บทที่ 2 ไอ้เด็กมะลิตัวปัญหา [2]
“เตรียมคำตอบไว้ให้ดี ๆ แล้วกัน พรุ่งนี้มึงคงเลี่ยงที่จะตอบคำถามพ่อไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องที่ไปกัดคอเด็กคนนี้เข้า จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ท่านคงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไป เพราะมันคงไม่ใช่แค่การฮีทธรรมดา”
“หมายความว่าไงอะเฮีย เล่าสู่กันฟังบ้างดิ” ไตรภูมิหันไปมองพี่ชายคนโตเพราะยังไม่เข้าใจความนัยที่พี่ชายต้องการสื่อ แต่ตรีภพกลับปิดปากเงียบ สายตาประสานกับน้องชายคนรองด้วยแววตารู้ทัน
ไตรวิชญ์สบถในลำคอเสียงต่ำพลางส่ายหน้าเครียด ตรีภพเป็นพวกฉลาดมีไหวพริบ แค่ส่อพิรุธหน่อยเดียวก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว มันคงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเช่นเดียวกับลักษณ์
พวกมันสองคนรู้ดีว่าต่อให้กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าฮีทจะรุนแรงแค่ไหนก็ทำให้อัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์อย่างเขาขาดสติไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นกลิ่นของคู่แห่งโชคชะตา สัญชาตญาณทั้งหมดของเขาจะถูกปิดกั้นไม่อาจควบคุมตัวเองได้อย่างสิ้นเชิง
เมื่อก่อนเขาก็เชื่อเรื่องไร้สาระพรรค์นี้ไม่ลง กระทั่งมาเกิดเรื่องขึ้นเองกับตัวถึงได้รู้ว่ามันไม่ง่ายที่จะฝืนสัญชาตญาณ บางอย่างในตัวเขาเรียกร้องหามัน ถึงไม่ต้องการ ถึงไม่อยากเข้าใกล้ แต่ร่างกายไม่ยอมทำตามคำสั่ง เลยเผลอหน้ามืดปลดปล่อยสัตว์ร้ายมาเล่นงานมัน
“ขอบใจที่ช่วยเตือน กูจะหาคำตอบดี ๆ ไว้ไม่ให้พ่อโกรธแม่เป็นลมแล้วกัน” ไตรวิชญ์พูดจบก็เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสาม ไม่ได้หันไปมองหน้าพี่ชายน้องชายที่พร้อมใจกันมานั่งรอจับผิดเขาอีก
พอขึ้นมาถึงหน้าห้องไตรวิชญ์ก็หยุดยืนนิ่งแล้วก้มลงมองใบหน้าของนิมมาน ครุ่นคิดว่าจะให้เด็กนี่อยู่ในห้องเดียวกับเขาหรือว่าพาไปนอนห้องอื่นที่ว่างอยู่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้าห้องตัวเองไป อุ้มพา
ร่างเพรียวบางไปนอนบนเตียงขนาดพิเศษที่สั่งทำขึ้นเฉพาะ ก่อนจะดึงเสื้อคลุมออกโยนทิ้งลงพื้น ดวงตาสีน้ำตาลอมแดงเข้มขึ้นจนเกือบเป็นสีเลือด หัวใจสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงเร็วขึ้น เมื่อเห็นเรือนร่างบอบบางขาวเนียนเต็มไปด้วยร่องรอยรักที่เขาฝากไว้
ชายหนุ่มหันหน้าหนีภาพเย้ายวนใจตรงหน้าก่อนที่จะควบคุมสัญชาตญาณดิบในกายไม่ได้ มันช่างปลุกเร้าและเชิญชวนให้ขย้ำจนแทบยับยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ใบหน้าหล่อเหลาติดจะเถื่อนดุดันขึ้น ฟันคมกัด
ริมฝีปากล่างไว้ระงับความกระหายหิวที่มีต่อเจ้าลูกแกะตัวขาวอวบอ้วนที่อยู่ใกล้มือ แค่เอื้อมมือไปกระชากตัวมาแล้วจัดการฉีกกระชากร่างกลืนกินลงท้องก็ได้แล้ว แต่กลับทำไม่ได้
เขาไม่ต้องการเป็นอัลฟ่าหน้าโง่ที่ติดกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าที่ปล่อยมายั่วยวนจนลุ่มหลงโงหัวไม่ขึ้น
ครั้งแรกขืนใจมันก็เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ครั้งที่สองเขาจะไม่ยอมให้อารมณ์อยู่เหนือสติ จะไม่ยอมให้ไอ้เด็กนี่อยู่เหนือการควบคุมของเขา
“เวรเอ๊ย!”
ไตรวิชญ์สบถดังลั่นใช้มือเสยผมลวก ๆ หันหน้ากลับมามองนิมมานอีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินกระแทกเท้าปึงปังเข้าไปในห้องน้ำ ตอนนี้เขาต้องใช้น้ำเย็นราดหัวให้หายร้อนก่อนที่จะสติแตกคลุ้มคลั่งกระโจนเข้าไปขย้ำตัวมันอีกครั้ง
แค่ครั้งเดียวไม่พอจริง ๆ กลิ่นหอมเย็นของมันที่ลอยฟุ้งอบอวลไปทั่วห้องทำให้เขาทรมาน ร่างกายปวดร้าวไปทุกสัดส่วน แม้แต่หัวใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ กระแทกอกซ้ายจนเจ็บไปหมด
ร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นตึงเดินไปยืนอยู่หน้ากระจก ภาพสะท้อนของผู้ชายตรงหน้าทำให้เขาชะงักนิ่ง แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาลึกล้ำเหมือนคบไฟที่ค่อย ๆ ปะทุแรงขึ้น สว่างโชติช่วงทั้งสวยงามและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน เป็นดวงตาของนักล่าที่กำลังหิวจัดแทบคลั่ง ทั้งที่มันไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะควบคุมตัวเองไม่อยู่
ไตรวิชญ์เดินตัวเปียกออกจากห้องน้ำ หยดน้ำเกาะพราวบน
ซิกซ์แพ็กเป็นลอนสวย กางเกงยีนหนักขึ้นจนรั้งต่ำเห็นกล้ามท้องช่วงเอวเป็นร่องลงมาเหมือนรูปตัววี ไรขนสีน้ำตาลอ่อนเซ็กซี่ผลุบหายไปในขอบกางเกง ถ้ามีสาวคนไหนได้มาเห็นภาพนี้เข้าต้องทำน้ำลายหกมองตาเยิ้มด้วยความอยากกินแน่ แต่ดูเหมือนเจ้าของร่างกายสุดเพอร์เฟกต์จะไม่ใส่ใจกับสภาพตัวเอง เพราะในห้องนี้ไม่มีใครอื่นอีกนอกจากเขากับไอ้คนที่หลับสนิทอยู่
เขาถอนหายใจทิ้งด้วยความปวดหัว ก่อนจะตรงเข้าไปอุ้มร่างของนิมมานพาเข้าห้องน้ำไปด้วยกัน อย่างน้อยก็จัดการล้างเนื้อล้างตัวล้วงเอาน้ำเชื้อที่เขาปล่อยทิ้งไว้ออก ตื่นมาจะได้ไม่ร้องไห้งอแงงี่เง่าให้รำคาญหู เขากลัวจะเผลอหงุดหงิดจับมาโยนออกนอกหน้าต่าง
“ตัวหอมฉิบ! ผิวก็นุ่มด้วย มึงเป็นผู้ชายแน่เหรอวะ ไอ้ตัวปัญหาเอ๊ย!”
กรามแกร่งขบแน่นจนเห็นเป็นสันนูน ดวงตาคมกริบหรี่มองใบหน้าแดงระเรื่อน่ารักน่าเอ็นดู แต่ตอนนี้กลับโคตรรู้สึกชิงชังมันนัก เพราะแค่เห็นหน้าสวย ๆ ของมันลูกชายเขาก็ตื่น ตุงคับเป้าไปหมด
“กูปล้ำมึงอีกรอบดีไหม ขยันยั่วกูนัก”
เขาลากตัวมันไปทิ้งไว้ในอ่างเปิดน้ำอุ่น ส่วนตัวเองก็ใช้สะโพกนั่งพิงขอบอ่างปลายเท้าไขว้กัน กอดอกปรายตามองเสี้ยวหน้าหวานละมุนด้านข้าง ขนตางอนยาว เส้นผมเปียกชุ่มปรกหน้าผากทำให้หน้ามันเด็กลงไปอีกจนเขานึกว่าเพิ่งไปพรากผู้เยาว์มา
มือหนาเอื้อมไปปิดน้ำ จัดการถอดกางเกงหนักอึ้งออก แล้วพาร่างสูงใหญ่ลงไปนั่งอยู่อีกฝั่งของอ่างอาบน้ำขนาดพิเศษ ดวงตาคมดุหรี่มองใบหน้าอ่อนเยาว์ของอีกฝ่ายพักหนึ่งก็เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้จนคร่อมอยู่เหนือร่างบาง สายตาร้อนแรงเผยความอารมณ์ใคร่เต็มไปด้วยตัณหาราคะ แต่ก็พยายามสะกดไว้สุดฤทธิ์ อุ้งมือใหญ่พุ่งไปบีบปลายคางเรียวจนเสียงหวานหลุดร้องครางด้วยความเจ็บ พอเหยื่อเปิดปากกระทิงคลั่งก็กดจูบลงไปหนักหน่วงกลืนกินความหวานอย่างขาดสติราวกับถูกมอมเมา
ตุบ ๆ ๆ
แผ่นอกถูกกำปั้นเล็กรัวทุบอย่างอึดอัดทรมาน ไตรวิชญ์สบถเสียงต่ำคว้าข้อมือทั้งสองข้างมารวบไว้เหนือศีรษะของอีกฝ่าย ริมฝีปากบดเบียดขยี้เรียวปากอิ่มรุนแรงขึ้น ร่างกายโถมทับใช้มือข้างเดียวกอดรัดร่างนุ่มนิ่มไว้แนบแน่นไม่ต่างจากงูรัดเหยื่อจนกระดูกแทบหัก กลิ่นหอมหวนเย้ายวนฟุ้งกระจายไปในอากาศผสมผสานกับกลิ่นหอมสดชื่นของไอแดดที่พาให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย
แรงขัดขืนต่อต้านเบาลงทุกขณะเมื่อคนตัวเล็กรู้สึกถึงความคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดกับเจ้าของอ้อมกอดนี้ แม้จะยังไม่ได้ลืมตามองว่าเป็นใครและยังคงหลงเหลือความกลัวอยู่บ้าง แต่ความสบายใจที่โอบล้อมอยู่รอบตัวกลับทำให้ร่างกายผ่อนคลายลง คล้อยตามการชักนำของอีกฝ่ายไปอย่างที่หัวใจเรียกร้อง
อยากถูกสัมผัส อยากอยู่ในอ้อมกอดแสนอบอุ่นนี้ไปอีกนาน ๆ
น้ำในอ่างกระเพื่อมกระฉอกออกมาสาดบนพื้นตามการเคลื่อนไหวรุนแรงดุดันของร่างสูงใหญ่ เสียงครวญครางแว่วหวานดังสะท้อนไปทั่วห้องราวกับทำนองเพลงคลาสสิกนุ่มหู แต่กลับยิ่งปลุกเร้าเร่งจังหวะการเต้นของหัวใจให้ระรัวขึ้น ไตรวิชญ์ก่นด่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะกลิ่นหอมของไอ้เด็กนี่ที่มอมเมาเขาจนหลงมัวเมา
คนไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นสาเหตุให้คนตัวสูงหงุดหงิดงุ่นง่านใจกลับปรือตาขึ้นมองยั่ว ๆ ดวงตาดำขลับพร่ามัวหยาดเยิ้มมองใบหน้าน่ากลัวของผู้ชายที่อยู่เหนือร่างเขาด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มคล้ายกับล่องลอยอยู่ในความฝันหวาน มุมปากพลันยกยิ้มน่ารักน่าเอ็นดูส่งให้ซ้ำอีก ทำให้ไตรวิชญ์ชะงักค้าง เปลวไฟลุกพรึบในดวงตาคม เส้นความอดทนทั้งหมดขาดสะบั้น ปล่อยให้สัญชาตญาณควบคุมร่างกายและจิตใจอย่างสมบูรณ์
พรุ่งนี้เช้าสภาพมันได้พังยับเยินบอบช้ำไปทั้งตัวแน่ เพราะเขาจะไม่ออมแรงอีกต่อไปแล้ว!
“เสือกหาเรื่องเองนี่เอง มึงก็โทษตัวเองไปแล้วกัน ไอ้เด็กมะลิตัวปัญหา”
เพราะกลิ่นหอมเย็นเหมือนดอกมะลิของมันทำให้เขาหลงใหลรุ่มร้อนไปทั้งตัว เขาถึงทำตัวเป็นกระทิงเปลี่ยวคลุ้มคลั่งไล่ขวิดมันเหมือนเป็นบ้า แล้วมันรู้อะไรไหมว่ากระทิงมันทั้งอึดทั้งทน เวลาไล่ต้อนใครก็วิ่งไล่จนกว่าจะหมดแรงล้มลงไปข้าง และยิ่งเมื่อคนคนนั้นเป็นเขาคิดว่าแค่รอบสองรอบจะเพียงพอ
“ถ้าไม่หมดแรงตายกันไปข้างก็อย่าหวังว่ากูจะหยุด จำใส่หัวสมองมึงไว้ว่าอย่ายั่วให้กูของขึ้นอีก ไม่งั้นมึงจะเดือดร้อนเหมือนอย่างวันนี้ ไอ้นิม”