อุ่นไอตะวัน

99.0K · จบแล้ว
ข้าวสีทอง
51
บท
11.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อถึงช่วงขาลง 'อัยย์ญาดา' จึงละทิ้งอาชีพนักแสดงแล้วกลับบ้านไร่ แล้วพบอดีตที่ยากจะลืมเลือนอย่าง 'กล้าตะวัน' ผู้ชายซึ่งปฏิเสธความรักของเธอเมื่อครั้งอดีต และตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะชอบพอกับพี่สาว 'ลักษ์นารา' อย่าบอกนะว่าคนที่เคยหักอกในอดีตกำลังจะกลายเป็นพี่เขย... ใครจะยอมให้มันเกิดขึ้นกันล่ะ!

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักดารานางเอกเก่งพลิกชีวิตรักแรกพบ

บทนำ

บทนำ

ช่วงเที่ยงของการพักทำให้นักเรียนที่เหนื่อยมาช่วงเช้าได้ผ่อนคลาย ร้านค้าคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เบียดเสียด ขนมชั้นบนถูกกวาดไปกว่าครึ่งโดยฝีมือของเด็กผู้หญิงเพียงคนเดียว ทำให้คนมาไม่ทันได้แต่โอดครวญ

ขนมโตเกียวเจ้าอร่อยก็เช่นเดียวกัน หล่อนถือมันไว้ในมือกว่าสิบชิ้นทั้งที่ไม่ได้มีกลุ่มเพื่อนมากมายนัก จนเพื่อนสนิทต้องกรอกตามองบนกับความโอเวอร์ คนตรงหน้าคือสายเปย์ผู้ชายของจริง

จ่ายเงินเรียบร้อยก็ฮัมเพลงมีความสุข หล่อนออกมาจากกำแพงความกลัวเป็นครั้งแรก แอบชอบเขามาสองปีตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สอง ตอนนี้อยู่มัธยมศึกษาปีที่สี่แล้ว ได้เรียนโซนเดียวกับชายหนุ่มไม่ต้องอยู่ฝั่งของนักเรียนมอต้น

แถมเขายังอยู่มอหกอีกไม่นานก็ต้องไปเรียนที่อื่น หล่อนจะใช้เวลานี้เก็บเกี่ยวความหวานให้ได้มากที่สุด มองร่างสูงอย่างเต็มตาและทุ่มสุดหัวใจโดยไม่กลัวผลลัพธ์

“พอแล้วไหม แกกะจะให้พี่กล้ากินทั้งชาติเลยเหรอ คิดว่าเขาอยู่เกาะหรือไงจ๊ะ” เพื่อนสาวประเภทสองต้องถอนหายใจ

สนิทกันมาตั้งแต่อนุบาลเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน ไปมาหาสู่ตลอดแถมยังเรียนห้องเดียวกันมากว่าสิบปี ตัดอย่างไรก็ไม่ขาด เห็นดีเห็นงามไปซะหมดจะยกเว้นก็เรื่องนี้แหละ

“ตื่นเต้นอ่ะ” หล่อนแอบไปดูตารางเรียนของชายที่แอบชอบมาแล้วจึงรู้ห้อง เพราะมอปลายต้องเปลี่ยนห้องเรียนทุกคาบ จะมีห้องเรียนประจำก็คือช่วงเช้าคาบโฮมรูมที่คุณครูประจำห้องจะมาเช็คชื่อและแนะแนวเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น

ร่างบางในชุดนักเรียนมอปลายเดินขึ้นมาบนอาคาร มือไม้สั่นด้วยความตื่นเต้นจนต้องหันมาบอกคนที่เดินมาด้วยกัน

“แกจะตื่นเต้นทำไม ยังไงก็จะฝากเพื่อนเขาเอาไปให้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ส่ายศีรษะให้กับความเยอะของเพื่อนสนิท เขาเป็นคนแรกที่ทำให้หล่อนไม่เป็นตัวของตัวเองขนาดนี้

“พี่โต้งๆๆ รีบฝากของเร็ว” สะกิดบอกเมื่อเห็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทเขาเดินผ่าน

“พี่คะ พี่โต้งๆ” ร่างบางรีบวิ่งไปดักหน้าพลางมอบของที่ถือให้อีกฝ่าย เล่นเอาเขาตาโตไม่คิดว่าจะได้รับของมากมายเช่นนี้ กำลังจะยกยิ้มแล้วเอ่ยขอบคุณแต่ก็ต้องเก็บเสียงไว้เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ของตนเอง

แหม่ ทำให้ดีใจเก้อ

“ฝากขนมให้พี่กล้าหน่อยนะคะ” มองตาปริบฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่รุ่นพี่ ทำเอาชายหนุ่มถึงกับยิ้มขำ หล่อนไม่ใช่คนแรกที่ใช้เขาเป็นสะพานเชื่อมไปหาเพื่อนที่แสนเพอร์เฟคทั้งหน้าตาและความรู้

สาวทั้งโรงเรียนมีใครบ้างไม่ชอบกล้าตะวัน สุมนเทวา นักเรียนดีเด่นเก่งรอบด้าน วิชาการก็ได้กีฬาก็ดี เป็นตัวแทนไปแข่งคณิตศาสตร์ระดับจังหวัด แข่งบาสเก็ตบอลระหว่างโรงเรียนก็คว้าชัยมาแล้ว แถมหน้าตาหล่อเหลาจนต้องมอบตำแหน่งเดือนให้แก่เขา

ได้ขนมแทบทุกวันจากสาวมากหน้าหลายตา แต่ดูเหมือนฝ่ายชายจะไม่แยแสใครเลย นอกจากก้มอ่านหนังสือแล้วก็ไม่ค่อยเห็นจะเงยหน้ามาคุยกับใครสักคน

“โอเค เดี๋ยวพี่บอกมันให้นะ” ร่างบางพยักหน้าพร้อมเอ่ยขอบคุณแล้วรีบกลับห้องเรียนของตน ระหว่างทางก็ยิ้มแก้มปริมีความสุข คิดว่าขนมที่หล่อนนำไปให้เขาต้องชอบมากแน่ๆ เลย

ทั้งโตเกียวที่อุตส่าห์ต่อแถวกว่ายี่สิบนาที ขนมแสนอร่อยในร้านค้าซึ่งเป็นที่หมายตาของนักเรียนหลายคน หล่อนก็กวาดมาให้หมดแล้ว ต้องเห็นความดีความชอบบ้างล่ะ

พอตอนเย็นกำลังจะกลับบ้าน ร่างบางเดินผ่านวิภู สันติภมร เพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคนของเขา เห็นว่าถือขนมมากมายเดินไปทางรถมอเตอร์ไซค์ก็วิ่งเข้าไปหาเพราะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว

“พี่ภู ขนมนี่..” แทบไม่ได้ทักทาย เธอถามตรงเข้าประเด็นเพราะใจมันเต้นไม่เป็นจังหวะ อยากรู้ว่าใช่ขนมที่ตนเองซื้อให้กล้าตะวันหรือเปล่า

หล่อนกับวิภูอยู่ชมรมเดียวกันจึงได้พูดคุยบ่อยครั้ง ฝ่ายชายเป็นคนเข้าหาก่อนแถมยังชวนคุยสนุก จึงนับถือเป็นพี่น้องตั้งแต่ปีที่แล้ว อีกอย่างเธอก็คอยถามเรื่องราวเกี่ยวกับกล้าตะวันจากชายหนุ่มตลอด ทว่าไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่

“อ้อ ไอ้กล้าให้พี่มาน่ะ มันบอกไม่ชอบ” คนฟังถึงกับหน้าเสีย หล่อนมองขนมที่อุตส่าห์ซื้อให้เขา แต่สุดท้ายกลับไปอยู่ที่คนอื่นเพราะเจ้าของไม่ชอบ

อัยย์ญาดา กันต์ธนินถึงกับพูดไม่ออก ทำเพียงยกยิ้มอย่างฝืดเคือง แล้วเดินออกจากโรงเรียนด้วยสติที่ไม่ค่อยเต็มร้อย เสียดายที่เพื่อนสนิทมีงานต้องทำเลยไม่ได้กลับพร้อมกัน

ไม่อย่างนั้นคงได้ระบายให้ฟังแล้ว

‘มีเรื่องจะคุยด้วย มาหาที่สนามเด็กเล่นข้างโรงเรียนหลังเลิกนะคะ ไออุ่น’

มือเล็กกำเข้าหากันขณะที่แกว่งชิงช้าเพื่อรอเขา หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะคิดจะบอกความในใจให้รุ่นพี่ได้ทราบ เหลือเพียงสองเดือนกล้าตะวันก็จะจบการศึกษาไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยแล้ว

คงไม่มีโอกาสได้บอกอีกถ้าพลาดไป ผลสอบประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยว่ากล้าตะวันติดคณะเกษตรศาสตร์ ภาควิชาสัตวศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เธอยินดีกับเขาแต่ก็ไม่ได้บอกต่อหน้าสักที

เลยอยากใช้โอกาสนี้แสดงความยินดีและบอกรักไปด้วยเลย จะสมหวังหรือกินแห้วก็ต้องมาลุ้นอีกที ดีกว่าไม่พูดอะไรออกไปแล้วต้องแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

เวลาเคลื่อนคล้อย ตะวันลอยต่ำจนท้องฟ้ามืดมิด แสงสว่างจากหลอดไฟทำให้พอคลายความกลัวได้บ้าง หน้าที่เคยยิ้มกว้างกลายเป็นเศร้าหมองก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลเมื่อเห็นว่าตอนนี้สองทุ่มเข้าไปแล้ว

รอเขามาสามชั่วโมง เพื่อพบกับความว่างเปล่า...

แค่มาตามนัด กล้าตะวันยังไม่มาเลย

น้ำตาเม็ดใหญ่หยดลงบนมือ ร่างบางสะอื้นไห้กับความเจ็บปวดที่ถาโถม ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า เม้มปากแน่นไม่ยอมให้คนอื่นได้ยินว่าหล่อนกำลังเสียใจมากแค่ไหน ทำไมทุกอย่างที่ทุ่มเทไป ไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย

หรือว่าบางทีเธออาจจะกำลังไล่ตามอากาศที่ไม่มีวันไขว้คว้าได้ จึงต้องพบจุดจบคือการอกหักอย่างที่เป็น

ร่างบางลุกยืนแล้วกลับบ้าน ไม่เสียเวลารออีกต่อไป เพราะยังไงกล้าตะวันก็ไม่มีทางมาหาเธออยู่แล้ว

แต่ความหวังก็ไม่เคยหมดไปสักที เพียงแค่เดินผ่านแล้วได้สบตากัน หัวใจดวงน้อยก็สั่นไหวอีกครั้ง ปลุกความกล้าที่เหลือเพียงน้อยนิด จึงตัดสินใจนั่งร้อยลูกปัดเป็นพวงกุญแจให้เป็นของขวัญวันปัจฉิมนิเทศแก่เขา

เมื่อวันนั้นมาถึงก็ตื่นเต้นจนมือเย็นไปหมด เพื่อนสนิทต้องให้กำลังใจหลายรอบแต่ดูเหมือนอัยย์ญาดาจะไม่ได้ยิน เพราะสายตาเอาแต่จ้องไปยังรุ่นพี่มอหก

เธอรอจนพิธีการต่างๆ เสร็จสิ้น และถึงช่วงแยกย้ายเข้าห้องเรียน จึงใช้โอกาสนี้แทรกตัวเข้าไปกับห้องของกล้าตะวัน โชคดีที่อีกฝ่ายถูกคุณครูเรียกจึงเดินไปทางห้องพักครูไม่ได้ขึ้นบนอาคารพร้อมเพื่อน

เธอรออยู่ด้านหน้าแล้วพยายามเรียบเรียงสติ กระทั่งเขาออกจากห้องแล้วเจอกับรุ่นน้องที่รอตนเอง ดวงตาคมเบิกกว้างเล็กน้อยเพราะตกใจที่มีคนมาขวาง

“ขอคุยด้วยหน่อย..ค่ะ” ติดการพูดห้วนจนชิน เลยต้องเติมคำต่อท้ายให้ดูน่ารักขึ้นหน่อย สงสัยชื่อเสียงการทะเลาะวิวาทในโรงเรียนของหล่อนจะดังจนทำให้เขากลัว

กล้าตะวันไม่ได้ปฏิเสธ ทำเพียงเดินตามหล่อนไปยังด้านหลังโรงเรียนที่ไม่ค่อยมีคนผ่านมาเท่าไหร่ บ่อยครั้งมีนักเลงมารีดไถเงินแถวนี้ แต่ก็โดนจับเข้าห้องปกครองหมดแล้ว จึงกลายเป็นสถานที่ไม่ค่อยมีใครอยากผ่าน

หญิงสาวในชุดนักเรียน ผูกผมหางม้า ใบหน้าไร้สิ่งแต่งแต้มกลับแก้มแดงเพราะอยู่ต่อหน้าชายที่ตนเองแอบชอบ หัวใจเต้นแรงจนต้องควบคุมมันแล้วบอกให้เย็นลงหน่อย แค่เขามองเท่านั้นยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ของขวัญถูกยื่นไปตรงหน้า และกล้าตะวันก็ค่อยรับมาพลางขมวดคิ้วสงสัยว่าสิ่งที่อยู่ด้านในมันคืออะไร

“ให้เหรอ” เสียงทุ้มที่ถามทำเอาการหายใจของหล่อนติดขัด ส่วนสูงที่ต่างทำให้อัยย์ญาดาต้องเงยหน้ามองรุ่นพี่

เขาอยู่ในชุดนักเรียนชายและผมที่เริ่มยาว หล่อเหลาจนไม่อยากให้หญิงอื่นมามอง อยากเก็บไว้ข้างกายแล้วนั่งจ้องไม่ห่าง คนอะไรจะดูดีได้ขนาดนี้

“ใช่..ค่ะ” ไม่เป็นตัวเองเลยให้ตายสิ

จากคนที่กล้าสู้กับทุกเรื่อง แต่พอมาอยู่ตรงหน้ากล้าตะวันกลับเป็นแค่ผู้หญิงขี้ขลาด แค่จะเอื้อนเอ่ยออกมาสักประโยคยังยาก จนคิดหนักว่าจะบอกรักร่างสูงได้หรือเปล่า

“ขอบคุณนะ” รอยยิ้มแต้มมุมปาก ทำให้ใจที่เคยฟ่อกลับฟูฟ่องขึ้นมาทันที ได้ปั๊มลมเต็มที่จึงเรียกขวัญกำลังใจให้แก่ตนเอง

“อุ่นชอบพี่” พุ่งตรงเข้าประเด็นจนเธอเองก็ไม่อยากเชื่อว่าจะพูดออกมาได้ แต่เพราะเตรียมใจมาเป็นเดือนแล้วจึงสูดลมหายใจเข้าปอด เรียกความกล้าพลางกำมือแน่น จ้องคนที่อยู่ตรงหน้าไม่เลื่อนสายตาไปไหน

เธอเองก็อยากรู้ว่าเขาจะตอบอย่างไร

“ฮะ” รุ่นพี่ถึงกับอึ้ง ใครจะคิดว่าวันปัจฉิมนิเทศจะมีรุ่นน้องมาบอกรัก แถมเธอยังเป็นตัวจี๊ดประจำรุ่นอีกต่างหาก

“พี่ไม่ต้องตอบรับก็ได้แค่อยากให้รู้เอาไว้ ในสายตาพี่อุ่นอาจจะดูเป็นคนเกเรหรือชอบหาเรื่องคนอื่น ที่จริงมันก็..ก็จริงแหละ แต่อุ่นจะพยายามเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อพี่นะ แล้วก็จะตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้ ถ้า ถ้าพี่ตกลง” สับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก

เธอไม่รู้ว่าต้องการแค่บอกรัก หรืออยากให้เขาตอบตกลงด้วย แต่ในใจก็หวังอยากเป็นแฟนซึ่งมันค่อนข้างยาก ถึงจะคุ้นหน้าค่าตาเพราะเดินผ่านกันบ่อย แต่ไม่ได้รู้จักมักจี่ถึงจะตอบตกลงตั้งแต่ครั้งแรก

วินาทีนั้นที่สบตากัน เหมือนเขาจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่ามีเสียงเรียกจากด้านหลังจึงหันกลับไปมอง

“กล้า” เป็นพี่สาวของเธอนั่นเองที่ผ่านมาพอดี

ลักษ์นารา กันต์ธนิน ถ้ากล้าตะวันเป็นเดือน คนที่เป็นดาวเคียงข้างเขาก็คือพี่สาวเธอ นอกจากจะหน้าตาดีแล้วยังเรียนเก่งอีกต่างหาก

ผู้ชายหลายคนที่เข้าหาเธอก็เพื่อต้องการไปหาลักษ์นาราทั้งนั้น คุณครูแต่ละวิชาต่างเอ็นดู ต่างจากคนน้องที่คนในโรงเรียนพากันระอา

ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

“พี่อิง” พึมพำเสียงเบา คิดว่าจะไม่มีคนเดินผ่านแถวนี้ซะอีก

“อ้าวอุ่น ไม่ขึ้นเรียนเหรอ” ข้างกันนั้นมีวิภูยืนอยู่ด้วย เขาจึงถามหล่อนแล้วพยายามส่งยิ้มมาให้ แต่สถานการณ์ค่อนข้างอีหลักอีเหลื่อ

การสารภาพพังไม่เป็นท่า

“กำลังจะไป” ถึงจะบอกแบบนั้น แต่หล่อนก็หันมามองกล้าตะวัน คำตอบที่รอคอยและคาดหวังว่ามันจะเป็นไปในทางที่ดี

“ไม่ต้องเป็นคนดีเพื่อพี่หรือทำอะไรเพื่อพี่หรอก ทำเพื่อตัวเองดีกว่า ขอบคุณสำหรับของขวัญนะ” เขายิ้มเพียงเล็กน้อยก่อนจะเดินไปกับกลุ่มเพื่อน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นปล่อยให้อัยย์ญาดามองตามแผ่นหลังกว้างของคนที่รัก

นั่นหมายถึงการปฏิเสธหรือเปล่า..