เมียนิตินัย (75%)
“แล้วไปนอนที่ไหนมามดถึงได้กัดเอาแบบนั้น”
“เอ่อ…ห้องของคุณเซตค่ะ”
สรรพนามเรียกขานสามีของหลานสาวที่เปลี่ยนไปทำให้คนเป็นย่าขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยผ่านเหมือนไม่ได้ยิน แล้วหันไปถามพ่อหลานชายตัวดี
“ห้องเรามีมดด้วยเหรอพ่อเซต” คนถูกซักไซ้เหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ปั้นหน้านิ่ง แล้วเอ่ยตอบด้วยท่าทางไม่ส่อพิรุธใดๆ ได้อย่างแนบเนียนจนคนแก่ชักหมั่นไส้
“อาจจะมีมั้งครับคุณยาย ปากของหลานรักคุณยายถึงได้บวมเป่งขนาดนั้น” ฟังคำพ่อหลานชายหัวแก้วหัวแหวนแล้วคนแก่ก็ถึงกับค้อนลมค้อนแล้ง
“แหม…มดมันคงตัวใหญ่น่าดู ถึงได้กัดปากยัยอ้อนจนบวมเจ่อเหมือนโดนขโมยจูบเสียอย่างนั้น” วาจาเหน็บแนมของผู้เป็นยายเกือบทำให้เจ้าของร่างสูงใหญ่หลุดสะดุ้ง
ก่อนที่ประมุขของบ้านจะทันได้ซักไซ้ไล่เลียงหาตัวไอ้มดยักษ์จอมลามกที่บังอาจมาดูดปากหลานสาวของนาง ก็มีเสียงรถยนต์คันหนึ่งวิ่งมาจอดลงตรงหน้าเรือนไทยหลังใหญ่ ไม่นานผู้มาใหม่ก็เดินตามสาวใช้ขึ้นเรือนมา
“คุณย่า สวัสดีครับ”
ปรเมศกล่าวทักทายคนแก่พร้อมยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนจะหันไปส่งยิ้มอบอุ่นให้อ้อนรักและหนูน้อยอัปสรสวรรค์ ส่วนคนที่จ้องหน้าเขาเขม็งอย่างเซซาเรนั้นคุณหมอหนุ่มจงใจเลิกคิ้วใส่อย่างกวนๆ เขาชอบนักล่ะการปั่นหัวคนปากแข็งที่มักประกาศปาวๆ ว่าไม่รักเมียตัวเองให้ออกอาการหงุดหงิดงุ่นง่านเหมือนหมาบ้า
“อ้าว…พ่อเมศ สวัสดีจ้ะ มาๆ มานั่งข้างย่านี่มา”
“ของฝากครับคุณย่า” หลังจากทรุดกายลงนั่งข้างคนแก่ด้วยกิริยาสุภาพนุ่มนวลชวนเอ็นดู คุณหมอหนุ่มก็ยื่นกระเช้าของฝากในมือส่งให้อีกฝ่าย
“ขอบใจมากจ้ะ ว่าแต่ไปไงมาไงถึงได้มาซะมืดค่ำเชียว หรือว่ามาตรวจอาการคนดี”
“ใช่ครับ ผมมาตรวจอาการลูกหมูน้อยเพราะเกรงว่าคืนนี้จะไม่ได้นอน แล้วก็ตั้งใจว่าจะมาขอข้าวเย็นบ้านคุณย่าทานด้วยครับ” วาจาออดอ้อนคนแก่ของหมอหนุ่มทำให้เซซาเรนึกหมั่นไส้ขึ้นมาครามครัน
“ยินดีมากจ้ะ ยัยอ้อนไปบอกแม่บ้านจัดโต๊ะอีกที่นะลูก เผื่อพี่เมศเขาด้วย”
“อ้อนบอกแม่บ้านไว้ตั้งแต่ตอนสายๆ แล้วค่ะคุณย่า เอ่อ…ที่จริงอ้อนเป็นคนชวนพี่เมศมาทานข้าวบ้านเราเองแหละค่ะ อยากจะตอบแทนที่เขาอุตส่าห์มาตรวจอาการหลานถึงที่ไร่เมื่อเช้านี้ อ้อนต้องขอโทษคุณย่าด้วยนะคะที่ทำอะไรโดยไม่บอกกล่าวคุณย่าก่อน” อ้อนรักเอ่ยอย่างเกรงใจเพราะสำเหนียกดีว่าตนอยู่ที่นี่ในฐานะผู้อาศัย และไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ ที่จะตัดสินใจหรือทำอะไรโดยพลการ
“เด็กคนนี้นี่ จะมากังวลอะไรเล่า ย่าไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเสียหน่อย อีกอย่างที่หลานทำมันก็ถูกแล้ว พ่อเมศอุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกลเราก็ต้องตอบแทนน้ำใจเขาบ้าง”
“ขอบคุณค่ะคุณย่า ที่ไม่ถือโทษโกรธอ้อน” แม่สาวหวานคลี่ยิ้มละมุนพร้อมยกมือไหว้อีกฝ่าย กิริยามารยาทงดงาม แถมยังเจียมเนื้อเจียมตัวจนน่าสงสาร ทำให้คนแก่ทั้งรักและเอ็นดูไม่ต่างจากหลานสาวแท้ๆ
จากนั้นนางสอางค์ อ้อนรัก และปรเมศ ก็ผูกขาดการสนทนา โดยมีเซซาเรนั่งหน้าตึงมองเมียที่ไม่เห็นหัวเขาด้วยความไม่พอใจ ส่วนเพชรพริ้งนั้นพยายามเรียกร้องความสนใจจากเขาอย่างเต็มที่ หากแต่เซซาเรกลับไม่ไยดีต่อน้ำคำหวานหูแกมออดอ้อนที่หลุดออกมาจากปากสีแดงสด คนโอหังมองหน้าปรเมศด้วยสายตาแข็งกร้าวไม่เป็นมิตร แต่แทนที่จะกริ่งเกรงอีกฝ่ายกลับยิ้มเย้ย แล้วหันไปคุยกับเมียเขาอย่างสนิทสนม
ตอนแรกเซซาเรคิดว่าไอ้หมอหน้าอ่อนนั่นแค่อยากจะกวนประสาทเขา จึงตกปากรับคำว่าจะมาทานข้าวเย็นด้วย แต่ที่ไหนได้มันดันมาจริงๆ
“เอาล่ะ…ย่าว่าเราย้ายไปที่โต๊ะอาหารกันดีกว่า ป่านนี้แม่บ้านคงจัดกับข้าวกับปลาใกล้จะเสร็จแล้วมั้ง มาพ่อเซต ชวนแขกของเรามากินข้าวด้วยกัน”
ครั้นสนทนากันพอหอมปากหอมคอคนแก่ก็เอ่ยขึ้น รายหลังสุดนางสอางค์ไม่ได้อยากจะเชื้อเชิญนักหรอก แต่ด้วยความที่เป็นเจ้าบ้านจึงไม่อาจไปไล่ตะเพิดแขกเป็นเด็กๆ ทำได้เพียงลอบสังเกตการกระทำของอีกฝ่ายอยู่เงียบๆ หากมีอะไรเกินพอดีก็อาจจะต้องมีการตักเตือนกันบ้าง
หลังจากจูงมือหนูน้อยอัปสรสวรรค์เดินไปยังโต๊ะอาหารตามหลังผู้เป็นย่าซึ่งมีคุณหมอหนุ่มประคองทุกย่างก้าว อ้อนรักก็ขอตัวไปในครัวเพื่อยกอาหารออกมาช่วยแม่บ้าน เสร็จแล้วก็เดินไปล้างมือในห้องน้ำ ครั้นจะหมุนตัวกลับเข้าไปยังโต๊ะอาหาร ร่างอ้อนแอ้นก็ชนเข้ากับใครบางคนตรงหน้าห้องน้ำ
“อุ๊ย!” เสียงหวานใสหลุดอุทานด้วยความตกใจ วินาทีถัดมาดวงตากลมโตก็มองสำรวจแผ่นอกกว้างตรงหน้า ไม่บอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายคือสามีของเธอ
“หึ…ขวัญอ่อนจริงเชียว” น้ำเสียงห้าวห้วนมีแววเหน็บแนมในทีจนคนฟังเผลอชักสีหน้าด้วยความไม่ชอบใจ แค่หมุนไปชนเขาจำเป็นต้องหาเรื่องเธอด้วยหรือ คนอะไรขี้หงุดหงิดจนน่าหมั่นไส้
“หลีกทางด้วยค่ะ”
“จะรีบไปหาไอ้หมอหน้าอ่อนนั่นหรือไง”
“คงใช่มั้งคะ พอดีว่าช่วงนี้ฉันเบื่อคนแก่ เพราะคนแก่ชอบทำตัวงี่เง่า เอาแต่ใจ ไร้เหตุผล” สาวน้อยเชิดคางขึ้น แล้วเอ่ยตอบโต้อย่างฉะฉานทั้งที่ในใจเต้นโครมคราม ด้วยนึกหวาดหวั่นกับการคุกคามของพ่อตัวโต และท่าทีอวดดีของแม่สาวเรียบร้อยผู้ซุกซ่อนความแสบสันไว้ภายในก็ทำให้คนที่ยืนค้ำหัวอยู่ขบกรามแน่น
“เธอว่าใครแก่!” เซซาเรเค้นเสียงดุกร้าวลอดไรฟัน
“ใครที่ยืนคุยกับฉันก็คนนั้นแหละค่ะที่แก่”
“รวนเก่งแบบนี้พ่อจะปราบพยศให้ครางเป็นลูกหมา”
การเชิดหน้าเอ่ยท้าทายอย่างไม่กริ่งเกรงของแม่ตัวดีทำให้เขาหมดสิ้นความอดทน พ่อหนุ่มมาดดิบเดินย่างสามขุมเข้าหา ทำเอาสาวน้อยถอยกรูดพร้อมละล่ำละลักห้ามปรามเสียงหลง
“อย่านะ!”
“ฉันจะทำซะอย่าง ใครจะทำไม” คนโอหังลอยหน้าเอ่ยอย่างกวนๆ
จากนั้นเขาก็ไล่ต้อนให้เธอไปจนมุมตรงผนังเย็นเยียบโดยปราศจากสายตาของคนในบ้าน ร่างอ้อนแอ้นสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายจงใจทาบฝ่ามือกับผนังแรงๆ เพื่อกักกั้นเธอเอาไว้
ชั่วพริบตาพ่อเจ้าประคุณก็เคลื่อนกายทรงพลังเข้าประชิด แล้วลดใบหน้าหล่อลากไส้ลงมาหา ลมหายใจผ่าวระอุทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ครั้นจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นผลักไสอีกฝ่ายก็จัดการรวบข้อมือกลมกลึงเอาไว้ แล้วจับตรึงเหนือศีรษะ วูบหน้าลงมาชิดจนปากจะติดกับปากของเธออยู่รอมร่อ
“ถอยออกไปนะ” คนหลับตาปี๋ดิ้นรนขัดขืนพร้อมเอ่ยปากขับไล่
“เรื่องอะไรจะถอย” พ่อเจ้าประคุณกระซิบยียวน
“ถ้าไม่อยากถูกแขกมองว่าเสียมารยาทที่ปล่อยให้เขารอนานก็ปล่อยฉัน” อ้อนรักเอ่ยตะกุกตะกักพร้อมพยายามเบี่ยงหน้าหนีจากลมหายใจผ่าวระอุที่คลอเคลียข้างแก้มนุ่ม
“นึกว่าฉันจะสนไอ้เวรนั่นหรือไง มันอยากคิดยังไงก็ช่างหัวมันสิ” พ่อคนเอาแต่ใจลอยหน้าเอ่ยอย่างไม่แยแส ยิ่งแม่ตัวดีดูเหมือนจะแคร์ไอ้หมอหน้าอ่อนนั่นเขาก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาลเป็นเท่าทวี
“นั่นมันเรื่องของคุณ แต่ไม่ใช่ฉัน เพราะฉันเป็นคนมีมารยาทรู้จักกาลเทศะ” อ้อนรักลืมตาขึ้นมองหน้าอีกฝ่าย แล้วสวนกลับอย่างฉะฉาน
“หึ…มีมารยาทหรือทนห่างไอ้เวรนั่นไม่ได้กันแน่” เซซาเรเอ่ยเสียงขุ่น
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด” สาวน้อยไหวไหล่เบาๆ อย่างท้าทาย ความจองหองที่ถูกเจ้าตัวซุกซ่อนไว้ภายใต้ท่าทีหน่อมแน้มทำให้พ่อคนเจ้าอารมณ์กัดฟันกรอดๆ
“เจอกันตอนเช้าคงไม่หนำใจสินะ ถึงได้นัดเจอกันตอนเย็นอีก”
“ฉันจะเจอกับใครทำไมคุณต้องเดือดร้อนด้วยคะ ทีผู้หญิงของคุณยังมาเฝ้าได้ทั้งวันเลย” สาวน้อยเชิดหน้าเอ่ยเสียงแข็งๆ ด้วยท่าทางอวดดี ทั้งที่ในใจเต้นไม่เป็นส่ำกับความใกล้ชิดระคนคุกคามอันน่าหวาดหวั่น
“เขามาปรึกษาเรื่องธุรกิจ ไม่ได้มาเฝ้า”
“เอาธุรกิจมาบังหน้ามากกว่ามั้งคะ” อ้อนรักไม่รู้ตัวว่าเสียงของตัวเองเจือไว้ซึ่งการประชดประชัน
“อย่ามาทำเป็นหึง เพราะเธอไม่มีสิทธิ์ เธอมันก็เป็นได้แค่เมียตีทะเบียนที่รอวันฉันเขี่ยทิ้งเท่านั้นจำไว้” วาจาเชือดเฉือนหัวใจที่หลุดออกมาจากปากหยักให้เธอหมดสิ้นความอดทน
“งั้นก็เขี่ยฉันทิ้งซะสิคะ ฉันจะได้ไปให้พ้นๆ หน้าคุณเสียที” คนขี้ใจน้อยเชิดคางขึ้นพร้อมเอ่ยท้า นัยน์ตาไหวระริก
“หึ…คงคิดจะไปซบอกไอ้หมอหน้าอ่อนนั่นสินะ”
“ฉันจะไปซบอกใครมันก็เรื่องของฉัน” คราวนี้เธอตั้งใจรวนคนพาลบ้าง
“ถ้าจะปากดีขนาดนี้ก็อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยให้เธอไปเสวยสุขกับไอ้หน้าไหนง่ายๆ” เซซาเรประกาศกร้าว ใบหน้าคร้ามคมถมึงทึงชวนขนลุก
“คนใจร้าย! ฉันเกลียดคุณ!” สาวน้อยตัดพ้อเสียงเครือ
คำว่า ‘เกลียด’ ที่หลุดออกมาจากกลีบปากนุ่มเรียกเสียงคำรามกระหึ่มให้กระเด็นออกมาจากลำคอแกร่ง
“อย่าได้บังอาจมาพูดว่าเกลียดผัวตัวเอง”
“คุณไม่ใช่ผัวฉัน อย่างมากคุณก็เป็นได้แค่ผัวตีทะเบียนเท่านั้น” วาจาอวดดีที่แม่เมียจอมรั้นเอามาย้อนกลับทำให้เซซาเรแทบจะอาละวาดให้ลั่น
“ต้องให้ฉัน ‘เอา’ เธอก่อนใช่ไหม ถึงจะสำนึกได้ว่าฉันเป็นผัวเธอ” จอมโมโหร้ายเอ่ยด้วยท่าทางกราดเกรี้ยว
“หยาบคาย! คนไร้หัวใจ!”
เซซาเรของขึ้นทุกทีที่คำด่าทอแสลงหูพรั่งพรูออกมาจากปากจิ้มลิ้ม
“หุบปาก!” น้ำเสียงกร้าวกระด้างตวาดลั่น
“ไม่!” คราวนี้เธอออกอาการรั้นจนเขาหัวเสียสุดฤทธิ์
“อ้อนรัก! ฉันบอกให้หุบปาก!”
“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน” ท่าทีถือดีไม่จบไม่สิ้นทำให้ความอดทนเซซาเรขาดสะบั้นลงในบัดดล
“ปากดีเรียกร้องสิทธิ์ยิกๆ แบบนี้ พ่อจะ ‘ยัดเยียด’ สิทธิ์ให้ฟ้าเหลือง” เขาขยับร่างทรงพลังเข้าบดเบียดร่างเย้ายวนหอมกรุ่น เปลี่ยนมารวบมือของคนตัวเล็กด้วยมือเดียว ส่วนอีกมือก็ลนลานปลดกระดุมเสื้อยัยตัวร้ายที่ยั่วจนเขาของขึ้นแบบกู่ไม่กลับ ครั้นไม่ทันใจก็กระชากจนกระดุมกระเด็นกระดอนไร้ทิศทาง