บทที่ ๒ เกินความฝัน (๖๐)
“เรื่องอะไร” เห็นท่าทีกระตือรือร้นของพลินก็ส่ายหน้า
“ช่างมันเถอะ บอกได้แล้วว่าตกลงพี่อิงคบกับเขาเหรอ” ยังไม่ได้คำตอบสักทีกับเรื่องนี้ พัฒนาชุมชนรูปงามจึงยอมบอกความจริงกับเพื่อน กลัวว่าจะคิดสั้นซะก่อน
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เห็นว่าพี่กล้าขับรถไปรับไปส่งพี่แกบ่อยเหมือนกัน คนเขาเลยคิดว่าเป็นแฟนแถมสนิทกับพ่อของแกอีก” บอกตามความจริง
เรื่องสถานะของคนทั้งสองยังค่อนข้างคลุมเครือ มีชายหนุ่มหลายคนเข้าหาลักษ์นาราเหมือนเดิม และไม่มีทีท่าว่ากล้าตะวันจะหึงหวง เวลาใครถามก็บอกว่าเป็นเพียงเพื่อนกัน
แต่การไปมาหาสู่ก็ขัดกับการกระทำพอสมควรจนเขาเองก็สับสน
“อ้อ แล้วทำไมเขาได้มาอยู่หมู่บ้านเรา อยู่นานแล้วหรือเปล่า” ใจที่เคยหนักอึ้งไม่ได้เบาบางลงเลย ไม่มีสถานะใช่ว่าจะไม่มีใจให้กันสักหน่อย
ไม่แน่ว่าอีกไม่นานอาจมีข่าวดี เธอคงได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวและมีพี่เขยเป็นคนที่เคยแอบชอบ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว สงสัยต้องรีบหางานทำเพื่อออกจากบ้านอีกครั้ง ใครจะทนอยู่ร่วมบ้านกันได้
“นานมากแล้ว ฉันว่าจะบอกแกแต่กลัวแกจะเจ็บอีกเลยไม่พูดถึงพี่เขา คือตอนนี้พี่กล้ามาทำฟาร์มโคนมชื่อฟาร์มตะวันฉาย จำได้ว่าพี่แกมาซื้อที่เมื่อเจ็ดปีก่อนแล้วทำฟาร์มกับพ่อ แต่พ่อพี่เขาตายเมื่อห้าปีก่อนก็เลยทำฟาร์มคนเดียว กิจการรุ่งเรืองอยู่นะเห็นประกาศรับคนงานเรื่อยๆ”
น่าจะเป็นช่วงที่หล่อนไปเรียนอยู่กรุงเทพฯ แล้วไม่ค่อยติดต่อคนทางบ้านหรือพลินที่ไปเรียนอยู่มหาวิทยาลัยที่ภาคเหนือ
เรื่องของกล้าตะวันจึงถูกฝังตายไปตั้งแต่สิบปีก่อน เธอไม่คิดจะถามหาหรือเข้าไปดูความเคลื่อนไหว บล็อกทุกอย่างในโซเชียลจนมาเจอกันวันนี้ ถึงรู้ว่าเรายิ่งปิดเท่าไหร่ ความชัดเจนมันก็จะเด่นขึ้นมาเรื่อยๆ
ว่าตนยังไม่ลืมรักครั้งแรก..ที่อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม
“ทำไมหนูต้องไปด้วยล่ะ ขอพักอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้เหรอ” รับประทานอาหารเช้าพร้อมหน้าพร้อมตา มารดาจึงเอ่ยกับลูกสาวถึงเรื่องการจัดเที่ยวประจำปี
หมู่บ้านมีการจัดทริปเพื่อให้ลูกบ้านได้เที่ยวในราคาประหยัด โดยปีนี้คนนำทัพคือกำนันอาธร ซึ่งจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วทั้งที่เที่ยวและที่พัก แถมยังจ้างไกด์ให้อีกด้วยโดยจำกัดจำนวนคนแค่ 70 คนเท่านั้น และเต็มภายในเวลาอันรวดเร็ว
ปีที่แล้วชายหนุ่มเข้าร่วมค่อนข้างเยอะเพราะมีลักษ์นาราไปด้วย แต่ปีนี้หญิงสาวติดงานจึงมีเพียงพ่อแม่ที่ไปเที่ยว ส่วนพี่ชายอย่างเอื้ออังกูรไม่เคยไปสักครั้ง อัยย์ญาดาก็เช่นกัน
“ไม่ได้ พ่อจองที่ไว้ให้แล้ว ยังไงก็ต้องไป” บังคับไม่ปล่อยให้ลูกสาวคนเล็กตัดสินใจเอง เพราะวันๆ ถ้าไม่กินก็นอนแทบไม่ขยับตัวทำอะไรสักอย่าง เห็นแล้วเหนื่อยใจจนต้องพาออกไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง
มือเล็กคว้าขนมปังมากัดคำโต ทำหน้ามู่ทู่ไม่ใคร่ชอบใจเท่าไหร่กับการที่ต้องไปเที่ยวเป็นหมู่คณะเหมือนเด็กประถม เวลาจะทำอะไรก็ไม่ค่อยสะดวก อีกอย่างถึงหล่อนจะไม่ใช่ดาราแล้ว แต่คนก็ต้องรู้จักและเข้ามาขอถ่ายรูป
แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
“วันนี้เราไปเฝ้าร้านแทนพี่ป่านด้วยนะ พ่อจะให้เขาไปเก็บเงินค่าเช่าตลาด” พยักหน้ารับทราบ เพราะทุกวันนี้ก็แค่นั่งๆ นอนๆ ไม่ค่อยได้ทำอะไรเริ่มเบื่อเหมือนกัน
จะออกไปเดินเล่นก็ไม่มีเพื่อน พลินทำงานทั้งวันถ้าเธอไปเกาะติดก็ไม่สมควร หรือเพื่อนคนอื่นซึ่งแต่งงานมีลูกแล้ว อีกอย่างหล่อนไม่สนิทกับคนพวกนั้น กลัวว่าจะเอาไปพูดลับหลังจึงคิดว่าอยู่คนเดียวดีกว่า
“รับทราบค่ะ” กลับมาบ้านไม่ได้ชั่งน้ำหนัก กินข้าวทุกมื้อแถมขนมนมเนยจัดเต็ม รู้สึกว่าเริ่มมีหน้าท้องแล้วแต่สมองก็บอกว่าพรุ่งนี้ค่อยลด
“ไปทำงานก่อนนะครับ” ดื่มกาแฟแล้วหยิบกระเป๋ามาสะพาย คว้าเอกสารมาถือเต็มสองแขนจนทุกคนต้องเงยมอง อาชีพวิศวกรไม่ง่ายเลยจริงๆ
“ไม่ไปส่งน้องเหรอ” ร่างสูงรีบเดินออกไปไม่ทันได้ตอบ จนลักษ์นาราต้องไขข้อกระจ่างให้บุพการีทั้งสอง
“ไปคนละทางค่ะพ่อ อีกอย่างเดี๋ยวกล้ามารับ” ไม่มีคนสงสัยเพราะเหมือนเป็นเรื่องปกติของที่บ้าน จะมีก็แต่อัยย์ญาดาที่คันยุบยิบในใจ หันมองพี่สาวที่นั่งอยู่ข้างกัน อยากถามแต่ก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มอย่างไร
หล่อนไม่อยากทะเลาะกับคนเป็นพี่เพราะแย่งผู้ชายคนเดียวกัน อย่างไรตนเองก็แพ้ราบคาบ ใครจะสู้นางงามสามสมัยซ้อนได้ล่ะ แค่คิดก็ต้องถอนหายใจ สงสัยเธอคงไม่มีดวงเรื่องผู้ชายจริงๆ นั่นแหละ
“สวัสดีครับ” มือที่หยิบช้อนจะกินข้าวต้มกลับชะงักเมื่อได้ยินเสียงเข้ม วันนี้พวกเธอออกมากินข้าวที่แคร่หน้าบ้าน แทนที่จะเป็นโต๊ะอาหารด้านในเพราะแดดไม่ร้อน มารดาอยากรับอากาศบริสุทธิ์ซึ่งทุกคนก็ตามใจ
“กินข้าวมาหรือยัง กินข้าวด้วยกันไหม” ร่างสูงมาหยุดยืนตรงหน้าเธอ ทำให้ได้สบตากันแวบหนึ่งก่อนที่กำนันจะเรียกความสนใจจากกล้าตะวัน
“ไม่เป็นไรครับ ผมเรียบร้อยแล้ว” ปฏิเสธอย่างนิ่มนวล แล้วสายตาก็มาหยุดที่อดีตดาราสาว หล่อนก้มหน้าไม่กล้ามองกลับ ตอนนี้สภาพตนดูได้เสียที่ไหน แม่เรียกมากินข้าวเช้าทั้งที่เพิ่งตื่น ดีที่ล้างหน้าตาแล้วแต่ก็ยังใส่ชุดนอนซึ่งเป็นเสื้อยืดคอย้วยและกางเกงสีซีด
หมดกัน..จากที่ไม่สวยอยู่แล้ว พอมาเจอสภาพนี้เหมือนขยะเปียกไปอีกถ้าเทียบกับพี่สาวคนสวยของตน
“ลืมแนะนำให้รู้จักเลย วันนั้นลูกตัวดีก็ไม่อยู่ นี่ไออุ่นลูกสาวลุงเอง อุ่นไหว้พี่กล้าสิ” คุณอาธรหันมาเจอบุตรสาวคนเล็กพอดีเลยแนะนำ
วันที่เจ้าของฟาร์มโคนมตะวันฉายมากินข้าวที่บ้านอัยย์ญาดากลับวิ่งแจ้นไปหาเพื่อน ไม่กลับมานอนบ้านด้วยซ้ำเลยไม่ได้ทักทายกันจริงจัง
“สวัสดี..ค่ะ” บอกเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน หล่อนรีบหลบดวงตาคมที่จ้องมาทำให้ได้ยินเพียงเสียงตอบรับ