเคลือบรอยยิ้มบางตลอดเวลา สายตาอบอุ่นทอดมองหญิงสาวตรงหน้าไม่มีละสายตาไปไหน ยิงคำถามที่อยากรู้ออกไปไม่อ้อมค้อม
เช่นเดียวกับอันนาก็ทอดสายตาประสานกับบาสเตียนไม่ยอมหลบ และเธอก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องหลบ ในเมื่อเธอกล้ารับคำเชิญจากคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกัน แล้วไยต้องกลัวด้วยเล่า อีกอย่างก็ดูเหมือนเขาจะรู้ทันความคิดของเธอ
ก็ดี... จะได้เจรจาให้รู้เรื่องรู้ราว ไม่ต้องอ้อมโลกให้เสียเวลา
“ถูกค่ะ คุณคือหมากที่ข้าวอยากจับเดินไปตีคู่ต่อสู้อีกฝั่ง แต่ดูเหมือนหมากตัวนี้จะรู้ทันแล้วสิคะ ถ้ารู้แบบนี้คุณยังอยากจะเป็นหมากให้ข้าวอยู่ไหม”
บาสเตียนยังคงไว้ซึ่งรอยยิ้มเต็มใบหน้า ทว่าในใจกลับมีเรื่องให้ครุ่นคิดชวนสงสัย ว่าเหตุใดอันนาถึงอยากทำร้ายครอบครัวนั้นนักหนา อันนากับครอบครัวนั้นมีเรื่องอะไรกันมาก่อนอย่างนั้นหรือ อีกอย่างอันนาก็ทำงานที่โรงพยาบาลของครอบครัวอังควิภากรไม่ใช่หรือ
“ถ้าผมยอมเป็นหมากให้คุณจับเดินตามที่คุณต้องการ ผมจะได้อะไรตอบแทนกลับมาบ้าง ถ้าสิ่งที่ผมจะได้คือดินเนอร์มื้อนี้เพียงมื้อเดียว ผมว่ามันไม่คุ้มค่า และคนฉลาดกล้าได้กล้าเสียอย่างคุณก็น่าจะรู้ว่าผมต้องการอะไร”
อันนายังคงยิ้มตลอดเวลา และจ้องหน้าบาสเตียนเช่นนั้น สงสัยงานนี้เธอคงเจอกับนายทุนเขี้ยวลาก หรือนักธุรกิจหัวหมอที่ค้ากำไรเกินควรเสียแล้ว
“แล้วคุณต้องการอะไรล่ะคะ ตัวข้าว ความสัมพันธ์ที่ไม่ผูกมัด เซ็กซ์ที่เร่าร้อนถูกใจ หรือที่วัยรุ่นสมัยนี้เรียกกันว่า One night stand หรือว่าจะเป็น Friend with bennefit แล้วเราจะเลือกความสัมพันธ์แบบไหนดีคะ”
จากที่คิดว่าอันนาใจกล้า กล้าได้กล้าเสีย แต่บาสเตียนไม่คิดว่าเธอจะกล้าได้กล้าเสียถึงขนาดนี้ และยังใจกว้าง ใจใหญ่เสียด้วยสิ
“ความสัมพันธ์ที่คุณว่ามาผมผ่านมาจนชิน และเริ่มจะเบื่อมากเสียด้วยซ้ำ” พูดมาถึงตรงนี้ แก้วไวน์ก็ถูกยกขึ้นจิบอีกครั้งและวางลงตามเดิม นั่งยิ้มกรุ้มกริ่มจนอันนาทนความอยากรู้ไม่ไหว เป็นฝ่ายถามออกมาเสียเอง
“แล้วคุณต้องการแบบไหน”
“คุณใจร้อนและเอาแต่ใจกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะ สาวน้อยอันนา”
“ข้าวไม่ใช่เด็ก” แย้งกลับออกมาทันควัน ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มพึงใจและแววตาขบขัน จนอันนาต้องยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด นัยน์ตาหวานเริ่มฉายแววไม่พอใจออกมา
กิริยาแววตาที่หญิงสาวแสดงออกมา ว่าเริ่มไม่พอใจตนเองนั้น ทำให้บาสเตียนนึกเอ็นดูจนเผลอยิ้มกว้าง
นี่เขากำลังหลงผู้หญิงคนนี้หรือเปล่านะ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมด แม้แต่ตอนนี้ที่เธอเริ่มจะไม่พอใจ เขาก็ยังมองดูว่าเธอเหมือนลูกแมวขนสีขาว และขนตรงช่วงหลังคอก็กำลังตั้งชันขึ้นมา
รักแรกพบเหรอวะไอ้บาส
“บอกมาว่าคุณต้องการยังไง” เมื่อบาสเตียนยังคงนั่งยิ้มมองเธออยู่อย่างนั้น ไม่พูดไม่จาอะไรเสียที จะเอายังไงก็ไม่ว่า จากที่หงุดหงิดในคราแรกดูเหมือนจะเพิ่มมากกว่าเดิม และหากเขายังนิ่งเฉย บอกเอาไว้เลยว่าเธอจะไม่ง้อให้เสียเวลา
“Sweetheart , Girlfriend , Drarling , My Love , My Dear , Ba…”
“แยะไปแล้วค่ะ” แทรกขึ้นมาเสียเลย ก่อนที่คำพูดหวานหูชวนเลี่ยนจะถูกร่ายยาวมากกว่านี้
ผู้ชายคนนี้นี่ยังไงนะ ทำไมชอบกวนประสาท กวนโมโหเธออยู่ร่ำไป