ศิษย์ล่วงเกินครั้งที่ 9
นอนเร็วตื่นเช้าดีต่อสุขภาพ เจียงอันเหอตื่นก่อนที่นาฬิกาปลุกจะดังขึ้นสิบนาทีเหมือนเดิม เขาอดชื่นชมนาฬิกาชีวิตที่อยู่ในร่างกายตัวเองไม่ได้
ในตอนที่เบียดกันไปมาในรถไฟใต้ดิน เจียงอันเหอได้ยินคนข้างๆ กำลังคุยกันเรื่อง [บำเพ็ญเซียน OL] คำพูดเต็มไปด้วยความเกลียดชังลึกซึ้งต่อเนื้อเรื่องและนโยบายเกม คาดว่าน่าจะเป็นพวกที่ยังหาเบาะแสในเกมไม่ได้
เจียงอันเหออดอุทานออกมาไม่ได้ว่าตัวเองนั้นโชคดีนัก ดูท่าเย็นนี้หลังจากเลิกงานก็คงต้องพยายามในภารกิจต่อไป
อย่างไรเสียจะได้ไม่รู้สึกผิดต่อเงินเดือนที่สะสมมาสามเดือน!
พอออนไลน์อีกครั้ง โลกของเกมก็ดำเนินไปสิบวันแล้ว สถานที่เจียงอันเหอออนไลน์เป็นหน้าประตูบ้านของหนิวเอ้อร์พอดี พอมาถึงเขาก็เห็นหนิวเอ้อร์กำลังซ่อมเกวียนและให้อาหารม้าอยู่
“เฮ้ น้องชาย เหตุใดจึงเพิ่งมา วันนั้นข้ารอเจ้าไม่ไหว จึงไปก่อนล่วงหน้า” หนิวเอ้อร์เห็นเขา ชายหนุ่มผู้เปิดเผยคนนี้จึงถามเขาว่ายังอยากจะไปหมู่บ้านชมจันทร์อีกมั้ย ตอนนี้เขากำลังเตรียมตัวเข้าไปในตัวเมือง
เจียงอันเหอรีบขอบคุณเขาเป็นการใหญ่ ปีนขึ้นรถเกวียนเสียงดังกุกกัก แล้วออกจากหมู่บ้านไปพร้อมกับหนิวเอ้อร์
หนิวเอ้อร์เองก็เคยเข้าไปในเมือง เป็นคนมีโลกทัศน์ เขาคอยเล่าข่าวชาวบ้านที่ได้ยินมาจากในเมืองให้เจียงอันเหอฟังตลอดทาง เช่น ทางด้านตะวันตกของหมู่บ้านมีปิศาจจิ้งจอกที่คอยดูดวิญญาณมนุษย์ถือกำเนิดขึ้นมาตัวหนึ่ง แต่กลับโดนนักพรตเจ้าชู้คนหนึ่งหว่านเสน่ห์เข้าให้ ที่ด้านตะวันออกของเมืองมีเศรษฐีที่แต่งเมียคนที่สิบแปดเข้าบ้าน แต่กลับโดนผีสาวดูดวิญญาณในคืนเข้าหอ เหตุอุทกภัยทางตอนใต้ ได้ยินมาว่าเกิดจากปิศาจงูน้ำ มีผู้มีวิทยายุทธ์เดินทางไปหมายมาดจะกำจัดงูน้ำนี้ ทางด้านเหนือไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แค่เรื่องฮ่องเต้สวรรคตก็เท่านั้น รัชทายาทสามสี่คนกำลังแย่งบัลลังก์กันอยู่ คงไม่มีใครจะสนุกไปกว่าภูตภูเขาและเหล่าสัตว์ประหลาดที่อยู่ในพระราชวังแล้วละ
เจียงอันเหอฟังอย่างเพลิดเพลินมาตลอดทาง จนเกือบลืมว่าตัวเองจะไปไหน เป็นหนิวเอ้อร์ที่เตือนเขา เขาจึงลงจากรถตรงหน้าหมู่บ้านชมจันทร์แล้วกล่าวอำลาหนิวเอ้อร์
หมู่บ้านชมจันทร์ดูไปก็เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ที่เรียบง่ายแห่งหนึ่ง ก็แค่ชื่อค่อนข้างสุนทรีย์ก็เท่านั้น
เจียงอันเหอตรงไปหาผู้ใหญ่บ้าน สอบถามหาลำธารในตำนานสายนั้น ผู้ใหญ่บ้านชี้ทางให้เขาอย่างปรารถนาดี แถมยังเล่าประวัติของหมู่บ้านชมจันทร์ให้อย่างสนุกสนานและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ที่แท้เป็นเพราะนับตั้งแต่โบราณกาล มีหัวหน้าปิศาจตนหนึ่งชื่อกุ่ยเยวี่ยจุน คร่าชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วน ดื่มเลือดเป็นอาจิณ ดูดกลืนชีวิตผู้คนจากเมืองผิงหนานไปเจ็ดร้อยแปดสิบชีวิตจนสะเทือนโลกา จึงโดนผู้บำเพ็ญเซียนทั้งโลกตามฆ่า
ตอนที่เขาหนีตายมาที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ เขารู้แน่ว่าคงไม่มีทางรอด จึงระเบิดตัวตาย ปิศาจกุ่ยเยวี่ยจุนจึงอยู่ที่นี่เพื่อบำเพ็ญเป็นวิญญาณร้ายที่เต็มไปด้วยพลังอาฆาต และให้ผู้คนแก่งแย่งชิงดีกันจนทำให้ฝั่งโลกบำเพ็ญเซียนปั่นป่วน
โชคดีที่ นักพรตเซียนที่เข้าร่วมการไล่ฆ่าคนหนึ่งอ่านแผนการของปิศาจกุ่ยเยวี่ยจุนทะลุ จึงได้ออกสกัดวิญญาณร้ายด้วยตนเอง แล้วปิดยันต์ฝังมันไว้ใต้หมู่บ้าน จึงรอดจากอุปัทวเหตุรอบนี้ไปได้
“ได้ยินว่าตอนที่ปิศาจกุ่ยเยวี่ยจุนระเบิด เลือดเนื้อของเขาถูกพระจันทร์บนท้องฟ้าดูดไป พระจันทร์บนท้องฟ้าวันนั้นกลายเป็นสีดำแดง ทุกคนบนโลกล้วนเห็นพร้อมกัน หลังจากนั้นหนึ่งเดือนเต็ม พระจันทร์ถึงได้กลับเป็นสีปกติตามเดิม หมู่บ้านนี้จึงได้ชื่อว่าหมู่บ้านชมจันทร์อย่างไร” ผู้ใหญ่บ้านลูบคลำเคราที่เป็น ‘สัญลักษณ์ของผู้ใหญ่บ้าน’ เล่าได้อย่างออกรสออกชาติ “แน่นอนว่าพวกปิศาจจำนวนนับไม่ถ้วนคอยมาหาสมบัติที่นี่อยู่เป็นร้อยเป็นพันปี แต่ล้วนป่วยตายไปอย่างไร้สาเหตุ หลายครั้งในตอนที่พวกเขาหาวิญญาณภูตไม่ได้แล้วอยากจะมาระบายอารมณ์ในหมู่บ้าน ก็มักจะมีเซียนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ คิดว่าหมู่บ้านของเราก็น่าจะได้รับการคุ้มครองจากเทพเซียนอยู่บ้างเหมือนกัน!”
หลังจากที่เจียงอันเหอบอกลาผู้ใหญ่บ้าน แล้วเดินไปหาลำธารตามการบอกทางของเขา พลางคิดว่าหรือว่าระบบต้องการให้เราตามหาวิญญาณของปิศาจกุ่ยเยวี่ยจุนตัวนั้น แต่ฟังดูไม่น่าจะใช่ของดีอะไร…
ลำธารไหลระเรื่อย ใบหลิวพลิ้วไหว สายลมอ่อนพัดโชย ทัศนียภาพรื่นรมย์
เจียงอันเหอนั่งริมลำธาร แล้วผล็อยหลับไป
จังหวะที่สะลึมสะลือก็มีคนปลุกเขา “เด็กน้อย เหตุใดออกมาเล่นคนเดียวอย่างนี้ แล้วยังมาหลับตรงนี้อีก ระวังถูกคนร้ายลักพาตัวไปนะ”
เจียงอันเหอขยี้ตาเบาๆ เช็ดคราบน้ำลายที่มุมปาก มองดูชายที่แต่งตัวประหลาดยิ่งตรงหน้า
อาภรณ์บนสีชาด อาภรณ์ล่างสีจันทรา ลายผ้าด้านบนดูประหลาดตา สวมหมวกทรงแหลมสูงสีดำ บนใบหน้าแต่งแต้มด้วยสีจัดจ้าน แล้วยังมีหนวดเคราที่แยกออกเป็นตัวอักษรเลขแปดอีก เจียงอันเหอถึงกับนิ่งอึ้งมอง
“อ๋อออ หรือจะเป็นเด็กทึ่ม” คนคนนั้นขมุ่นคิ้ว สีสันบนใบหน้าก็ขมวดกันเป็นก้อนตาม ช่างไม่น่าดูเอาเสียเลย
“เปล่า...ท่าน จอมยุทธ์ท่านนี้ มีธุระอันใดหรือ” เจียงอันเหอรีบถามแล้วลุกพรวด ปัดเศษหญ้าบนก้น
“ฮิ้ว ฮ่าๆๆๆ เป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกขานข้าแบบนั้น! ฮ่าๆๆๆๆๆ...” มนุษย์ประหลาดหัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่คนเดียวไม่หยุด เจียงอันเหอยังไม่กล้ามองหน้าเขา เลยเบนสายตามามองลายบนเสื้อผ้าของเขาแทน
พอคนคนนั้นหัวเราะจบ เห็นเขามีทีท่าจริงจังจึงถามขึ้น “เจ้าหนู เจ้าดูลายนี้ออกมั้ย”
เจียงอันเหอส่ายหน้า
มนุษย์ประหลาดหัวเราะอีกสักพัก นั่งยองๆ ชี้ไปที่ลายบนเสื้อผ้าของตนเอง พูดพล่ามไม่หยุด “นี่เป็นวิชาลับคาถาหัวใจของข้าเชียวนะ หากมีผู้ใดทะลุเข้าไปในกลไกของมันได้ ก็จะได้เวทคาถาสูงสุด”
“วิชาลับหรือ แล้วท่านพิมพ์เป็นลายเสื้ออย่างเปิดเผยขนาดนั้น”
“ฮิฮิ ก็เพราะว่าคนที่อยากเข้าถึงคาถาลับ โดนข้าฆ่าไปหมดแล้วน่ะสิ!” มนุษย์ประหลาดหรี่ตายิ้มแล้วพูด “เจ้าอยากดูอีกมั้ยล่ะ ด้านหลังเสื้อข้ายังมีลายอีกนะ”
“ไม่ๆๆ!” เจียงอันเหอรีบเอามือปิดตาตนเอง “ข้าไม่ดูอะไรทั้งสิ้น!”
ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ!
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ!” คราวนี้มนุษย์ประหลาดหัวเราะจนลงไปนั่งบนพื้น สีส่วนหนึ่งบนใบหน้าเขาเละเทะไปด้วยคราบน้ำตาที่เล็ดออกมาตอนหัวเราะ
“ข้าล้อเจ้าเล่นน่ะ เจ้าหนู ฮ่าๆๆๆ เด็กนี่น่ารักเสียจริง!”
เจียงอันเหอ ...
เขาวางมือลง มองดูมนุษย์ประหลาดที่หัวเราะจนกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น
คนคนนี้บ้าไปแล้วแน่ๆ!
ถ้าไม่ใช่เพราะวิทยายุทธ์ต่างกันราวกับฟ้าเหว เจียงอันเหอก็คงจะอัดคนบางคนให้เละอยู่เหมือนกัน
มนุษย์ประหลาดหัวเราะอยู่พักหนึ่ง เห็นเด็กน้อยคนนี้จ้องตัวเองอย่างตุปัดตุป่องจึงทำมือว่าให้นั่งลง “เอาละ ไม่ล้อเจ้าเล่นแล้ว ลายนี้ก็แค่ให้เสื้อผ้าดูสวยงามก็เท่านั้น เจ้าดูได้ตามสบายเลย”
เขาพลันชี้ไปที่ลำธารข้างตัว “ไม่ต้องโกรธแล้ว ไปดูลำธารแถวนี้เถอะ ที่นั่นน่ะมีความลับซ่อนอยู่นะ"
เจียงอันเหอสงสัยว่าเขาคงจะกดหัวตนเองลงในน้ำตอนที่ก้มดูลำธารแน่ๆ เลย
แต่ว่าจนป่านนี้ภารกิจยังไม่คืบหน้าเลย ต่อให้มีเบาะแสแปลกๆ ก็ปล่อยผ่านไม่ได้
เขากระดึ๊บไปข้างลำธารเหมือนปู เจียงอันเหอคอยจ้องมองมนุษย์ประหลาดอย่างระแวดระวัง จนคนคนนั้นหัวเราะเสียงดังออกมาอีก
เจียงอันเหอสำรวจลำธารเป็นระยะสิบกว่าเมตร ไม่พบอะไรสักอย่าง
กำลังคิดอยู่ว่าโดนมนุษย์ประหลาดล้อเล่นอีกหรือเปล่า ก็ได้ยินเสียงมนุษย์ประหลาดตะโกนมา “ไม่ได้หาแบบนั้นหรอกนะ!”
ได้ยินแต่เสียงที่ดังขึ้น น้ำในลำธารก็กระเซ็นไปครึ่งค่อนกลางอากาศ กลายเป็นฉากน้ำที่สวยงาม
มนุษย์ประหลาดกวักมือ ก็มีแสงสว่างวาบไปมาอยู่บนฉากน้ำนั้นแล้วลอยเข้ามาอยู่ในมือเขา
เขายังโยนของสิ่งนั้นสองสามทีเพื่ออวดเจียงอันเหอด้วย
เจียงอันเหอกำลังครุ่นคิดว่าตนเองจะตีตัวประหลาดนี้ให้ตายดีไหม
มีเกล็ดน้ำหกเหลี่ยมโปร่งใสพุ่งขึ้นมาจากลำธาร มนุษย์ประหลาดกำมันไว้ในมือ มันทอเป็นประกายระยิบระยับใต้แสงดวงอาทิตย์
เจียงอันเหอรีบวิ่งกลับไปอยู่ข้างเขา เห็นคนประหลาดทำสีหน้า ‘อยากได้เหรอ ช่วยข้าสิ’ คำพูดที่ติดอยู่บนริมฝีปากจึงถูกกลืนลงคอไปอีกรอบ
สีหน้าอยากพูดแต่พูดไม่ออกของเขาทำให้มนุษย์ประหลาดหัวเราะเสียงดังฮ่าๆ เขาหัวเราะพลางแสร้งทำหน้าครุ่นคิด “ในเมื่อเจ้าอยากได้ของเล่นนี่นัก ก็ฟังข้าเล่านิทานสักเรื่องแล้วกัน”