คนในความฝัน1
ห้องทำงานกว้างขวางใหญ่โตสมกับฐานะ และตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังคุ้นหู เพราะขยันทำข่าวประชาสัมพันธ์ทั้งทางหน้าจอโทรทัศน์และสื่อโซเชียล ไหนจะกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสังคม ที่ทำร่วมกับทางภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ ที่เข้ามาขอความร่วมมืออีก ไหนเลยจะไม่คุ้นชื่อโรงพยาบาลแห่งนี้
อันนานั่งกระแทกลมหายใจออกมาจนปอดแทบแตก จมูกแทบพัง หากเสริมจมูกซิลิโคนคงมีทะลุออกมาบ้างล่ะ ใบหน้าที่จัดว่าสวยงามแม้จะไม่ได้หยาดเยิ้มดั่งดารานักแสดง ทว่าก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่จนเกินไป ตรงกันข้ามกับดูเก๋ เฉี่ยวเสียด้วยซ้ำ
ทว่าบัดนี้กลับบูดบึ้งไม่น่าแลสักนิด คิ้วที่โก่งสวยได้รูปก็ถูกเจ้าตัวขมวดเข้าหากันเป็นปมอยู่บ่อยครั้ง แก้มเนียนสองข้างก็อัดแน่นไปด้วยลมจนพองขึ้นมา ยกแขนขึ้นมากอดอก
"เป็นบ้าอะไร ทำไมไปอาละวาดแบบนั้น" เมื่อคิดว่าให้คนตรงหน้านั่งปรับอารมณ์นานพอสมควร อิชย์นักบริหารหนุ่มที่พ่วงตำแหน่งพี่ชายของอันนาแบบลับๆ ก็เริ่มบทสนทนาขึ้น
คนถูกถามแสดงสีหน้าว่าเซ็งและเบื่อหน่ายเสียหนักหนา เงยหน้ากลอกตาไปมาจนเมื่อยเบ้า เอนหลังพิงพนักเก้าอี้มองหน้าคนตรงหน้า
"ไม่ได้เป็นบ้า แต่แค่เป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ไม่เก่งแค่นั้นเอง โดยเฉพาะเรื่องที่มันอ่อนไหวต่อความรู้สึก คุณก็รู้ว่าข้าวทนไม่ค่อยจะได้"
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องกัน ที่มีไม่กี่คนที่ทราบ เพราะเป็นพี่น้องคนละแม่ แต่อันนาก็ใช่ว่าจะอยากญาติดีกับครอบครัวใหญ่ของบิดาผู้ให้ชีวิตมาเสียเมื่อไหร่
นอกจากอิชย์ครอบครัวนั้นก็ไม่คิดจะญาติดีกับเธออยู่แล้ว หากฆ่าเธอได้คนเหล่านั้นคงฆ่าเธอไปตั้งแต่อยู่ในท้องด้วยซ้ำ แต่จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก เพราะคนเหล่านั้นเคยคิดจะฆ่าเธอแล้วต่างหาก
แต่ก็อย่างว่าเธอมันดวงแข็ง คนมันอยากเกิด อยากลืมตามาดูโลก แม้ครอบครัวนั้นจะหลอกให้แม่เธอกินยาขับเลือด แต่เดชะบุญหรือเดชะบาปก็ไม่รู้ ที่เธอเกาะมดลูกแม่เอาไว้แน่นเหนียวไม่หลุดออกมา จึงได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกอยู่เป็นเสี้ยนหนามแทงใจ ของตระกูลนั้นมาจนถึงทุกวันนี้
"พี่เข้าใจ แต่พี่อยากให้ข้าวเก็บอารมณ์ได้มากกว่านี้หน่อย ข้าวเป็นถึงคุณหมอ คงไม่ดีแน่หากใครเห็นว่าคุณหมอไปตบตีอย่างที่ข้าวทำในวันนี้"
"คุณจะลงโทษข้าวยังไงว่ามาได้เลยค่ะ ข้าวยินดีรับโทษ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา และข้าวก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลชื่อดังของครอบครัวคุณเสียชื่อเสียง เพราะคงมีคลิปที่ข้าวกระโดดถีบผู้หญิงคนนั้นว่อนโซเชียลแน่ๆ" อิชย์ฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าให้กับความใจร้อน ไม่ยอมคน และการพูดจาโผงผางแบบนี้ของอันนา และไหนจะประโยคประชดประชันนั่นอีกล่ะ
"พี่คงต้องให้ข้าวพักงาน" อันนาพยักหน้ารับในคำตัดสิน และเธอเห็นว่านั่นคือสิ่งที่อิชย์สมควรทำมากที่สุด
"โอเคค่ะ ตกลงตามนี้ เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเลยนะคะ ดีเหมือนกันข้าวจะได้พักผ่อนบ้าง ช่วงนี้ขึ้นเวรติดกันมาหลายวัน เมื่อยชะมัด งั้นข้าวไปก่อนนะคะ เพราะข้าวมีเรื่องสนุกๆ ให้ไปจัดการอีกสักหน่อย ได้ข่าวมาว่ามีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน ไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่ใกล้จมูก จนได้กลิ่นเลยล่ะค่ะ" พูดทิ้งท้ายพร้อมกับยิ้มมุมปากให้อิชย์ ทว่าแววตากลับไม่ยิ้มแต่อย่างใด ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องทำงานไป พร้อมกับลมหายใจหนักๆ ของอิชย์ที่ผ่อนออกมา คว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ขึ้นมากดโทรออก
"อิงก่อเรื่องอีกแล้วใช่ไหม ฝีมืออิงใช่ไหม"
อันนาเดินเชิดหน้าฉับๆ มายังชั้นที่เป็นฝ่ายบริหาร และยังเป็นห้องทำงานของคนที่อยู่เบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้
ไม่รู้โชคเข้าข้างเธอหรืออย่างไร จึงทำให้เธอได้ยินผู้หญิงหน้าวอกที่แสดงตัวว่าเป็นแฟนของแฟนเก่าเธอ คุยโทรศัพท์กับคนที่เธอกำลังจะเดินไปหา ทำให้เธอรู้แจ้งเห็นชัดว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงมีผู้หญิงเข้าหาแฟนเก่าของเธอ
แต่จะโทษผู้หญิงอย่างเดียวคงไม่ได้ ในเมื่อผู้ชายก็ไม่รู้จักพอเช่นกัน แต่ก็ใช่ว่าเธอจะปล่อยคนที่อยู่เบื้องหลังนั่งหัวเราะเยาะเธออย่างสะใจสบายใจเสียเมื่อไหร่ มันต้องกระตุ้นกันเสียหน่อยพอหอมคอ