บทย่อ
หลายปีที่ผ่านมาเธออยู่กับคำถามคาใจที่ว่า'ทำไมเขาต้องดีกับผู้หญิงทุกคนแต่ร้ายกับเธอ เธอไปทำอะไรให้เขาถึงได้จงเกลียดจงชังเธอนัก'การเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่มิอาจได้ครอบครองหัวใจของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำให้อ้อนรัก โอลิวิเยร์ อยู่อย่างเจ็บปวดเสมอมา แต่กระนั้นก็ยังหวังลึกๆ ว่าสักวันเขาจะมองเห็นค่า หากแต่เซซาเร รุกฆาต โอลิวิเยร์ กลับดับฝันทุกอย่างด้วยการแสดงท่าทีรังเกียจและชิงชังอย่างเปิดเผย ต่อให้ ‘กาฝาก’ อย่างเธอขยับจากฐานะหลานสาวนอกไส้ที่เขาไม่เคยเหลือบแลมาเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายเขาก็ไม่คิดจะแยแสอยู่ดีการถูกบังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงจืดชืดเป็นแม่ชีทำให้เซซาเรออกอาการต่อต้าน และพร้อมที่จะผลักไสเธอออกไปจากชีวิตทุกขณะจิต หากแต่เมื่อแม่ ‘เมียตีทะเบียน’ หยามน้ำหน้าด้วยการเป็นฝ่ายขอหย่า จอมวายร้ายก็แทบจะอาละวาดลั่น และประกาศว่าเธอจะไสหัวไปไหนก็เชิญ แต่ต้องหลังจากที่ทำ ‘หน้าที่เมีย’ สมบูรณ์แล้วเท่านั้น!“ฉันไปได้แล้วใช่ไหมคะ” หลังจากจรดปากกาเซ็นชื่อลงในสัญญาว่าจะไม่เรียกร้องทรัพย์สินใดๆ หลังการหย่าที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ อ้อนรักก็เอ่ยถามอย่างหวั่นๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองตาขวางพร้อมหายใจฟืดฟาด“ผู้หญิงจอมร้ายกาจมากเล่ห์อย่างเธอจะไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น” เซซาเรเค้นเสียงลอดไรฟันปนหอบหนักๆ ขณะกระชากเสื้อออกจากร่างร้อนรุ่ม“คุณจะทำอะไร”“หึ...อยากได้ฉันเป็นผัวจนตัวสั่นถึงขั้นใช้วิธีสกปรก แล้วยังมีหน้ามาถามอีกเหรอแม่คุณ ไม่ต้องเสแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาหรอกน่า เพราะแค่นี้ฉันก็อยากเอาเธอจะแย่อยู่แล้ว” จอมวายร้ายแสยะยิ้มน่าประหวั่นพรั่นพรึงพร้อมย่างสามขุมเข้าหา ทำเอาเธอถอยกรูดและร้องห้ามปรามเสียงหลง“อย่านะ!”“หย่าน่ะฉันหย่าให้เธอแน่แม่เมียแสนชัง แต่ก่อนหย่าฉันขอทำหน้าที่ผัวให้สาสมกับความร่านของเธอก่อนแล้วกัน” ขาดคำเขาก็กระชากข้อมือกลมกลึง ส่งผลให้ร่างอ้อนแอ้นปลิวมาปะทะแผงอกกว้าง ทันใดนั้นปากหยักก็กระแทกลงบดขยี้เรียวปากสีกุหลาบอย่างดุดันระคนดิบเถื่อน
เมียแสนชัง (50%)
ค่ำวันนี้ไร่หวานใจดูครึกครื้นเป็นพิเศษ เพราะมีงานฉลองมงคลสมรสของพ่อเลี้ยงบัลลังก์เมฆกับบุปผาสวรรค์ การรวมเป็นทองแผ่นเดียวกันของไร่ที่ทรงอิทธิพล และคนทั้งภาคเหนือต่างนับหน้าถือตาเจ้าของไร่ ทำให้แขกเหรื่อต่างพากันมาร่วมงานอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่จากหลายๆ จังหวัด นักธุรกิจ ไฮโซ เซเลบคนดัง และเหล่าคนงานของทั้งไร่หวานใจและไร่แดนสรวง
ธีมงานในค่ำคืนนี้เป็นแบบคันทรีรัสติก ซึ่งลานกว้างหน้าเรือนไทยหลังใหญ่ถูกเนรมิตให้เป็นบรรยากาศของโรงนา มีการตกแต่งด้วยไฟประดับ นำหลอดไฟกลมๆ มาแขวนทั่วบริเวณ และมีเก้าอี้กองฟางวางกระจายอยู่เป็นระยะ ทำให้ได้กลิ่นอายของฟาร์มไปในตัว ส่วนทางเข้านั้นจะเป็นซุ้มโค้งที่ประดับด้วยดอกกุหลาบสีขาว โดยมีบ่าวสาวและพยานรักตัวอ้วนจ้ำม่ำยืนต้อนรับแขกด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
แขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่พากันสวมใส่เสื้อผ้าสไตล์ฟาร์มของทางยุโรป ดูมีสีสันแปลกตาไปอีกแบบ เสียงหัวเราะและเสียงจับกลุ่มคุยกันดังแว่วออกมาเป็นระยะ คนงานได้รับอนุญาตจากผู้เป็นนายให้กินดื่มกันได้อย่างเต็มที่ แต่ห้ามมีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นเป็นอันขาด
“เอ่อ…คุณอ้อนคะ ป้าว่าวางมือจากตรงนี้แล้วไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ ดีกว่านะคะ เพราะเมื่อกี้ได้ยินว่าคุณเซตถามหาคุณอ้อนด้วยค่ะ สงสัยคงอยากให้คุณอ้อนออกไปต้อนรับผู้หลักผู้ใหญ่ด้วยกันมั้งคะ”
แม่บ้านวัยกลางคนเอ่ยบอกผู้ที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดแจงอาหารทั้งคาวและหวาน เห็นแล้วนางก็อดทึ่งไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายอยู่หน้าเตาจนหน้าสวยๆ มันเยิ้มโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ
ทั้งที่มีแม่ครัวอยู่หลายคน ไม่ว่าจะเป็นคนของทั้งไร่หวานใจและไร่แดนสรวง แต่หญิงสาวก็อยากจะช่วยหยิบจับอะไรบ้าง เดี๋ยว ‘ใครบางคน’ จะหาว่ากาฝากอย่างเธอวันๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่งอมืองอเท้า
อ้อนรัก โอลิวิเยร์ เจ้าของใบหน้าสวยหวาน วัยเบญจเพส ช้อนนัยน์ตาหวานปนเศร้าขึ้นมองหน้าอีกฝ่าย หลังจากจัดอาหารใส่จานเสร็จ ก่อนจะเอ่ยอย่างอ่อนหวาน
“อ้อนไม่ออกไปคงไม่เป็นไรมั้งคะ อ้อนคุยไม่เก่งและไม่ถนัดต้อนรับผู้หลักผู้ใหญ่ด้วยค่ะ”
“ถนัดไม่ถนัดเธอก็ต้องออกไปกับฉัน!”
เสียงห้าวกระด้างที่โพล่งขึ้นทำให้ผู้ที่หลบมาช่วยงานในครัวตั้งแต่เช้ามืดตัวแข็งทื่อ ก่อนจะส่งสายตาวิงวอนให้แม่บ้านช่วย แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าเจื่อนบอกเป็นนัยๆ ว่าในสถานการณ์เช่นนี้นางคงช่วยอะไรเธอไม่ได้ ก่อนจะหันไปค้อมหัวให้จอมบงการผู้ยิ่งใหญ่ แล้วเดินตัวลีบออกไปจากครัว เช่นเดียวกับสาวใช้และแม่ครัวคนอื่นๆ เนื่องจากพอจะรู้มาบ้างว่าเวลาที่ผู้มาใหม่ของขึ้นนั้นมันน่าขนหัวลุกมากแค่ไหน
เจ้าของร่างแน่งน้อยที่ยืนนิ่งแบบไร้ที่พึ่งสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหันไปหาคนโอหังที่พอมาถึงก็ทำท่าวางอำนาจบาตรใหญ่ ซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจากสามีใจทมิฬของเธอ
“เอ่อ…อ้อนไม่ไปไม่ได้เหรอคะ” อ้อนรักเอ่ยต่อรองเสียงอ่อย
“ฉันก็ไม่ได้อยากให้เธอไปเสนอหน้านักหรอก หากท่านผู้ว่าฯ ไม่เอ่ยปากว่าอยากเห็นหน้าเมียฉัน”
เซซาเร รุกฆาต โอลิวิเยร์ เจ้าของร่างสูงสง่า ใบหน้าหล่อเหลาติดจะดิบเถื่อน วัยสามสิบแปดปี ซึ่งอยู่ในชุดเสื้อลายสก็อตและกางเกงยีนส์สีเข้ม เอ่ยออกมาอย่างไม่คิดจะรักษาน้ำใจคนฟัง
“ไหนอาเซตบอกว่าจะไม่พูดให้ใครฟังไงคะ ว่าเราเป็นอะไรกัน”
น้ำคำที่แม่เมียในนามสวนกลับทำให้เซซาเรแทบหลุดคำรามออกมา
บัดซบ! เขาควรจะพอใจที่เธออยู่ในที่ของเธอ ทำตัวเป็นเมียตีทะเบียนหัวอ่อน และแสนจะเจียมเนื้อเจียมตัว ซึ่งบางทีก็ดูน่าหมั่นไส้ ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา และไม่คิดจะเรียกร้องสิทธิ์ใดๆ จากสามีอย่างเขา แต่พอเธอเอ่ยเช่นนี้ออกมาเขากลับนึกหงุดหงิดงุ่นง่านเสียอย่างนั้น
“หึ…เธอคิดเหรอว่าฉันจะบอกใครเรื่องที่ฉันจดทะเบียนสมรสกับ ‘เมียบ้านนอก’ อย่างเธอ หากคุณยายไม่พูด อย่าหวังเลยว่าใครหน้าไหนมันจะรู้ เรื่องของเราคงเป็นความลับไปจนกระทั่งเราหย่ากันโน่นแหละ”
“งั้นอาเซตก็กรุณาไปเรียนท่านผู้ว่าฯ ด้วยว่าเมียอาเซตไม่สบาย หรือไม่ก็ตายไปแล้วก็ได้ อาเซตจะได้ไม่ขายหน้าที่มีเมียบ้านนอกอย่างอ้อน” อารมณ์น้อยใจผสมกับความเหนื่อยทำให้เธอเอ่ยประชดประชันอย่างขาดสติ ทันใดนั้นสาวเจ้าก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่ออีกฝ่ายตวาดลั่นชนิดไม่สนว่าใครหน้าไหนจะได้ยินทั้งนั้น
“อย่ามากวนประสาทฉันนะ!”
“อ้อนไม่ได้กวน อ้อนพูดจริงๆ”
“หุบปาก! แล้วไปอาบน้ำแต่งตัวซะ ฉันให้เวลาเธอยี่สิบนาที ถ้าช้าเธอโดนดีแน่ อ้อ…แล้วก็แต่งตัวให้มันดีๆ ด้วยล่ะ อย่าทำให้ฉันอับอายขายขี้หน้าเป็นอันขาด”
คำสั่งประกาศิตทำให้อ้อนรักนึกขัดใจระคนหมั่นไส้อีกฝ่าย ทว่ากลับต้องยอมจำนนอย่างมิอาจโต้แย้งใดๆ เพราะไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายใหญ่โตจนรู้ไปถึงหูคนเป็นย่า เดี๋ยวท่านจะพลอยไม่สบายใจไปด้วย อีกทั้งสำเหนียกดีว่าถึงแม้จะพยายามตอบโต้เหมือนกับใจกล้า แต่สุดท้ายเธอก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่คนปากร้ายอยู่ดี
หลังจากนั้นยี่สิบนาทีไม่ขาดไม่เกิน อ้อนรักที่อยู่ในชุดเดรสยาวคลุมเข่า สีครีมลายดอกเดซี่กระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก ทรงเปิดไหล่ตกแต่งระบายเลเยอร์เป็นชั้นๆ ผมถักเปียโดยมีการนำดอกมะลิมาปักแซมเป็นระยะ ส่วนใบหน้าพริ้มเพรานั้นแต่งด้วยโทนอ่อนๆ ชวนมอง ก็เยื้องย่างกรายมาหยุดลงตรงหน้าสามีจอมบงการ
วินาทีแรกที่เห็นเจ้าของร่างอรชรอ้อนแอ้นซึ่งอยู่ในชุดน่ารักแฝงความเซ็กซี่เล็กๆ เซซาเรก็เหมือนจะชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะปั้นสีหน้าเรียบสนิทยากจะคาดเดาอารมณ์ความรู้สึก
ครั้นเห็นว่าผู้เป็นสามีไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แต่มีม่ายสาวพราวเสน่ห์และแสนจะเจนสังคมอย่างเพชรพริ้งยืนเกาะแขนอยู่ไม่หาง อ้อนรักก็นึกอยากจะหันหลังกลับ แต่ไม่กล้าทำอย่างใจคิด ด้วยเกรงว่าพ่อคนอารมณ์ร้อนจะอาละวาดหรือสาดถ้อยคำร้ายๆ ใส่หน้า
“เอ่อ…เราจะไปสวัสดีท่านผู้ว่าฯ กันได้หรือยังคะ อ้อนพร้อมแล้วค่ะ”
อันที่จริงอ้อนรักก็ไม่ได้อยากขัดจังหวะการพูดคุยอย่างถูกคอของคนทั้งคู่นักหรอก อยากไปให้พ้นๆ จากตรงนั้นเสียด้วยซ้ำ เพราะยิ่งมองภาพบาดตาก็ยิ่งเจ็บปวดหัวใจ แต่ในฐานะภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายเธอย่อมมีสิทธิ์ดึงสามีออกมาจากหญิงอื่นด้วยวิธีละมุนละม่อม
“ผมขอตัวก่อนนะครับพริ้ง จะพายัยนี่ไปสวัสดีท่านผู้ว่าฯ เสียหน่อย”
“อย่าไปนานนะคะพริ้งคิดถึง” น้ำคำออดอ้อนออเซาะหวานหยดย้อยทำให้สาวหวานผู้เรียบร้อยอดเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ และกิริยาซุกซนที่ซ่อนอยู่ในท่าทีหน่อมแน้มก็ทำให้เซซาเรกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปตอบโต้แม่ม่ายสาวที่มีข่าวฉาวเป็นอาจิณ
“แค่ทักทาย เสร็จแล้วเดี๋ยวผมมาหา”
อ้อนรักเดินตามก้นสามีจอมยโสต้อยๆ ได้ไม่กี่ก้าว เขาก็หันกลับมากระชากเธอเข้าประชิดตัว แล้วถือวิสาสะโอบเอวอ้อนแอ้น บังคับให้เดินเคียงคู่กันไป ก่อนจะก้มลงกระซิบเสียงดุๆ
“ใครบอกให้เธอแต่งตัวแบบนี้”
“ไม่มีใครบอกหรอกค่ะ แต่อ้อนมีเสื้อผ้าไม่เยอะ และคิดว่าชุดนี้ดีที่สุดก็เลยใส่” หญิงสาวตอบอย่างซื่อๆ
“ดีบ้าอะไรล่ะ!” เซซาเรหลุดคำรามเหมือนโมโหให้เธอนักหนา ท่าทีหงุดหงิดของสามีทำให้สาวหวานขมวดคิ้วน้อยๆ แค่เธอแต่งตัวแบบนี้เขาถึงกับจะของขึ้นเชียวหรือ
“เอ่อ…มันไม่เหมาะเหรอคะ” อ้อนรักเอ่ยถามเพราะเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ
“ใช่ นอกจากมันจะไม่เหมาะแล้ว มันยังไม่สวย และโป๊มากด้วย”
“โป๊ตรงไหนคะ อ้อนว่าชุดนี้เรียบร้อยจะตาย”
“เรียบร้อยบ้านเธอน่ะสิ เปิดไหล่จนเห็นไปถึงไหนต่อไป คราวหน้าไม่ต้องใส่แล้วนะไอ้ชุดแบบนี้ และถ้าจะให้ดีเอามันไปเผาไฟทิ้งซะ ฉันไม่ชอบ!”
ทันทีที่เขากล่าวจบเธอก็ขืนกายออกจากวงแขนแกร่ง หันไปจ้องใบหน้าหล่อลากไส้ แล้วเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
“อาเซตมองยังไงถึงว่ามันโป๊คะ ชุดนี้ออกจะมิดชิดทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ดูสิคะ…”
ยังไม่ทันจะขาดคำเจ้าของร่างเพรียวระหงก็หมุนตัวโชว์ชุดสวย ทำให้ชายกระโปรงพลิ้วสะบัดแลเห็นปลีน่องขาวผ่องรำไร ครั้นเห็นหนุ่มๆ ที่อยู่บริเวณนั้นต่างมองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียตาปรอยเซซาเรก็หมดสิ้นความอดทน
“หยุดเถียงผัวเดี๋ยวนี้นะอ้อนรัก! ผัวบอกว่าโป๊ก็โป๊สิ!”
เขาออกคำสั่งเกือบเป็นตวาดแทนที่จะกระซิบกระซาบดังเช่นก่อนหน้านี้ และถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากหยักก็ทำให้บรรดาหนุ่มๆ ที่ได้ยินถึงกับพากันทำหน้าเสียดาย
ไม่รู้เธอคิดไปเองหรือเปล่าว่าอีกฝ่ายเน้นคำว่าผัวเป็นพิเศษ
“ถ้าคราวหน้าเห็นใส่ชุดโป๊ๆ แบบนี้อีกล่ะก็ พ่อจะจับถอดออกให้หมด”