5
“อะไรกัน เมื่อตอนสายคุณยังตื่นมาด่าผมอยู่เลย” จอมพลเอ่ยแซว ขณะเดียวกันก็แอบดีใจที่สาวตรงหน้ายอมเปลี่ยนความคิดและคล้อยตามเหตุผล ของตน
“ก็ตอนนั้นมัน...” คนที่คิดอะไรตื้นๆ อึกอัก อย่างรู้สึกเขิน
“ถ้าหากคุณยังไม่อยากกลับ ก็อยู่กับผมที่บ้านหลังนี้ได้นะ จะไม่มีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายที่นี่นอกจากคนสนิทของผม” จอมพลบอกด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
“คุณพูดจริงเหรอคะ” จีอาน่าถามกลับอย่างดีใจ
“จริงสิ! ว่าแต่คุณเก่งบัญชีหรือเปล่าล่ะ?”
“งานถนัดเลยค่ะ”
“เยี่ยมเลย ถ้าหากคุณว่างๆ ก็ช่วยสงเคราะห์ทำบัญชีให้ผมหน่อยแล้วกัน” จอมพลเสนองานให้ทำ เพื่อที่สาวเจ้าจะได้ไม่มีเวลาไปคิดฟุ้งซ่านเรื่องเก่า
“ได้ค่ะ จะให้ทำความสะอาดบ้าน หรือทำกับข้าวก็ได้ เพื่อแลกกับการอยู่ที่นี่เงียบๆ เพราะ...เอ่อ...ตอนนี้พ่อของฉันคงจะส่งคนออกตามหาตัวให้วุ่น” จีอาน่าเสนอตัวเป็นสาวใช้ เพราะอยากจะหลบอยู่ในที่ที่คนของบิดาเข้าไม่ถึง
“ได้ตามที่ขอครับ ว่าแต่คุณทำกับข้าวเป็นจริงๆ เหรอ” จอมพลย้ำอย่างไม่มั่นใจว่าหญิงสาวที่เติบโตมาในตระกูลที่ร่ำรวย จะทำกับข้าวหรือทำงานบ้านเป็น
“คุณอยากจะทานอะไรล่ะคะ” จีอาน่าเลิกคิ้วถามยิ้มๆ
“อืม...หลายอย่างเลย แต่เนื้อย่างของเรายังเหลือนะ”
“งั้นเย็นนี้กินเนื้อย่างให้หมดก่อนก็ได้ค่ะ” คนที่ยังติดใจในรสชาติเนื้อนุ่มๆ หอมๆ รีบตอบทันใด
“แล้วเสื้อผ้าของคุณ...” จอมพลถามพร้อมกับจ้องมองสาวสวยที่อยู่ในชุดคุณยายอย่างขำๆ ‘ผู้หญิงอะไร ใส่แค่ผ้าถุงกับเสื้อคอกระเช้ายังน่ารักได้ขนาดนี้วะ?’
“หากคุณจะเมตตา...” จีอาน่าส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปอ้อนหนุ่มหล่อ เพราะเมื่อคืนเธอโยนมือถือและกระเป๋าเงินทิ้งลงแม่น้ำไปหมดแล้ว
“โอเค ผมจะขับรถพาคุณไปเลือกซื้อเสื้อผ้าในแบบที่ชอบ แล้วก็แวะซื้อของมาใส่ตู้เย็นเพิ่ม”
“ขอบคุณค่ะ” จีอาน่ายิ้มรับอย่างดีใจ
“คุณตามผมไปที่ห้องนอน เดี๋ยวจะหาชุดใหม่ให้เปลี่ยน” จอมพลบอกพร้อมกับเตรียมจะออกเดิน แต่สายตาของเขาก็ดันเหลือบไปเห็นบางอย่างเข้าพอดี!
พรึ่บ!
“อ๊ะ!” จีอาน่าร้องอุทานอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆ ผ้าถุงที่ใส่อยู่ก็หล่นลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า จอมพลถึงกับยืนตาค้างอย่างตกตะลึง
“กรี๊ดดดด ห้ามมองนะ!” เธอส่งเสียงกรีดร้อง และสั่งให้เขาหันไปทางอื่น
จอมพลรีบเบือนหน้าหนี พร้อมกับพยายามจะกลั้นหัวเราะ แต่ก็อดไม่ได้ จึงต้องระเบิดเสียงออกมา “ฮ่าๆๆๆ”
“นี่คุณ!” จีอาน่าต่อว่าพลางรีบดึงผ้าถุงขึ้นมาผูกที่เอวด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“ขอโทษๆ สงสัยลูกน้องผมจะซื้อกางเกงในมาให้คุณผิดไซซ์” จอมพลพยายามจะลบภาพเมื่อครู่ออก แต่ก็ทำไม่สำเร็จ แถมมันยังวิ่งเข้ามาฉายซ้ำในม่านตาแทบจะทุกๆ สองวินาที ‘พระเจ้า! ไอ้ผ้าถุงหลุดน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้กางเกงในสีแดงที่มีหนังยางมัดจุกตรงเอวนี่สิ โคตรจะติดตาเลย!’
“กรี๊ดดดด คุณเห็นของฉัน” จีอาน่ากรีดร้องน้ำตาคลอหน่วย
“หึๆ ผมเห็นคุณมาหมดแล้วทุกซอกทุกมุมแหละจีอา เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะผมคือคนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณเมื่อคืนไง” จอมพลหันไปบอกหลังรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของสาวเจ้า
จีอาน่ารู้สึกอายจนอยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี ‘ทำไมไอ้คนบ้านี่ไม่ปล่อยให้เราตายๆ ไปซะนะ’
“ผมไม่บอกใครหรอก คุณสบายใจได้” จอมพลให้คำมั่น
“แต่ฉันอาย!” จีอาน่าบอกด้วยสีหน้าตึงๆ
“ผมให้สัญญา” จากที่ขำแบบที่ไม่เคยขำใครขนาดนี้มาก่อน แต่พอได้เห็นใบหน้างามบูดบึ้ง ก็อดสงสารไม่ได้
“...” จีอาน่ายืนจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยสายตาขวางๆ
“นี่ก็เกือบจะบ่ายสามโมงแล้วนะ คุณจะยืนส่งสายตาพิฆาตอยู่ตรงนั้นไปถึงเมื่อไหร่จีอา ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปข้างนอกกันเถอะ”
จีอาน่าไม่ตอบแต่เดินตรงเข้าไปในห้องนอนของอีกฝ่าย ด้วยสีหน้าตึงๆ ทั้งโกรธ ทั้งอาย แต่ก็ต้องทำตามที่เขาบอก เพราะเธอไม่อยากจะใส่ผ้าถุงบ้าๆ นี่อีกแม้แต่วินาทีเดียว แถมกางเกงในสไตล์คุณยายที่ใหญ่เว่อร์วังสีแดงเจ็บจี๊ดน่าเกลียดตัวนี้ ก็ทำให้เธออยากจะกัดลิ้นดิ้นตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอด
ย้อนกลับไปคืนก่อนหน้าที่ทัศเทพจะประกาศยกเลิกงานแต่ง
‘ชาช่า’ เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นมาสองอาทิตย์เต็ม พอกลับมาถึงบ้านได้ แม่บ้านคนสนิทก็รีบนำรับจดหมายของจีอาน่า มามอบให้ ก่อนจะมีเสียงเตือนจากข้อความไลน์เด้งขึ้นมา ทำให้คนที่กำลังยืนงง รีบล้วงมือถือออกมาเปิดดู
จีอาน่า: ช่า! ช่วยเอาจดหมายไปให้พ่อของเราในงานแต่งพรุ่งนี้ด้วย (ฉันจะรักแกตลอดไป)
หลังจากได้อ่านข้อความแปลกๆ จากเพื่อนรัก ชาช่าก็รีบโทร. กลับไปหา แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เธอจึงกลั้นใจแกะจดหมายที่อีกฝ่ายฝากไปให้บิดาออกมาอ่าน และทันทีที่เห็นข้อความข้างใน เธอถึงกับล้มลงไปนั่งบนพื้นอย่างหมดแรง
“ช่า!” รัศมีอุทานอย่างตกใจ พร้อมกับวิ่งเข้าไปดูบุตรสาวที่เหมือนจะอยู่ในอาการช็อค
“จะ...จีอา...” ชาช่าน้ำตาไหลอาบแก้ม พยายามจะตั้งสติเพื่อจะบอกเรื่องสำคัญกับมารดา
“ใจเย็นๆ ลูก จีอาเป็นอะไร?” รัศมีดึงบุตรสาวเข้ากอดปลอบและลูบที่แผ่นหลังเบาๆ
“ฮึก...จีอาจะฆ่าตัวตายค่ะแม่ ฮือๆๆ” ชาช่าปล่อยโฮออกมาสุดเสียง
“อะไรนะ!” รัศมีได้ฟังก็ถึงกับสตั๊นไปทันใด
“รีบพาหนูไปหาลุงทัศเร็วก่อนที่ทุกอย่างจะสายค่ะ” ชาช่ารีบหยิบจดหมายมาพับกลับลงไปในซองเช่นเดิม
“ดะ...ได้จ้ะ!” รัศมีพยักหน้ารับ แล้วหันไปตะโกนเรียกคนขับรถให้เตรียมเอารถออก
ชั่วโมงต่อมา...บ้านพิสุทธิ์ธารากรณ์ 19:03 น.
“มาหาใครเหรอคะ?” ปารีณาที่ย้ายเข้ามาสิงอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ เอ่ยถามด้วยสายตาเหยียดๆ เมื่อเห็นเพื่อนรักของจีอาน่าโผล่หน้ามาพร้อมกับมารดาของอีกฝ่าย ‘หึ! นังจีอาคงจะส่งยัยชาช่ามาเป่าหูคุณทัศสินะ’
“ลุงทัศอยู่ไหม?” ชาช่าถามด้วยสีหน้าตึงๆ
“อยู่ค่ะ แต่ท่านไม่ว่าง มีอะไรฝากดิฉันไว้ได้นะคะ” ปารีณารีบกันท่า
“ฉันต้องการพบคุณทัศเดี๋ยวนี้” รัศมีบอกด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“ท่านไม่ว่างค่ะ” ปารีณาลอยหน้าลอยตาบอกด้วยท่าทีกวนๆ
“ลุงทัศคะ ลุงทัศ! ลุงทัศ” ชาช่าเดินตรงเข้าไปด้านในแล้วตะโกนเรียกบิดาของเพื่อนรักอย่างไม่สนใจ
“นี่เธอ! จะโวยวายเสียงดังทำไมฮะ” ปารีณาตามเข้าไปต่อว่าอย่างไม่พอใจ
“ก็แม่ฉันบอกแกดีๆ ขอแกดีๆ แต่แกก็ไม่ยอมให้เข้าพบลุงทัศ ฉันก็เลยจะตามหาของฉันเอง หลบไป” ชาช่าตอกกลับพร้อมกับผลักอีกฝ่ายออกไปให้พ้นทาง
“รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร อยากมีเรื่องงั้นเหรอ?” ปารีณาขึ้นเสียงใส่อย่างโมโห
“ช่า! ใจเย็นๆ ลูก” รัศมีรีบเข้าไปห้ามบุตรสาวที่กำลังจ้องมองใบหน้าของ อีกฝ่ายด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“ใจเย็นยังไงคะแม่ ถ้าเกิดจีอาเป็นอะไรขึ้นมาล่ะจะทำยังไง”
“อ๋อ! ก็นึกว่าเรื่องสำคัญอะไร ที่แท้ก็...” ปารีณาฉีกยิ้มเยาะแล้วปรายหางตาอย่างรู้สึกสมเพชในความพยายามของเด็กสาว
“มีอะไรกันเหรอครับ” ทัศเทพรีบเดินเข้ามาหา หลังแม่บ้านคนสนิทเข้าไปเคาะประตูเรียกที่ห้องนอนและบอกว่า...เพื่อนรักของบุตรสาวมาขอพบ แต่พอลงมาถึงก็เห็นทุกคนกำลังมีปากเสียงกันอยู่
“หนูขอคุยแบบส่วนตัวกับลุงทัศค่ะ” ชาช่าบอกด้วยน้ำเสียงตึงๆ
“เรื่องสำคัญค่ะ ถ้าช้าคุณอาจจะต้องเสียใจ” รัศมีรีบสมทบตามบุตรสาว
“เชิญที่ห้องทำงานของผมครับ” ทัศเทพผายมือเชิญแขกประจำที่ไปมาหาสู่กันนานนับสิบปี
ปารีณาทำท่าจะออกเดินตาม แต่ก็ถูกชาช่าเอ่ยดักทาง “เธอไม่เข้าใจคำว่าคุยส่วนตัวเหรอ?”
“แต่ฉัน...” ปารีณารู้สึกอยากจะกระชากผมของเด็กสาวปากดีลงมาตบให้หายซ่า แต่ก็ต้องข่มใจ
“คุณจะไปทำอะไรก็ไปเถอะณา นี่แขกของผม ผมดูแลเอง” ทัศเทพบอกก่อนจะเชิญคุณหญิงรัศมีกับบุตรสาวให้เดินตามไปที่ห้องทำงานของตน
ปารีณามองตามสองแม่ลูกอย่างแค้นใจ ‘หึ! รอให้ผ่านงานแต่งไปก่อนเถอะ รับรองว่าฉันจะเอาคืนแกแน่นังเด็กวานซืน’