บท
ตั้งค่า

ศิษย์ล่วงเกินครั้งที่ 11

ฉากตัดย้อนกลับไปที่ถ้ำเก่าทรุดโทรม เจียงอันเหอถอนหายใจยาวออกมา ไม่ว่าอย่างไรฉากที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดแบบนี้ก็กวนใจเขาไปไม่น้อย

เขาจัดการอารมณ์ตนเอง ฉากเมื่อครู่ทำให้เขาสัมผัสถึงสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องได้อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ในเส้นทางภารกิจของเขาแล้วว่าได้เดินมาในทางบำเพ็ญเซียนแน่แล้ว คิดมาถึงตรงนี้ เจียงอันเหอจึงเปิดระบบขึ้นเตรียมตรวจสอบภารกิจ

ในเวลานี้ ประตูถ้ำที่เปิดอยู่มีเสียงนกประหลาดร้องออกมา

เจียงอันเหอมองไปตามเสียง เห็นสัตว์ที่คล้ายนกกระเรียนมงกุฎแดงตัวหนึ่ง หากแต่เป็นนกสีเขียวที่มีขาเดียวกระโดดโหยงเหยงเข้าไปในถ้ำ นกตัวนั้นก็มองเห็นเจียงอันเหอด้วย มันเอียงหัว แล้วพ่นควันขาวก้อนหนึ่งออกมาจากจะงอยปากมาทางเขา

หลังจากที่เจียงอันเหอโดนไล่ล่าจากวิหคซ่างฟู่ เขาก็มีเงามืดเกี่ยวกับนกอยู่ในใจ  ในตอนที่เขาเห็นนกตัวนี้ก็เกิดความระแวดระวังขึ้นในใจ จึงรีบหมอบกลิ้งลงไปบนพื้น หลบควันสีขาวก้อนนั้น

กลุ่มควันคละคลุ้งอยู่ตามผนังถ้ำ ราวกับว่าก่อเกิดมนตร์คาถาอันใดอันหนึ่งขึ้น ล่องลอยผ่านแสงสว่างวาบแสงหนึ่งไป โดยที่ไม่ได้ทำลายผนัง

ประตูถูกนกเขียวขวางเอาไว้ เจียงอันเหอจึงได้แต่หลบเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ นกตัวนี้เซ้าซี้ขอตามเข้ามาแล้วพ่นควันขาวไปทั่ว

รอจนเจียงอันเหอวิ่งไปสุดทาง เห็นว่าในนี้มีอาสนะอันหนึ่งวางอยู่อย่างโดดเดี่ยว คิดว่าน่าจะเป็นสถานที่ฝึกบำเพ็ญของผู้บำเพ็ญพเนจรคนนั้น เขามองไปรอบๆ อย่างว้าวุ่น คิดว่าอย่างน้อยก็หาอาวุธสักอย่างมาป้องกันตัว ปรากฏว่าเห็นว่าด้านข้างอาสนะมีกระบี่ในปลอกกระบี่ที่ค่อนข้างเก่าเล่มหนึ่ง

เขาพุ่งไปหยิบกระบี่เล่มนั้น พลางหลบลูกไฟที่พุ่งมาอย่างสะเปะสะปะ จากนั้นเจียงอันเหอจึงเตรียมชักกระบี่สู้กับนกเขียวสามร้อยกระบวนท่า

จากนั้น เหตุการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนก็เกิดขึ้น

เจียงอันเหอใช้พลังประหนึ่งเปิดโลก แต่ก็ยังชักกระบี่ออกมาไม่ได้ จึงได้แต่กอดกระบี่ไว้แล้วพยายามดึงมันพลางหลบการโจมตีดุอันของนกเขียวในพื้นที่ว่างเล็กๆ

นกตัวนั้นเห็นว่าลูกไฟโจมตีคนคนนี้ไม่ได้จึงหยุดครุ่นคิดชั่วครู่พลางกระพือปีกเตรียมจะพุ่งเข้ามาจิกเขา เจียงอันเหอกระโดดหลบไม่ทัน หลังมือถูกจิกเข้าทีหนึ่ง เลือดสดๆ ไหลลงบนพื้น 

ตอนนี้เจียงอันเหอไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้ว เขากวัดแกว่งกระบี่เฉือนเนื้อนกเขียว เขาใช้กระบี่โจมตีส่วนหัวของนกเขียวไม่หยุด พลางระวังป้องกันลูกไฟจากปากของมันด้วยหัวใจที่แทบกระดอนออกมาจากอก หนึ่งคนหนึ่งนกตะลุมบอนกันพัลวัน หลายครั้งที่เจียงอันเหอเกือบจะโดนจิกเข้าที่ลูกตา แต่ก็หลบไปได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว แต่ก็อดคิดว่อกแว่กไม่ได้ว่ายังดีที่เป็นแค่เกม ถ้าเป็นโลกแห่งความจริง เขาคงไม่คล่องแคล่วขนาดนี้

พวกเขาไม่ได้สังเกต กระบี่เก่าโทรมเล่มนั้นมีเลือดสีแดงสดของเจียงอันเหอย้อมอยู่ มันกำลังทอแสงจางๆ

ทันใดนั้น ควันสีขาวลอยออกมาจากกระบี่ หนึ่งคนหนึ่งนกล้วนอึ้งกันไปหมด นกเขียวราวกับสัมผัสได้ถึงอันตราย จึงรีบพ่นลูกไฟออกมา ส่วนเจียงอันเหอ เนื่องจากระยะใกล้เกินไปจึงหลบไม่ทัน ดวงตาจ้องมองลูกไฟที่พุ่งตรงเข้ามา ทว่าแสงสีขาวนวลนั้นกลับสะท้อนลูกไฟกลับไป แผดเผานกเขียวจนกลายเป็นเหมือนนกย่าง

นกตัวนั้นร้องเสียงหลงออกมาสองสามที แต่ดูเหมือนมันไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ซ้ำยังคิดกระโจนเข้ามาโจมตีให้รู้เป็นรู้ตาย ตอนนี้เอง ควันสีขาวค่อยๆ รวมตัวขึ้น กลายเป็นชายสวมชุดคลุมสีขาวที่เจียงอันเหอเห็นในเนื้อเรื่องนั้น

ในมือของชายผู้นั้นกำกระบี่ที่ดูเรียบง่ายอยู่เล่มหนึ่ง ดูจากความกว้างและความยาวแล้วน่าจะเป็นเล่มที่อยู่ในมือของเจียงอันเหอ เขาล่องลอยอยู่กลางอากาศ ได้แต่ใช้กระบี่ในมือรำกระบวนท่ากระบี่ออกมากระบวนหนึ่ง นกขนโล้นตัวนั้นพอเห็นศัตรูคู่อาฆาตก็ร้องไม่หยุด หันตัวกลับแล้ววิ่งหนีไป

ปลายกระบี่ของชายคนนั้นเพิ่งเล็งไปที่เป้าหมาย เป้าหมายก็วิ่งหนีไปเสียแล้ว จากมุมมองของเจียงอันเหอ ราวกับสัมผัสได้ถึงความล่องลอยของกระบี่เล่มนั้น

ชายชุดขาวหยุดชะงักแล้วหันมามองเจียงอันเหอ เจียงอันเหอเคร่งเครียดอยู่ชั่วขณะ เกรงว่าเขาจะโจมตีตนเอง ทว่าหลังจากที่เขาเห็นใบหน้าของชายผู้นั้น ความหวาดกลัวก็หายไปทันที

รูปลักษณ์ของชายที่อยู่ในเนื้อเรื่องโดนบดบังไปด้วยความเจ็บปวดตอนโดนคำสาป นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงอันเหอเห็นเขาอย่างชัดเจน

ใบหน้าดุจเนื้อหยก ดวงตาดุจประกายดาว ท่วงท่าสง่างามราวเทพเซียนของเขานั้นยิ่งดูยิ่งดึงดูด ทำให้คนที่พบเห็นไม่อาจดูแคลน ในตอนที่ดวงตาคู่นั้นค่อยๆ หลุบลงมองตนเองนั้น เจียงอันเหอก็ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง

การโจมตีในจินตนาการยังมาไม่ถึง ชายผู้นั้นมองดูกระบี่ในมือเขาทีหนึ่ง ยิ้มเล็กน้อยให้เขา แล้วสลายเป็นควันเมฆไป หายลับไปในอากาศ

เจียงอันเหอเห็นฉากนี้ก็อ้าปากค้างเล็กน้อย คิดอย่างผิดหวัง ตัวเองยังไม่ทันได้ขอบคุณเลย และก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจออีกหรือไม่

อาจจะไม่รู้ นั่นอาจจะเป็นเพียงเงาก็ได้

เจียงอันเหอเสียใจอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้เปิดระบบขึ้นตรวจหาภารกิจอีกครั้ง ตอนนี้ภารกิจอัพเดตแล้ว ให้เขานำ ‘กระบี่ไม่ทราบชื่อ’ ที่ได้มาจากในถ้ำ ไปหา ‘ผู้รับช่วง’ ที่เมืองผิงหนาน

‘กระบี่ไม่ทราบชื่อ’ คงจะหมายถึงกระบี่ที่อยู่ในมือตัวเองเล่มนี้ล่ะมัง เมื่อครู่ตอนที่เจียงอันเหอยังไม่ทันสังเกต รอยฝุ่นและรอยแตกบนตัวกระบี่ก็อันตรธานหายไปแล้ว  ตอนนี้ยังเห็นรูปสลักลายพญาหงส์ตัวเล็กๆ ตรงโคนกระบี่ที่ติดกับด้ามจับได้

หลังจากที่เจียงอันเหอได้รับภารกิจ ระบบก็ยังไม่ถามขึ้นมาสักทีว่าจะกลับหมู่บ้านหรือไม่ เขาย้อนคิด คราวที่แล้วตอนที่วิหคซ่างฟู่ส่งเขากลับไปเป็นบริการที่ระบบจัดให้เป็นโบนัส จึงอดกังวลขึ้นไม่ได้ว่าขาสั้นๆ ของตัวเองแบบนี้จะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการเดินกลับไป

ปรากฏว่ารอจนเขาออกนอกถ้ำ ก็เห็นนกขนโล้นตัวนั้นยืนอยู่ด้านนอก กำลังทำท่าทางไซร้ขน แต่ร่างกายที่โล้นเตียนของมันทำให้มันดูตลก ข้างตัวมันมีป้ายไม้แผ่นหนึ่ง ด้านบนเขียนว่า ‘บริการกลับหมู่บ้าน ครั้งละหนึ่งตำลึง ขออภัยห้ามต่อราคา’

เจียงอันเหอ ...

ดูท่าพวกปิศาจนี่ก็ต้องหาพาร์ทไทม์เหมือนกันนะ มันหาค่าพาร์ทไทม์ไปซื้อน้ำยาเร่งขนงอกหรือ

เจียงอันเหอหยิบเหรียญตำลึงเหรียญหนึ่งออกมาจากแหวนสรรพสิ่ง นี่เป็นรางวัลที่ได้มาตอนทำภารกิจก่อนหน้าสำเร็จ เขานำเหรียญตำลึงไปเจรจากับนกขนโล้น หลังจากที่นกตัวนั้นกลืนเหรียญลงไปด้วยสีหน้ารังเกียจ จึงใช้ขาที่มีอยู่ขาเดียวของมันพาเจียงอันเหอบินกลับหมู่บ้าน

การบินคราวนี้ต่างจากคราวที่แล้วมาก อย่างน้อยคราวที่แล้วเขาก็ได้นั่งอยู่บนหลังวิหคซ่างฟู่ รอบนี้ได้แต่ถูกพากลับไปแบบหัวทิ่มพื้น ยังดีที่หนทางไม่ได้ไกลมาก หลังจากนั้นไม่กี่นาที เจียงอันเหอจึงบอกลานกขนโล้น ยืนผมชี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านชมจันทร์

หลังจากที่สอบถามจากชาวบ้านแล้ว เจียงอันเหอพบว่าตัวเองใกล้เมืองผิงหนานที่ท่านพี่หนิวเอ้อร์จะพาไปทุกที ส่วนวันที่หนิวเอ้อร์มาที่หมู่บ้านชมจันทร์ก็ต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ โดยมากสามวันมาทีหนึ่ง พรุ่งนี้หนิวเอ้อร์อาจจะมาอีกครั้งหนึ่ง เจียงอันเหอคำนวณระยะเวลาในเกมกับโลกแห่งความเป็นจริง เสียดายที่นักเรียนสายศิลป์มักจะมีปัญหากับการคำนวณตัวเลข คำนวณอยู่เป็นนานก็ยังคำนวณออกมาไม่ได้สักที จึงได้แต่หวังว่าออนไลน์รอบหน้าคงได้เจอกับหนิวเอ้อร์

คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ได้แต่ออฟไลน์ไปเข้านอน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel