บท
ตั้งค่า

ศิษย์ล่วงเกินครั้งที่ 13

  

ด้านหน้าสายตาเจียงอันเหอมืดดำไปหมด พอเขาได้สติ ก็เห็นว่าตัวเองถูกส่งไปยังไม้คาน ไกลออกไปเป็นสิ่งปลูกสร้างสลับซับซ้อนเป็นชั้นๆ ด้านหลังเป็นป่าไม้เงียบสงบร่มรื่น ใต้เท้าเป็นพื้นดินที่อยู่ไกลออกไป

เขากลืนน้ำลาย กำเชือกที่อยู่บนคานแน่น รู้สึกราวกับว่าคานไม้นี้พร้อมจะหักลงมาได้ทุกเมื่อ

เจียงอันเหอทำใจอยู่ครู่หนึ่งก็เดินขึ้นหน้าช้าๆ พอเห็นว่าสิ่งปลูกสร้างใกล้เข้ามาทุกที ถึงได้มองเห็นชัดว่ามันเป็นอาคารสูงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ประหนึ่งครีบปลา กระเบื้องสีแดงชาดส่องสะท้อนภายใต้แสงแดดเป็นประกายจางๆ บนหลังคาแกะสลักรูปอสูรไว้ ดูมีชีวิตชีวาราวกับมีชีวิต

หลังจากที่เดินลงสะพาน ตึกที่อยู่ใกล้ที่สุดก็อยู่เพียงคืบ เจียงอันเหอเพิ่งจะถอนหายใจ เด็กชายที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ถือกระบี่สำริดเดินเข้ามา “ผู้ ผู้มาช้าก่อน! ขอถามหน่อย ท่าน ท่าน ท่านมีธุระอะไร” เด็กชายอายจนหน้าแดงก่ำ พูดจาตะกุกตะกัก แม้ว่าน้ำเสียงจะค่อนข้างดุ แต่เจียงอันเหอมองเด็กชายที่สูงกว่าตัวเองไม่มากเท่าไหร่คนนี้ ก็รู้สึกอยากหัวเราะ

เขาหยิบด้ามกระบี่ออกมา รีบพูดตอนที่เด็กชายชักสีหน้า “ข้าถูกผู้รับช่วงส่งมาที่นี่ เขาบอกว่าให้ข้าเอากระบี่มาส่งคืนเจ้าของ”

เด็กชายดูเคว้งคว้างชั่วขณะ “กระบี่?  เจ้าของ? เจ้าของกระบี่คือใครกัน”

เจียงอันเหอส่ายหน้าพูด “ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ผู้รับช่วงบอกว่าเจ้าของกระบี่อยู่ที่นี่”

เด็กชายเก็บอาวุธของตนเอง ส่ายหน้า มองเจียงอันเหอตั้งแต่หัวจรดเท้า “อย่างนั้นท่านรออยู่ที่นี่ก่อนแล้วกัน ข้าจะไปถามพวกศิษย์พี่” พูดจบเขาจึงวิ่งขึ้นตึกไป วิ่งพลางตะโกนกลับมา “ท่านอย่าเพิ่งไปไหนนะ เกิดโดนกลไกเข้าละแย่แน่”

เจียงอันเหอจึงยืนอยู่หน้าประตูอย่างว่าง่าย ไม่นานนัก เด็กชายคนนั้นจึงพาชายหนุ่มมา ชายหนุ่มคนนั้นสวมชุดยาวแบบเดียวกัน แต่ว่าสาบเสื้อปักลายสีทองเพิ่มหนึ่งชั้น ดูท่าชุดยาวนี้คงจะเป็น “เครื่องแบบสำนัก” ของตึกรังหงส์แห่งนี้

ชายหนุ่มอมยิ้มทักทาย “แขกสำคัญมาเยือน พวกเราต้อนรับได้ไม่ทั่วถึง ท่านให้เราดูด้ามกระบี่นั่นได้หรือไม่” เจียงอันเหอยื่นกระบี่ให้กับชายหนุ่ม ชายหนุ่มค่อยๆ พิจารณารอบหนึ่ง และจะลองชักกระบี่ออกมา แต่ว่าไม่สำเร็จ

เขาตรวจสอบรอบหนึ่ง ลูบคลำดูว่ากระบี่ด้ามนี้ไม่ได้ซ่อนกลไกอะไรไว้จึงส่งคืนให้กับเจียงอันเหอ “ในเมื่อผู้รับช่วงส่งท่านมา เช่นนั้นข้าจะพาท่านไปหาเจ้าสำนักแล้วกัน บางทีท่านผู้เฒ่าอาจจะรู้ก็ได้ว่าเป็นกระบี่ของใคร” พูดพลางส่งสัญญาณมือให้เจียงอันเหอ ยันต์สีทองพุ่งทะลุร่างกายของเขา

“นี่คือยันต์ที่ทำให้ทะลุผ่านเข้าตึกรังหงส์ได้ คนที่ไม่มียันต์นี้ พอก้าวขาเข้าประตูก็จะโดนสัตว์เทพจู่โจม” พอเจียงอันเหอเดินเข้าไปใจกลางตึก ชายหนุ่มก็ส่งสัญญาณให้รูปปั้นสัตว์แกะสลักบนหลังคา

ชายหนุ่มพาเขาเดินเข้าตึกไปอย่างเงียบๆ  สิ่งปลูกสร้างที่นี่เหมือนกับที่สำนักเทียนจีที่ร่ายคาถาไว้ พอเข้าไปแล้วเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลก ชั้นที่หนึ่งเต็มไปด้วยสวนดอกไม้นานาพันธุ์ดารดาษ ตรงกลางยังมีทะเลสาบค่อนข้างใหญ่แห่งหนึ่ง ผืนน้ำกระเพื่อมน้อยๆ มีปลาสองสามตัวกระโดดพ้นผิวน้ำจนเกิดเป็นวงคลื่น

เจียงอันเหอดูอยู่สักพัก รู้สึกว่าทัศนียภาพนี้สวยงามเกินบรรยาย จึงเดินตามชายหนุ่มขึ้นไปด้านบน หลังจากที่เดินไปสามสี่ชั้น ชายหนุ่มจึงให้เจียงอันเหอรออยู่ตรงปากทางบันได เขาไปรายงานเจ้าสำนัก รอเจ้าสำนักอนุญาตค่อยพาเขาเข้าไป

เมื่อเลี้ยวเข้าทางบันได เจียงอันเหอเห็นว่าชั้นนี้เป็นห้องโถงที่หรูหราตระการตา ขั้นบันไดสลักจากหยกขาว ผลึกแก้วสีหมึกแต่งแต้มอยู่ในนัยน์ตาสัตว์เทพที่เฝ้าประตู บนแผ่นป้ายมีตัวอักษรที่ตวัดราวมังกรกับหงส์ร่ายรำเขียนคำสามพยางค์ไว้ว่า “ตึกรังหงส์”

ชายหนุ่มออกมาโดยรวดเร็ว พาเขาเข้าไป พร้อมกับกำชับพูดว่า “อีกสักครู่เจอเจ้าสำนักเฉินของเราจะต้องคารวะด้วยนะ ท่านเกลียดผู้น้อยที่ไม่รู้จักระเบียบมารยาท เจ้าต้องระวังให้มากล่ะ” ท่าทางพร่ำบ่นทำให้เจียงอันเหอรู้สึกว่าเจ้าสำนักจะต้องเป็นชายชราอายุราวหกสิบ ไม่เช่นนั้นลูกศิษย์ลูกหาจะเชื่อฟังกันขนาดนี้ได้อย่างไร

ผลปรากฏว่าพอเขาได้เห็นเจ้าสำนักของตึกรังหงส์ก็ชะงักงันทันที หลังจากที่ชายหนุ่มคารวะแล้ว จึงเดินไปอยู่ข้างหลังเขาเพื่อคอยบอกเตือน เจียงอันเหอจึงได้คืนสติ “คารวะเจ้าสำนักเฉิน ข้าน้อยเจียงอันเหอ ครานี้มาเพื่อมีธุระบอกกล่าว”

คนผู้นั้นคือชายที่เจียงอันเหอพบภายในถ้ำ

ยามนี้ชายผู้นั้นแต่งกายไม่เหมือนกับตอนอยู่ในถ้ำ ชายผู้นั้นรวบเรือนผมยาวสลวยไว้ด้วยกวานหยก ชุดคลุมสีขาวบนตัวยิ่งขับให้ดูสูงส่ง เขานั่งอยู่บนบัลลังก์ด้านบน พยักหน้าพูดว่า “เหอเหนียนกล่าวว่าเจ้ากำลังหาผู้เป็นเจ้าของกระบี่ใช่หรือไม่ ข้าขอดูกระบี่เล่มนั้นสักหน่อย”

เจียงอันเหอพยักหน้ารับ กำลังเตรียมเดินขึ้นหน้ายื่นกระบี่เล่มนั้นให้เขาดู เหอเหนียนที่ยืนอยู่ด้านหลังจึงรีบหยิบกระบี่จากมือ แล้วก้าวขึ้นหน้าส่งกระบี่ให้กับชายผู้นั้น

เจียงอันเหอยืนจ้องเหอเหนียนจากด้านหลังเขม็ง

ชายผู้นั้นแค่ลูบคลำกระบี่ทีหนึ่ง ก็รู้ทันทีว่าเป็นกระบี่เล่มที่หายไป เผยรอยยิ้มที่ทำให้เจียงอันเหอใจเต้นขึ้นมา

ได้ยินแต่เสียง ‘ชิ้ง’  ดังขึ้น กระบี่ก็ถูกชักออกมา “ที่แท้เป็นกระบี่เล่มนี้นี่เอง ปีนั้นข้าหาอยู่นานมาก แต่ก็หาไม่พบ ลำบากน้องชายท่านนี้แล้ว”

เจียงอันเหอเผชิญกับสีหน้าเป็นมิตรของเขา ก็อดยิ้มเซ่อซ่าออกมาไม่ได้ “มิบังอาจ มิบังอาจ เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”

ชายผู้นั้นเก็บกระบี่ขึ้น เจียงอันเหอจึงคิดว่าเรื่องนี้คงจบลงแล้ว จึงรีบร้อนจะจากไป คิดไม่ถึงว่าชายผู้นั้นจะหันมาถามเจียงอันเหอว่าเป็นศิษย์ผู้ใดแห่งสำนักไหน หลังจากได้ทราบว่าเจียงอันเหอยังไม่ได้ฝากตัวกับสำนักใดๆ เขาจึงพูดเสียงทุ้มขึ้น “อืม เจ้าเองก็มีวาสนากับตึกรังหงส์ของข้า ผู้รับช่วงส่งเจ้ามาก็คงหวังให้เจ้าได้เข้าสำนักที่นี่เช่นกัน เช่นนั้น เจียงอันเหอ เจ้ายินดีจะเข้ามาอยู่ที่ตึกรังหงส์นี้หรือไม่”

เขาเพิ่งพูดจบ ระบบก็เด้งขึ้นมาตรงหน้าเจียงอันเหอพอดี [เฉินจื่อ เจ้าสำนักตึกรังหงส์เชิญท่านเข้าร่วมสำนัก ยอมรับคำเชิญหรือไม่]

เจียงอันเหอกด ‘ยอมรับ’ เขาไม่ทันได้อ่านข่าวสารกองพะเนินที่แสดงขึ้นมาในระบบ หลังจากที่กดปิดไปหมด จึงพยักหน้าให้กับเจ้าสำนักแสดงว่ายินดีเข้าร่วม

   เฉินจื่อพูดอยากยินดีปรีดายิ่งขึ้น “เช่นนั้นก็ดี ต่อไปเจ้าก็พักฝึกฝนวิชาอยู่ที่หอชิงหลวนแล้วกัน เหอเหนียน เจ้าพาศิษย์น้องเจ้าไป” พูดจบก็ไม่มองพวกเขาทั้งสองคนอีก ราวกับว่าพอจบฉากนี้ลง เฉินจื่อก็กลับไปสู่สถานการณ์ปกติ

เจียงอันเหอมองเหอเหนียนเดินออกไปจากห้องโถงอย่างผิดหวัง เขาหันหน้ากลับมามองทีหนึ่ง เจ้าสำนักของตัวเองไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย ยิ่งตอกย้ำเขาว่าอีกฝ่ายเป็น NPC

เหอเหนียนพาเขาไปที่หอชิงหลวน แล้วก็แนะนำตึกรังหงส์ให้เขารู้จัก

ตอนนี้ท่าทีของเหอเหนียนไม่เหมือนเดิม เขาดูเป็นมิตรมากขึ้น ตบอกผางพลางพูด “ต่อไปมีอะไรก็มาหาศิษย์พี่เช่นข้าแล้วกันนะ ศิษย์พี่ย่อมช่วยเหลือเจ้าแน่!” ดังนั้นพอเจียงอันเหอเดินตามเขาไปถึงหอชิงหลวน

หลังจากเข้าไปยังห้องพักของตนเองแล้ว เขาก็รู้จักตึกรังหงส์ไปพอประมาณแล้ว

ในตึกรังหงส์นี้มีหอทั้งหมดสี่สิบเก้าหอ แต่ละหอมีประโยชน์ใช้สอยแตกต่างกัน เช่นหอที่ไปเจอเจ้าสำนักเฉินจื่อมาเมื่อครู่นี้ เป็นหอที่เจ้าสำนักใช้ส่วนตัวโดยเฉพาะ ปกติเวลาไปเข้าพบเจ้าสำนักก็จะไปพบที่นั่น ส่วนหอชิงหลวนนี้มีไว้ให้ลูกศิษย์ชั้นผู้น้อยใช้โดยเฉพาะ ด้านในมีห้องฝึกฝน  ห้องประลอง ห้องเรียน เป็นต้น ส่วนหออื่นๆ ก็มีประโยชน์ใช้สอยที่แตกต่างกันไป

เหอเหนียนไม่ได้พักที่นี่ เขาพักอยู่ที่อีกหอหนึ่ง เขาทิ้งที่อยู่กับตารางเรียนในห้องเรียนไว้ให้เจียงอันเหอ กำชับเจียงอันเหอให้ไปเข้าเรียนให้ตรงเวลา ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ให้ไปถามเขาได้

หลังจากที่ส่งเหอเหนียนแล้ว เจียงอันเหอก็กวาดตามองห้องที่แสนจะราบเรียบธรรมดาห้องนี้ แล้วนั่งจิ้มระบบอยู่บนเตียง อยากจะอ่านดูว่าก่อนหน้าเด้งข่าวสารอะไรขึ้นมา

[ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นเจียงอันเหอที่ฝากตัวเข้าสู่ตึกรังหงส์ คุณได้รับเครื่องแบบสำนัก X1 กระบี่สำริด X1 ได้จัดส่งไว้ให้ในห้องเก็บของแล้ว ภารกิจได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ขอให้คุณสำรวจภารกิจที่เหลือต่อไป]

[ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นเจียงอันเหอเข้าสู่หนทางบำเพ็ญเซียน นับแต่บัดนี้จะคำนวณคะแนนการต่อสู้จากขั้นการฝึกฝน ขั้นการฝึกฝนมีดังนี้: ฝึกปราณ→สร้างฐาน→รวมวิญญาณ→รักษาปราณ→จินตัน→รวมผสาน→จุติ→กำเนิด→ปฏิบัติ→บรรลุเซียน→ข้ามสังสารวัฏ ขอให้คุณหาวิธีในการเลื่อนขั้น หมายเหตุ ต้องตั้งใจเรียนนะ]

[ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นเจียงอันเหอในการเข้าสู่หนทางการบำเพ็ญเซียน ต้องการยกเลิกการจำกัดอิมเมจแล้วหรือไม่]

เจียงอันเหอย่อมกด ‘ใช่’ แน่นอน จากเจ้าตัวจ้อยเท่าปาท่องโก๋ กลายเป็นหนุ่มหล่อที่สูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรทันที เขาลูบคลำใบหน้ารูปไข่ของตัวเองอย่างพึงพอใจ สมกับที่นั่งปรับรูปหน้าอยู่เป็นนานสองนาน

เจียงอันเหอยืดแขนเหยียดขาอย่างมีความสุข จากนั้นจึงหยิบเครื่องแบบสำนักออกมาจากห่อสัมภาระ เป็นเครื่องแบบแบบที่ชายคนที่ยืนหน้าประตูสวม เขาจึงเปิดข่าวสารอีกรอบ ตรงระดับแสดงขึ้นมาว่า ‘ฝึกปราณขั้นที่หนึ่ง (ยังไม่สำเร็จ)’ เป็นตัวอักษรสีเทา ดูท่าปุ่มนี้คงจะสว่างขึ้นหลังจากที่ตัวเองผ่านช่วงฝึกปราณแล้ว

อย่างนั้นยึดการแจ้งเตือนจากระบบ พรุ่งนี้ก็ไปเข้าเรียนตามตารางแล้วกัน พอคิดว่าต้องไปเข้าเรียน เจียงอันเหอผู้เพิ่งเรียนจบไม่นานก็อดรู้สึกเซ็งไม่ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel