บท
ตั้งค่า

ศิษย์ล่วงเกินครั้งที่ 14

เจียงอันเหอตรวจสอบดูตารางเรียนที่เหอเหนียนทิ้งไว้ให้ ด้านบนระบุไว้ว่าเป็นชั้นเรียนระดับต้น ชั้นเรียนวันแรกใช้เวลาสองชั่วยามในการเรียนเรื่องการกำหนดชีพจรและจุดลมปราณ เริ่มตั้งแต่เวลาเฉินไปจนถึงเวลาอู่ ซึ่งก็คือเริ่มชั้นเรียนตอนเจ็ดโมงเช้า

วันนี้เขาออนไลน์เกมตอนบ่าย หลังจากที่วุ่นวายเป็นเวลาเนิ่นนาน ด้านนอกก็เริ่มเป็นเวลาวิกาล ห่างจากเวลาเรียนออกไปสองสามชั่วโมง ตอนนี้จะให้นั่งอยู่เฉยๆ ก็ค่อนข้างน่าเบื่อ ดังนั้นเจียงอันเหอจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นข้างนอก ตราบใดที่อยู่ภายในตึกรังหงส์คงจะปลอดภัย

เข้าช่วงกลางคืน เดิมทีลูกศิษย์ที่เดินไปมาอยู่บนถนนประปรายก็ไม่เห็นแม้แต่เงา บนหลังคาของแต่ละอาคารมีโคมไฟแขวนประดับเอาไว้ ดูๆ ไปก็มีเสน่ห์เหมือนกัน แต่ไรมาที่นี่ก็เงียบสนิท ตอนนี้มีแสงไฟจากโคมส่องสว่าง ทำให้เจียงอันเหอรู้สึกไม่คุ้นชิน

อืม ในฐานะสำนักฝ่ายธรรม คงไม่มีผีหรอกมั้ง

เจียงอันเหอกำกระบี่ชิงถงในมือไว้แน่น ใช่แล้ว เจ้าสำนักดูเหมือนเซียนที่สูงส่งออกขนาดนั้นต้องเป็นสำนักฝ่ายธรรมะแน่ๆ

ในตอนที่เขากำลังปลุกขวัญกำลังใจให้ตนเองอยู่นั้น เงาดำมืดสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากมุมแล้วปะทะเข้ากับร่างเขาอย่างจัง

“อือๆๆ...” เจียงอันเหอคิดจะร้องด้วยความตกใจว่ามีปีศาจ เงาดำนั้นก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว รีบมาอุดปากเขาโดยพลัน “จุ๊ๆๆ! อย่าเอะอะไป!”

เจียงอันเหออาศัยเสียงริบหรี่ ถึงได้เห็นว่าเป็นสาวน้อยที่สวมชุดพรางตัวกำลังจ้องให้เจียงอันเหอเงียบเสียงด้วยดวงตากลมโตคู่นั้น เขาก็อดกลอกตาไม่ได้ สหาย ท่านเองก็เสียงดังขนาดนี้!

หลินอิงเหมิงรู้สึกว่าตัวเองโคตรซวย การฝึกปราณขั้นที่สามก็ได้รับภารกิจแสนยากเย็นขนาดนี้แล้ว ดันทำตัวเองให้ต้องเข้ามาสอดแนมที่สำนักระดับ A เสียได้

สวรรค์รู้ดีว่าพอเธอเห็นหออาคารพวกนี้ก็อยากฆ่าตัวตายแล้ว ใครจะไปหาหอตานชิงอะไรจากในนั้นออกมาได้ ด้านหน้าหอพวกนี้ก็ไม่มีป้ายอะไรแขวนไว้สักหน่อย! ดีที่ตาแก่บ้านั่นให้คาถาพรางตัวกับตนเองเอาไว้ ไม่อย่างนั้นพอย่างเท้าเข้ามาในนี้เธอต้องโดนสัตว์อารักขากระโจนใส่แน่ๆ จะรอจนไปชนเข้าเก็บเด็กที่ยืนเซ่อๆ ซ่าๆ คนนี้ได้อย่างไร

แต่ทว่า เห็นชุดที่คนคนนี้สวม น่าจะเป็นลูกศิษย์ของตึกรังหงส์ หึ หึ หลินยิ่งเหมิงหัวเราะอย่างมีเลศนัย เพื่อที่จะไม่ให้ตาเซ่อนี่รู้ถึงอันตรายแล้วแหกปากร้อง เธอตัดสินใจใช้วิธีการจู่โจมแบบละมุนละม่อม

“โอ๊ยยย! ขาเค้าเจ็บจังเลย” หลินอิงเหมิงคลายมือออก นั่งจุมปุ๊กลงบนพื้น พลางนวดคลึงข้อเท้าที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยของตัวเอง พลางส่งสายตาทอดสะพานไปให้เจียงอันเหอ

เจียงอันเหอ: แม่นาง ยกระดับการแสดงขึ้นอีกสักหน่อยดีมั้ย หักมุมแบบให้สมูทขึ้นอีกหน่อยจะได้หรือเปล่า

แม้จะรู้แก่ใจดีว่าคนผู้นี้กำลังแสดงละคร แต่เขาก็ให้ความร่วมมือ เจียงอันเหอจึงแกล้งทำเป็นห่วงใยถามเธอว่า “หา? ที่ชนเมื่อครู่หรือเปล่า เจ้ายังลุกขึ้นยืนไหวหรือไม่”

หลินอิงเหมิงทำสีหน้าออดอ้อนพูดขึ้น “เช่นนั้นเจ้าก็ช่วยประคองหน่อยสิ!” พูดพลางยื่นมือให้เจียงอันเหออย่างไม่เกรงใจ

เจียงอันเหอพยุงเธอขึ้นพร้อมกับเลียบเคียงถาม “แม่นาง ดึกดื่นป่านนี้แล้วเหตุใดจึงอยู่ข้างนอกอีก ไม่กลัวอันตรายหรือ เจ้าเป็นลูกศิษย์ของตึกรังหงส์ใช่หรือไม่”

“ข้าแค่อยากอาศัยยามวิกาลที่ไร้ผู้คนออกกำลังกายเท่านั้นเอง อย่างไรเสียก็ต้องรักษารูปร่างสวยงามของข้าไว้” หลินอิงเหมิงต่อให้ใช้ลูกไม้ออดอ้อนจนสุดปานใด ก็ยังไม่ลืมชมตัวเอง “ข้าย่อมเป็นลูกศิษย์ของตึกรังหงส์ แต่ดึกดื่นค่ำคืนใส่อาภรณ์สำนักออกจะสะดุดตาไปหน่อย จริงสิ ศิษย์พี่ท่านนี้ พวกเรามาทำความรู้จักกันดีหรือไม่ ข้าชื่อหลินอิงเหมิง ท่านเรียกข้าว่าเหมิงเหมิงก็ได้น้า”

น้ำเสียงออดอ้อนของแม่นางเหมิงเหมิงทำให้เจียงอันเหอขนลุกซู่ไปทั้งตัว เขาพยายามรักษาสีหน้าอย่างเต็มกำลัง พยายามปรับรอยยิ้ม “ศิษย์น้องหลินสวัสดี ข้าชื่อเจียงอันเหอ”

เจียงอันเหอ: หลอกใครกัน ข้านี่แหละศิษย์น้องที่เพิ่งออกจากเตาสดๆใหม่ๆโอเคไหม

หลินยิ่งเหมิง “แหม บุรุษท่านนี้องอาจไม่เบา

ที่เธอไม่รู้คือ บุรุษองอาจที่มีแนวโน้มที่จะชอบเพศเดียวกันพอเห็นเธอส่งสายตาทอดสะพาน

ให้ ก็แค่รู้สึกปวดกระเพาะเล็กน้อย

เหนือชั้นบนของอาคารที่ทั้งสองมองไม่เห็น สัตว์อารักษ์ตัวหนึ่งก็บินวนจ้องมองทั้งสองอยู่เงียบๆ

สาเหตุใหญ่ที่ทำให้หลินอิงเหมิงตัดสินใจยั่วยวนต่อไป เพราะเธอรู้สึกราวกับว่ามีอะไรแอบมองเธออยู่ในที่มืด หลังจากปลอบตัวเองไม่ให้เสียวสันหลังวาบ เธอก็เริ่มเกาะติดเจียงอันเหอแจเพื่อถามโน่นถามนี่

เช่น “ศิษย์พี่อันเหอฝึกวิทยายุทธ์ถึงไหนแล้ว แค่ดูก็รู้แล้วว่าต้องเก่งกาจมาก!” “ศิษย์พี่อันเหอมีคาถาอะไรที่ทั้งน่าดูทั้งใช้ดีบ้าง งัดออกมาให้ชื่นชมหน่อย!” “ศิษย์พี่อันเหอข้าว่าข้าหลงทาง ท่านช่วยส่งข้ากลับหอชิงตานดีไหมเจ้าค้า...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel