ลูกเมียน้อย
“อีลูกเมียน้อย!” เสียงร้องด่าดังตามหลังมา ทำให้หญิงสาวที่เพิ่งเดินจากมาถึงกลับหยุดชะงัก เท้าที่กำลังเดินฉับๆ จะจากไปเบรกลงแทบไม่ทัน หันขวับกลับไปมองผู้หญิงที่ยืนลอยหน้าลอยตายิ้มเย้ย ราวกับตัวเองคือผู้ชนะเสียเต็มประดาอย่างเอาเรื่อง
หญิงสาวในชุดกาวน์สีขาวก้าวกลับมาที่เดิม แม้รองเท้าที่สวมใส่จะสูงถึงสี่นิ้วก็ไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด มือบางยกขึ้นเท้าเอวจ้องเข้าไปในตาคู่เฉี่ยวของผู้หญิงตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง และคิดว่าอีกไม่นานต้องได้เกิดเรื่องขึ้นแน่
“เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ” บังคับเสียงไม่ให้สั่น บังคับมือและเท้าไม่ให้ลั่น ไม่ให้ยันโครมหรือตบผู้หญิงตรงหน้าเสียก่อน ทั้งที่ความจริงอยากพุ่งหลาวใส่ตั้งแต่ได้ยินประโยคนั้นดังมาเสียด้วยซ้ำ
สิ่งที่ทำได้คือกดโทรศัพท์บันทึกเสียงไว้ และวางโทรศัพท์คว่ำหน้าลงกับโต๊ะ เพื่อใช้เป็นหลักฐานหากเธอต้องเดินสวยๆ เข้าไปในสถานีตำรวจในข้อหาทำร้ายร่างกาย
ส่วนหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยเฉี่ยว แต่งตัวจัดจ้านรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น โดยเฉพาะทรวงอกคู่โตที่ล้นออกมาจากชุด ยิ้มเย้ยหยันออกมา เดินกอดอกเข้ามาใกล้แพทย์หญิงอันนา แฟนเก่าสดๆ ร้อนๆ เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ของนายแพทย์อคิณที่เป็นแฟนของเธอ
“คุณหมออันนา ยังไม่แกเลยนะคะ ทำไมหูไม่ดีแล้วล่ะ ไม่ได้ยินจริงๆ หรือว่าแกล้งไม่ได้ยินกันแน่ กับประโยคแทงใจดำที่ฉันพูดออกไปเมื่อกี้” แพทย์หญิงอันนา หรือจะเรียกว่าคุณหมอข้าวสั้นๆ ก็ได้ ยิ้มมุมปากเดินเข้าใกล้ศัตรูใหม่ป้ายแดง ที่ใจกล้าหน้าด้านเดินเข้ามาหาเธอถึงโรงพยาบาล และแจ้งแก่ประชาสัมพันธ์ว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ
จนเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ต้องโทรไปแจ้งเธอ บอกว่ามีญาติมารอพบ และมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ทำให้เธอเสียเวลางาน เสียเวลาดูแลคนไข้ เพื่อมาฟังผู้หญิงคนนี้บอกว่า แฟนของเธอนอกใจ ด้วยการไปมีอะไรกับผู้หญิงตรงหน้า
ส่วนแฟนของเธอก็เอาแต่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา ก้มหน้าเหมือนสมองหยุดการทำงานชั่วคราว ปล่อยให้ผู้หญิงตรงหน้าพูดใส่หน้าเธอปาวๆ ว่าจะเอาแฟนของเธอไป เพราะทั้งคู่รักกันหนักหนา แต่นั่นยังไม่ทำให้เธอโมโหเท่ากับคำว่าลูกเมียน้อย ที่ผู้หญิงใจกล้าหน้าด้านคนนี้เอ่ยออกมา
“อย่าพล่ามให้มาก ฉันถามว่าเมื่อกี้เธอพูดว่าอะไร” กดเสียงต่ำข่มความรู้สึกไว้ให้ลึก
“ก็ลูกเมียน้อยไง อีหมอลูกเมียน้อย มีแม่เป็นคนใช้ในบ้านที่เล่นชู้กับเจ้าของบ้านจนท้องขึ้นมา” หัวเราะเยาะเย้ยดังลั่น ภายในศูนย์อาหารของโรงพยาบาลดัง
อันนาถอดเสื้อกาวน์ที่เปรียบเสมือนวิชาชีพของตัวเองวางไว้ที่โต๊ะ เหลือบสายตามองนาฬิกาบนข้อมือ ก็เห็นว่าเหลืออีกหนึ่งนาทีจะได้เวลาเลิกงาน
หญิงสาวนับเวลาถอยหลังอย่างใจเย็น แม้แทบจะทนไม่ไหวก็ตาม ลมหายใจผ่อนออกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเพื่อข่มความร้อนระอุในใจไม่ให้ปะทุออกมา
ลูกเมียน้อยเหรอ ลูกเมียน้อยอย่างนั้นใช่ไหม เกิดเป็นลูกเมียแล้วยังไงวะ มันผิดมากเลยใช่ไหม ยิ่งคิดก็ยิ่งเดือดดาล
เมื่อได้เวลาเข็มยาวชี้เลขสิบสอง อันนาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา ปรี่เข้าไปกระชากคนที่ยืนยิ้มอย่างผู้ชนะ ฟาดมือลงบนใบหน้าที่ไม่รู้มีโบท็อกซ์อัดไว้หรือไม่เต็มแรงทั้งซ้ายและขวา ยกเท้ายันโครมเข้าที่ท้องของหญิงสาว จนเสียหลักล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าที่พื้น ทำเอาผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นแตกตื่นไปตามๆ กัน
“กรี๊ด...อ้าย....” เสียงหวีดร้องดังขึ้นทั่วห้องอาหาร
อคิณอดีตแฟนหนุ่มที่ยืนสมองตายไปก่อนหน้า เมื่อเห็นว่าแฟนเก่าและแฟนใหม่กำลังตบตีกันก็รีบเข้ามาห้าม
“ข้าว ข้าวพอเถอะ พอ”
“ปล่อยสิ ปล่อยสินายบ้า อย่ามาจับ ถ้าเลือดหัวแฟนนายไม่ออก อย่ามาเรียกฉันว่าข้าว”
“ได้ไงข้าว ดูสิคนมองไปหมดแล้ว เดี๋ยวก็ถูกพักงานหรอก”
“ไม่ต้องมายุ่ง ปั๊ดโธ่โว้ย! บอกว่าให้ปล่อยไง” อันนาพยายามดีดดิ้นให้หลุดออกจากวงแขนของอคิณ ที่เข้ามาล็อกตัวเธอไว้ หญิงสาวที่โดนถีบลงไปนอนแอ้งแม้งที่พื้น ก็รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าอันนา
“ฉันจะแจ้งความ ให้ตำรวจมาลากคอแกเข้าคุก อีหมอบ้า” ยิ่งได้ยินแบบนี้อันนาก็ยิ่งเดือดดาลเลือดขึ้นหน้า อารมณ์โมโหแล่นเป็นริ้วขึ้นมาในสมอง เรี่ยวแรงก็ยิ่งเพิ่มมหาศาล จะแจ้งความจับเธออย่างนั้นเหรอ
ได้! งั้นขอเอาให้หนักๆ หน่อยเป็นไง ไหนๆ ก็จะได้ไปที่โรงพักอยู่แล้ว
“ปล่อย!!” ร้องตะโกนสุดเสียง สะบัดตัวหนีสุดแรงและก็เป็นผลสำเร็จ เมื่ออคิณต้านแรงคนโมโหไม่ไหว อันนาก็ปรี่เข้าไปกระชากผมของผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งฟาดฝ่ามือลงไปอีกรอบ คนถูกตบกรีดร้องออกมาพยายามปัดป้องเอาตัวรอด
“กรี๊ดดดด...ช่วยด้วย...กรี๊ด”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ผมบอกให้คุณหยุด...หมอข้าวหยุด!” เสียงเข้มร้องตะโกนสั่ง พร้อมทั้งร่างหนาเจ้าของเสียงที่เข้ามารั้งอันนาออกไป
“โอ๊ย!! ปล่อยนะ จะมาจับอะไรนักหนา” อันนาร้องตะโกนว่า พยายามสะบัดตัวออก ไม่รู้จะมารุมจับเธอทำไมกัน ทั้งที่คนเริ่มก่อนไม่ใช่เธอสักนิด
“ถ้าไม่หยุด อย่าหาว่าผมใจร้ายกับคุณนะหมอข้าว” และนั่นจึงทำให้อันนาที่เหมือนคนสติหลุดไปก่อนหน้าผ่อนความโกรธลง แต่สายตาที่มองไปยังผู้หญิงคนนั้น กลับไม่ได้อ่อนแรงลงแต่อย่างใด
“คุณหมอข้าว ตามผมขึ้นไปบนห้องเดี๋ยวนี้” อันนาหันมองเจ้าของคำสั่ง ทำเสียงฟึดฟัดในลำคออย่างขัดใจ
ผู้ชายที่ชื่ออิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่ และยังพ่วงตำแหน่งพี่ชายหรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะหากเลี่ยงได้เขาคงไม่อยากเป็นหรือจะยังไง
ก็ช่างแม่งมันเอาไว้ก่อน เพราะคนที่เธอสนใจตอนนี้คือยัยหน้าวอกตรงหน้านี้ต่างหาก
“เดี๋ยวนี้” และเสียงต่ำที่กดลงของอิชย์ ทำให้อันนาถอนหายใจพรืดยาว คว้าเสื้อกาวน์รวมทั้งโทรศัพท์มาถือไว้ โดยไม่ลืมจะหันไปมองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง รวมทั้งอดีตแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกราไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงอย่างเจ็บใจ
คบกันมาสามปี แพ้ผู้หญิงที่รู้จักกันแค่สามสัปดาห์ น่าเจ็บใจชะมัด
“จับเมียนายล่ามโซ่ไว้ดีๆ อย่าให้ออกมาเดินเพ่นพ่านอีกล่ะ เพราะถ้าฉันเจอครั้งหน้า ฉันกัดไม่ปล่อยแน่” ว่าแล้วก็อยากจะพุ่งเข้าไปตบยัยหน้าวอกนั้นสองสามทีให้หายแค้น แต่เพราะมือของอิชย์รั้งแขนไว้ ดึงให้เดินตามออกไป อันนาจึงต้องล่าถอย แต่ก็ยังไม่วายชี้หน้าผู้หญิงคนนั้นอย่างฝากเอาไว้ก่อน
“อย่าให้เห็นอีกนะ แม่จะตบให้” หญิงสาวที่ถูกถีบกลับไม่จำ ร้องตะโกนตามหลังไป
“พอเถอะ กลับได้แล้ว ไม่อายคนบ้างหรือไง” อคิณว่าพลางเดินหนีออกไปจากศูนย์อาหาร หญิงสาวจึงรีบเดินตามออกมาเช่นเดียวกัน