เมียนิตินัย (100%)
“คนลามก! ฉันเกลียดคุณ!” อ้อนรักดิ้นรนขัดขืนขณะร้องประณามอีกฝ่ายน้ำตาคลอ และคำด่าทอที่พรั่งพรูออกมาจากปากอวบอิ่มก็เหมือนทำให้ไฟโทสะของเขายิ่งโหมกระพือขึ้นแบบไร้ขีดจำกัด
“บอกแล้วไง ว่าอย่าบังอาจพูดว่าเกลียดผัวตัวเอง” เขาเค้นเสียงห้าวกระด้างด้วยความงุ่นง่านเต็มอัตรา ก่อนจะตะปบมือเข้าที่ทรวงสล้างที่ยังมีบราเซียร์ห่อหุ้ม ทำเอาแม่สาวไร้เดียงสาสะดุ้งเฮือก
“คนบ้า! เอามือออกไปนะ!” เธอเอ่ยประท้วงพร้อมดิ้นขลุกขลัก กระแสความร้อนแล่นปราดไปทั้งร่างเมื่อพ่อตัวโตขยำหน้าอกอวบอิ่มอย่างไม่เกรงใจ
“ถ้าอยากให้ฉันเอามือออกก็ถอนคำพูดว่าเกลียดผัวเดี๋ยวนี้” จอมเผด็จการออกคำสั่งอย่างเฉียบขาด แล้วบีบบี้เนินอกสล้างอย่างมิอาจหักห้ามใจ แค่ได้แตะต้องเนื้อนางความต้องการก็พวยพุ่งอย่างรวดเร็วจนเขาอึดอัดปวดร้าว ลมหายใจที่เจ้าตัวพยายามบังคับให้เป็นปกติเริ่มเสียงดังฟืดฟาด คนที่เคยควบคุมตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมมาบัดนี้กลับสติแตกอย่างน่าบัดซบ ร่ำๆ ว่าจะจับกดแม่เมียจอมพยศหน้าห้องน้ำเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด
“มะ…ไม่” แม่ตัวดียังไม่ยอมละพยศง่ายๆ
“ว่าไง จะถอนไม่ถอน” เขากดดันเสียงเข้มพร้อมเคล้นคลึงหน้าอกนุ่มหยุ่นหนักๆ ลมร้อนๆ ที่เป่ารดข้างหูทำให้เธอขนลุกเกรียว แต่ต้องกัดฟันระงับความวาบหวามที่อีกฝ่ายจงใจใช้เล่นงาน
“ไม่!” สาวน้อยหลับหูหลับตาตะโกนใส่หน้าคนเอาแต่ใจ
“ถ้ายังไม่เลิกอวดดี เธอจะได้รู้ซึ้งแน่ว่าสันดานผัวเธอมันดิบมากแค่ไหน” เซซาเรเอ่ยข่มขู่เสียงดุๆ พร้อมสะกิดปลายถันที่ชูชันอยู่ภายใต้ปราการสีหวาน ทำคนถูกกระทำสะท้านไปทั้งสรรพางค์กาย
“อ๊ะ! ฮื้อ…” แม่สาวอ่อนเดียงสาเม้มปากกลั้นเสียงครางด้วยความทรมานระคนอดสู
“ดี๊! พยศแบบนี้ พ่อจะดูดนมเมียก่อนกินข้าวเย็นให้ดู”
ขาดคำเขาก็ลากคนตัวเล็กเข้าไปในห้องน้ำ แล้วปิดประตูดังปัง ชั่วพริบตาร่างอ้อนแอ้นก็ไปติดแหง็กอยู่ตรงผนังโดยมีร่างทรงพลังตามประกบ จัดการรวบมือบางไปตรึงไว้เหนือศีรษะอีกครา
“อย่านะ!” สาวน้อยร้องห้ามปรามด้วยสีหน้าแตกตื่น
“ถ้าผัวจะเอาห้ามได้เหรอ” จอมโอหังเลิกคิ้วเอ่ยอย่างรวนๆ
จากนั้นก็ถลกกรวยสีหวานที่โอบอุ้มความนุ่มหยุ่นละลานตาออกท่ามกลางเสียงกรีดร้องลั่น แล้วขยำหนักๆ พร้อมหัวเราะหึๆ เขย่าโสตประสาท
“คนกักขฬะ! ฉันเกลียดคุณ!” อ้อนรักตะโกนด่าทอด้วยความคับข้องใจ
คำว่า ‘เกลียด’ ที่แม่ตัวดีตอกย้ำหลายต่อหลายครั้งทำให้เขาคันหัวใจยิบๆ พร้อมกันนั้นก็เลือดขึ้นหน้าจนอยากจะจับเมียปราบพยศให้ครางระงม เอาให้สาสมกับความดื้อรั้นแผลงฤทธิ์
“ได้ยินไหมว่าฉันเกลียดคุณ!”
“โว้ย! บอกว่าอย่าพูดว่าเกลียดผัวไงวะแม่ตัวดี”
“ฉันจะพูด ฉันเกลียดคุณ เกลียด เกลียด กะ…”
ครั้นทนฟังวาจาแสลงหูไม่ได้อีกต่อไปพ่อคนเถื่อนก็กระแทกปากหยักลงมาปิดปากอวบอิ่ม แล้วบดขยี้อย่างต้องการลงโทษระคนปราบพยศอย่างรุนแรงไร้ความปรานี จนปากของคนที่ต้องตกเป็นที่รองรับอารมณ์ดิบเถื่อนแทบแตกยับ ครั้นเธอเบี่ยงหน้าหนีเขาก็จับล็อกปลายคางให้รับจุมพิตดุดันอย่างถนัดถนี่ เขาบังคับจูบคนที่ตัวเองประกาศว่าเกลียดอย่างเอาแต่ใจ โดยไม่นำพาอาการดิ้นรนขัดขืน
พอละปากห่างเพียงนิดแม่ตัวดีก็ทำท่าจะพ่นคำผรุสวาทออกมา คนที่ไม่เคยถูกผู้หญิงหน้าไหนตะโกนด่าทอปาวๆ ก็จัดการสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากนุ่ม แล้วดูดซับความหวานล้ำอย่างบ้าคลั่ง จูบแล้วจูบเล่าเหมือนคนหิวโซ ยิ่งเธอขัดขืนเขาก็ยิ่งกระหายอยากเอาชนะ จูบดุดันระคนเร่าร้อนค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นดูดดื่มละเมียดละไมจนคนที่เอาแต่ต่อต้านในคราแรกเริ่มโอนอ่อนผ่อนตามเพราะอารมณ์หวามไหวเข้าครอบงำ กระทั่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายจะขาดอากาศหายใจพ่อคนโอหังถึงได้ค่อยๆ ผละห่างอย่างอ้อยอิ่ง
ทันทีที่ปากเป็นอิสระ คนถูกปล้ำจูบอย่างเอาแต่ใจก็ลนลานจัดบราเซียร์สีหวานให้เข้าที่ ดึงสาบเสื้อมาทบกันเพื่อปกปิดสัดส่วนอะร้าอร่ามจากสายตาหิวกระหาย แล้วตวัดฝ่ามือเรียวใส่ซีกหน้าคร้ามคมสุดแรง
เพียะ!
“นี่…สำหรับที่คุณขโมยจูบแรกของฉัน” หลังจากลงโทษอีกฝ่ายจนหน้าหัน สาวน้อยก็เค้นเสียงกระด้างพร้อมมองเขาอย่างเคืองขุ่น ก่อนจะยกหลังมือขึ้นถูปากตัวเองคล้ายรังเกียจสัมผัสจาบจ้วงระคนวาบหวามเสียเต็มประดา และการกระทำนั้นก็ทำให้คนถูกตบคำรามในอกอย่างไม่พอใจสุดขีด หากแต่จำต้องระงับอารมณ์เอาไว้ด้วยการสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันมาสวนกลับด้วยวลีเด็ด
“จูบแรกที่ไหน นั่นจูบสองต่างหากล่ะ” ที่สุดผู้ร้ายปากแข็งก็คายความลับออกมา
“นี่แสดงว่าคุณ…”
อ้อนรักขยับปากพึมพำราวคนละเมอ สิ่งที่เธอคิดว่าอาจจะใช่มันดันเป็นความจริงเสียนี่ สาเหตุที่ปากของเธอบวมเจ่อซึ่งยังเป็นข้อกังขาในก่อนหน้านี้ สรุปเพราะโดนคนกักขฬะขโมยจูบจริงๆ
“ใช่ ฉันจูบเธอตอนเธอหลับ” พ่อเจ้าประคุณเอ่ยหน้าตาย
“คนฉวยโอกาส!” สาวน้อยประณามด้วยความคับข้องใจ
“ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้หรอกน่าเด็กน้อย ก็แค่ปากแตะกัน แต่เธอเป็นฝ่ายนอนละเมอดึงฉันลงไปหาจนฉันเสียหลักเองนะ ฉะนั้นปากเราก็เลยชนกัน ฉันไม่ได้ตั้งใจด้วยซ้ำ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเธอที่ดึงฉันลงไปหา”
วาจาที่หลุดออกมาจากปากหยักทำให้คนฟังหน้าเหวอ ก่อนจะร้อนวาบที่ซีกแก้มนวลปลั่งกับน้ำคำโบ้ยความผิดอย่างหน้าด้านๆ ในท้ายประโยค
“ปากชนกันอะไรปากฉันถึงได้บวมเจ่อขนาดนั้น”
“สงสัยมันคงชนกันแรงไปหน่อยมั้ง” เขาเอ่ยด้วยมาดนิ่งๆ ขณะไหวไหล่ทรงพลังเบาๆ
“คนนิสัยไม่ดี!” สาวน้อยบริภาษด้วยความเคืองขุ่นระคนคับข้องใจ
“จุ๊ๆๆ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะเป็นจะตายหรอกน่า แค่ปากแตะกันเฉยๆ ฉันไม่ได้ลักหลับเธอเสียหน่อย” พ่อคนฟอร์มจัดเอ่ยอย่างไม่ยี่หระจนน่าหมั่นไส้
“มันก็ไม่ต่างกันนักหรอก” อ้อนรักแย้งพร้อมทำหน้าง้ำ
“ต่างสิ ต่างมากเลยล่ะ เพราะถ้าฉันลักหลับเธอ เธอคงลุกจากเตียงมาหาความผัวตัวเองไม่ไหว”
“คุณมันก็เป็นได้แค่ผัวในนาม แต่เดี๋ยวเราก็จะหย่ากันแล้ว” สาวน้อยทำใจกล้าสวนกลับด้วยอารมณ์อยากเอาชนะ เพราะไม่ว่าจะปะทะคารมกันกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเธอก็ยังคงตกเป็นรองอย่างน่าเจ็บใจอยู่ร่ำไป อีกทั้งต้องการย้ำเตือนให้เขาสำเหนียกว่าหากไม่รักไม่ต้องการเธอก็ไม่สมควรมาเอ่ยปาวๆ ว่าตัวเองเป็นผัวเธอ เพราะฟังทีไรเธอก็อดแสลงใจกับถ้อยคำแสดงความเป็นเจ้าของเหล่านั้นไม่ได้ เขาคงไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงมีอารมณ์ซับซ้อนและอ่อนไหวมากเพียงใด โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่เป็นที่รักที่ต้องการของสามีอย่างน่าเศร้าใจเช่นเธอ
บางทีเธอควรจะลุกขึ้นมาประกาศจุดยืนของตัวเองบ้าง ถึงแม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะจบด้วยการหย่า ลงเอยด้วยการถูกตราหน้าว่าเป็นแม่ม่ายผัวทิ้ง แต่ใช่ว่าคุณค่าความเป็นคนในตัวเธอจะลดลงเสียเมื่อไหร่
“หย่า…อย่างนั้นเหรอ!” เซซาเรทวนคำเสียงดุกร้าว
“ใช่ คุณจำไม่ได้หรือไง ว่านัดฉันไปคุยเรื่องหย่าที่ห้องของคุณในคืนนี้” อ้อนรักกลืนความเจ็บปวดกลับลงไปในอก แล้วเอ่ยเสียงเรียบ ยื้อไปก็รังแต่จะทุกข์ระทม มันคงถึงเวลาที่เธอจะต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที
วาจาอวดดีที่อีกฝ่ายเชิดหน้าเอ่ยเตือนความจำทำให้พ่อตัวโตนิ่งขึง นัยน์ตาวาวโรจน์ขึ้นมาในบัดดล การถูกแม่ตัวดีเป็นฝ่ายขอหย่ามันเหมือนถูกหยามน้ำหน้าชัดๆ
บัดซบ! เขาควรจะเป็นคนเอ่ยคำว่าหย่า ไม่ใช่แม่เมียตีทะเบียนที่ซุกซ่อนความจองหองไว้ภายใต้ท่าทีอ่อนหวานระคนหน่อมแน้มอย่างเธอ
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เธอไปเสวยสุขกับไอ้หน้าไหนง่ายๆ” เขายังคงยืนยันถ้อยคำเดิมเฉกเช่นก่อนจะปล้ำจูบเธออย่างเอาแต่ใจ
“คุณเกิดรักฉันขึ้นมาหรือไง ถึงได้เปลี่ยนใจคิดจะรั้งฉันไว้”
อ้อนรักเอ่ยอย่างหยันๆ ซึ่งมันเป็นการหยันตัวเองมากกว่าที่ยังกล้าหวังว่าเขาจะมีเยื่อใยบ้างไม่มากก็น้อย ในวินาทีสุดท้ายเธอยังหวังลมๆ แล้งๆ ทั้งที่เพิ่งบอกตัวเองว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ไปหยกๆ แต่ความรู้สึกนึกคิดของคนเราใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงกันได้เพียงแค่พลิกฝ่ามือเสียเมื่อไหร่ ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา
แวบหนึ่งเธอเหมือนจะแลเห็นแววตาของอีกฝ่ายไหววูบแปลกๆ ก่อนที่มันจะถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่าจนน่าใจหายในชั่วเสี้ยวนาที
“หึ…ผู้หญิงอย่างเธอวิเศษวิโสมาจากไหนฉันถึงจะรัก” เซซาเรแค่นยิ้มบาดหัวใจ แล้วสวนกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาสีหน้าไร้ความรู้สึก
วาจาร้ายกาจที่หลุดออกมาจากปากหยักทำให้คนฟังถึงกับสะอึก หัวตาร้อนผ่าว ปวดแปลบที่หน้าอกด้านซ้ายทั้งที่เตรียมใจไว้แล้วในก่อนหน้านี้
“ถ้าคุณไม่ได้รัก ไม่ได้ต้องการฉัน ก็ได้โปรดปล่อยฉันไปตามทางของฉัน” คนที่ถูกทำร้ายด้วยวาจาเชือดเฉือนหัวใจเอ่ยอ้อนวอนเสียงสั่นเครือ ความเข้มแข็งที่อุตส่าห์สร้างมาในก่อนหน้านี้พังทลายไม่เหลือชิ้นดี หากเธอไม่รักเขาอย่างสุดหัวใจเธอคงไม่อ่อนไหวได้มากถึงเพียงนี้
“หึ…คงอยากมีผัวใหม่จนตัวสั่นสินะ ไอ้หมอหน้าอ่อนนั่นรอเสียบอยู่ล่ะสิท่า งั้นก่อนจะไปพบฉันที่ห้องนอนในคืนนี้ก็ ‘เตรียมตัว’ ให้ ‘พร้อม’ ด้วยล่ะ” กล่าวจบคนเจ้าอารมณ์ก็เดินกระแทกเท้าจากไป
คำพูดทะแม่งๆ ที่เขาทิ้งท้ายเอาไว้ทำให้อ้อนรักซึ่งอยู่ในอารมณ์เศร้าเปลี่ยนมาทำหน้าฉงน ทำไมเขาต้องบอกให้เธอเตรียมตัวให้พร้อมด้วย ก็แค่จะไปคุยเรื่องหย่ากับเขามีอะไรต้องเตรียมตัวอย่างนั้นหรือ?
สาวน้อยหยุดความคิดว้าวุ่น ก่อนจะยืนทำใจให้สงบ พร้อมกล้ำกลืนฝืนทนบอกตัวเองให้เข้มแข็งและยอมรับความจริง เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงเธอก็จะขาดจากการเป็นเมียของเขาแล้ว และหลังจากนั้นทั้งคู่ก็จะกลายเป็นอื่น เป็นเหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักกัน ซึ่งเส้นทางชีวิตคงไม่มีวันได้มาบรรจบกันอีกต่อไป