อัลฟ่าเถื่อน [Omegaverse]

245.0K · จบแล้ว
เหมียวจอมซน
150
บท
14.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“กูได้กลิ่นตัวเมียจากมึง!” ไตรวิชญ์ที่ผลักร่างของชายแปลกหน้าคนหนึ่งติดผนังตึกอยู่เปรยขึ้นเสียงเข้ม มือหนาบีบปลายคางอีกฝ่ายไว้จับจ้องด้วยสายตาดุดันแข็งกร้าว กลิ่นกายของมันยั่วยวนหอมหวานจนอยากลิ้มลอง สัญชาตญาณดิบสั่งให้กระโจนเข้าขย้ำมันโดยไม่สนใจสถานที่ และความกระหายอยากก็เอาชนะทุกสิ่ง ไม่มีโอกาสได้ขัดขืน ร้องขอ หรือดิ้นหนี เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน! นิมมานไม่คาดคิดว่าการเข้ากรุงเทพฯ ครั้งนี้จะกลายเป็นนำภัยร้ายมาสู่ตัว เสื้อผ้าขาดวิ่นเหลือเพียงเศษซากกระจายเต็มพื้น เนื้อตัวแดงจ้ำมีแต่ร่องรอยที่อีกฝ่ายฝากรักไว้ ไม่อาจต่อต้านสัญชาตญาณของตัวเองได้ เมื่อพลังอำนาจของผู้นำกดข่มโอเมก้าตัวเล็กๆ อย่างเขาให้ยินยอมทำตามโดยไร้เงื่อนไข ยิ่งในส่วนลึกสุดของจิตวิญญาณร้องตะโกนว่าอีกฝ่ายคือคู่แท้ของเขา คู่แห่งโชคชะตาที่มีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ถึงจะได้พบพาน แต่กลับต้องมาเจอกันในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด แม้ใจอยากจะหลบหนีสุดชีวิต ทว่าร่างกายกลับโหยหาปั่นป่วนรุนแรงลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงพริบตาเดียวก็ถูกช่วงชิงทุกอย่างไปไม่มีเหลือ แม้แต่อิสรภาพที่หวงแหนเฝ้าปกป้องมาตลอดสิบเก้าปีก็ถูกชิงไป! ราวกับสัตว์ป่าดุร้ายที่สูญเสียการควบคุม ไตรวิชญ์กัดกระชากปลอกคออีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงตาแดงก่ำจ้องเขม็งมันด้วยสายตาน่ากลัว กรามแกร่งขบแน่นจนเห็นเป็นสันนูน ลมหายใจหอบหนักถี่กระชั้นขึ้น พอๆ กับความร้อนพลุ่งพล่านในร่าง กัดทึ้งปลอกคอให้ขาดออกจากกันไม่ลดละ เมื่อปราการป้องกันหลุดร่วงไป หลังคอขาวเนียนส่งกลิ่นหอมกระตุ้นกำหนัดก็ถูกจู่โจมอย่างไม่มีปรานี กึก! ความเจ็บที่หลั่งไหลเข้ามาทำให้นิมมานน้ำตาไหลพราก สติคล้ายจะหลุดลอยไปที่ไหนสักแห่งไม่ทราบได้ เพราะหลังจากนั้นภาพเบื้องหน้าก็ตัดเป็นสีดำ มืดมิด เหมือนร่างกายจมดิ่งสู่ใต้มหาสมุทรอันหนาวเหน็บ พร้อมรอยตีตราที่ไม่มีวันจางหายไปชั่วนิจนิรันดร์

นิยายYaoiพระเอกเก่งเลือดร้อน18+นักศึกษาผู้ชายอบอุ่นฟินๆโรงแรม/มหาลัยเศรษฐี

บทนำ [1]

ประชากรโลกทั้งหมดกว่าเจ็ดพันล้านคน นอกจากจะมี

เพศหลักชายหญิงแล้ว ยังมีเพศรองที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สถานะทางสังคมว่าจะได้อยู่บนจุดสูงสุดของยอดพีระมิด หรือจุดต่ำสุดของฐานล่าง โดยแบ่งแยกเพศสภาพรองออกเป็นสามชนชั้นได้แก่ อัลฟ่า เบต้า และโอเมก้า โดยมีสัดส่วน 20:70:10 ตามลำดับ

Alpha (α) อัลฟ่า คือ ชนชั้นสูงสุด มีความเป็นผู้นำสูง มักจะมีรูปร่างสูงใหญ่ มีพละกำลังมาก สติปัญญาเป็นเลิศ เก่งกาจในทุก ๆ ด้าน ศักยภาพเหนือกว่าชนชั้นอื่น ในบางครั้งอัลฟ่าจะใช้กลิ่นเฉพาะตัวกดดันผู้อื่นให้หวาดกลัวและยินยอมทำตามคำสั่ง ยิ่งเป็นสายเลือดบริสุทธิ์จะยิ่งมีพลังมากกว่าสายเลือดผสม อัลฟ่าชายสามารถทำให้โอเมก้าท้องได้ ส่วนอัลฟ่าหญิงมีอวัยวะทั้งเพศชายและเพศหญิงอยู่ในตัว สามารถท้องได้ แต่ถ้าจับคู่อัลฟ่ากับอัลฟ่าจะท้องยากมาก มีโอกาสต่ำกว่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์

Beta (β) เบต้า คือ บุคคลธรรมดา ไม่มีลักษณะโดดเด่น เป็นเพียงผู้ชายและผู้หญิงทั่วไป มักเป็นลูกน้องใช้แรงงานมากกว่าใช้สมอง

โดยเบต้าชายสามารถรับรู้กลิ่นของโอเมก้าได้ และอาจมีปฏิกิริยาเล็กน้อยต่อฟีโรโมนตอนโอเมก้าฮีท แต่ไม่ส่งผลรุนแรงเท่ากับอัลฟ่า เบต้าหญิงท้องได้กับทุกชนชั้น

Omega (Ω) โอเมก้า คือ ชนชั้นล่างสุด ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม แต่ในปัจจุบันไม่ได้ถูกเหยียบย่ำเท่าในอดีต โอเมก้าชายสามารถท้องได้เหมือนโอเมก้าหญิง โดยปกติจะมีรูปร่างบาง ตัวเล็ก แรงน้อย มักเชื่อว่าโอเมก้าเป็นพวกไม่ค่อยฉลาด มีดีแค่ร่างกายที่ปล่อยกลิ่นฟีโรโมนล่อลวงเหล่าอัลฟ่าให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งแย่งชิงกันเอง ถูกใช้เป็นเครื่องมือผลิตทายาทเพราะอัลฟ่าหญิงมีบุตรยากมาก

Heat ฮีท คือ อาการที่โอเมก้าเข้าสู่ช่วงสืบพันธุ์ มีความต้องการทางเพศสูง จะปล่อยฟีโรโมนกระตุ้นอัลฟ่าให้อยากมีเพศสัมพันธ์ด้วย ในหนึ่งเดือนจะเกิดอาการฮีท 3-7 วัน มีน้ำหล่อลื่นหลั่งออกมาเป็นจำนวนมากทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์สูง เป็นช่วงที่โอเมก้าอ่อนแอที่สุด ไม่มีสติปกป้องตัวเองจึงมักซ่อนตัวอยู่ในห้องให้ปลอดภัยจากการถูกบังคับขืนใจโดยอัลฟ่า

ปัจจุบันมียาระงับฮีททั้งแบบเม็ดและแบบฉีด ยิ่งราคาแพงยิ่งประสิทธิภาพดี ส่วนที่ราคาถูกหาซื้อได้ตามท้องตลาดจะมีประสิทธิภาพต่ำลงมา หากใช้เป็นเวลานานจะเกิดอาการดื้อยาได้ ยังมียาคุมกำเนิดสำหรับโอเมก้าที่ยังไม่พร้อมมีบุตรด้วย

Rut รัท คือ อาการติดสัดของอัลฟ่าที่ตอบสนองต่อโอเมก้าฮีท

อย่างรุนแรงจนถูกสัญชาตญาณดิบครอบงำ จะโหยหาแต่การมีเซ็กซ์จนขาดสติ ก้าวร้าว และไร้เหตุผล ในบางครั้งจึงเกิดการต่อสู้ระหว่างอัลฟ่าด้วยกันเองเพื่อแย่งชิงโอเมก้า

ปัจจุบันมียาระงับอาการรัททั้งแบบเม็ดและแบบฉีด โดยแบบฉีดระงับฉุกเฉินจะมีผลทันทีและอยู่ได้แค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น

Knot น็อต คือ การที่ส่วนโคนของอวัยวะเพศชายของอัลฟ่า

ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำขยายใหญ่เพราะมีเลือดคั่งจนล็อกติดกับ

ช่องคลอดหรือทวารหนักของคู่นอน โดยจะปล่อยน้ำเชื้อเป็นระยะ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงแล้วจะยุบลงไปเอง ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ของเหล่า

โอเมก้า น็อตจะเกิดขึ้นตอนช่วงที่โอเมก้าฮีท บางครั้งอาจเกิดขึ้นนอกฮีทในตอนที่ทั้งคู่มีอารมณ์ร่วมรักมาก ๆ หรือเจอคู่ที่สมน้ำสมเนื้อ

Bond การสร้างพันธะ คือ การที่อัลฟ่ากัดหลังคอของโอเมก้าเพื่อตีตราในช่วงที่โอเมก้าถึงจุดสุดยอด เมื่อโอเมก้าถูกกัดคอจะไม่สามารถไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอัลฟ่าอื่นได้ หากฝืนทำร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้านรุนแรง

รอยพันธะจะไม่มีวันหายไปตลอดชีวิตจนกว่าคู่จะตายลงส่วนอัลฟ่ายังสามารถไปมีอะไรกับโอเมก้าคนอื่นได้ และผูกพันธะได้มากกว่าหนึ่งคน

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการผูกพันธะโดยไม่ตั้งใจจึงมี ปลอกคอ ซึ่งทำขึ้นเป็นพิเศษไม่ให้เหล่าอัลฟ่ากัดคอโอเมก้าได้ ปัจจุบันมีหลายแบบให้เลือกซื้อ ทั้งแบบล็อกรหัสหรือสแกนนิ้วมือ ยิ่งมีราคาแพงก็ยิ่งเหนียวแน่นทนทานกัดไม่ขาดง่าย ๆ

คู่แห่งโชคชะตา คือ คู่อัลฟ่าโอเมก้าที่มีลักษณะฮอร์โมนตรงกัน ถูกกำหนดให้เกิดมาเป็นของกันและกันโดยไร้เงื่อนไข จะมีปฏิกิริยาต่อกลิ่นของอีกฝ่ายอย่างรุนแรงจนยาระงับฮีทกับยาระงับรัทไร้ผล ซึ่งจะพานพบได้แค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น และไม่ใช่ว่าจะเกิดกับทุกคนที่ได้พบคู่แท้ของตัวเอง

*ข้อมูลเพิ่มเติมเฉพาะในเรื่อง

โอเมก้าที่ตั้งครรภ์จะมี ฮอร์โมนพิเศษ ที่ทำให้ร่างกายปล่อยกลิ่นหอมที่ต่างจากกลิ่นฟีโรโมนช่วงฮีท ทำให้อัลฟ่ารู้ได้ทันทีที่ว่าโอเมก้าคนนั้นกำลังตั้งครรภ์อยู่ ฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้เหล่าคุณแม่มีความต้องการทางเพศสูงขึ้นในช่วงสามเดือนแรกที่ตั้งครรภ์ หลังจากนั้นอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ลดลง ต่างจากอาการฮีทตรงที่สามารถควบคุมตัวเองได้และมีสติครบถ้วน

แม้ปัจจุบันเพศสภาพรองจะไม่มีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันเทียบเท่าในอดีต ที่โอเมก้ามักถูกข่มเหงรังแกเยี่ยงทาส เป็นที่เหยียบย่ำของสังคม แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับในการเข้าทำงานของบริษัทหลาย ๆ แห่งเพราะกลัวโอเมก้าจะเกิดอาการฮีทแล้วสร้างความวุ่นวายจนทั้งอัลฟ่าทั้งเบต้าไม่เป็นอันทำงาน หรือแม้แต่การเข้ารับการศึกษาในมหาวิทยาลัยก็เป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับโอเมก้าเช่นกัน

‘นิมมาน’ เดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อมาเรียนต่อมหา’ ลัยที่ตัวเองได้รับทุนการศึกษา หลังจากลงสนามสอบแย่งชิงทุนกับนักเรียนคนอื่นสุดชีวิต แล้วก็เอาชนะมาได้ด้วยคะแนนสูงสุด ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์เก่า ๆ ใกล้กับที่เรียน ถึงห้องจะดูทรุดโทรมไปบ้าง เส้นทางกลับตอนกลางคืนก็ดูเปลี่ยวจนไม่น่าเดินผ่าน แต่เพราะราคาถูกเลยจำใจต้องอยู่

ห้าโมงเย็นเด็กหนุ่มเดินออกมาซื้อผักกับเนื้อสัตว์ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อนำไปประกอบอาหารมื้อเย็น ช่วงนี้ต้องอยู่อย่างประหยัดมัธยัสถ์ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น เพราะค่ายาระงับฮีทในแต่ละเดือนกินเงินค่าขนมหายไปจนเกือบหมด ส่วนที่เหลือก็เป็นค่ารถกับค่าที่พัก แทบไม่พอเหลือสำหรับค่าข้าวด้วยซ้ำ

เห็นทีคงต้องเริ่มหางานพิเศษทำแล้วสิ เงินสำรองที่เก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินคงพอตุนอาหารได้อีกแค่หนึ่งสัปดาห์

จะมีที่ไหนรับโอเมก้าอย่างเขาเข้าทำงานไหมนะ

คิดแล้วกลุ้ม เกิดเป็นโอเมก้านี่โคตรลำบากเลย

ตระกูลหิรัญรชต ถือเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเขตภาคกลาง โดยผู้นำตระกูลคนปัจจุบันคือ ไตรวุฒิ อัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์ พ่อของไตรวิชญ์ ซึ่งอีกไม่นานชายหนุ่มจะได้รับสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลต่อจากบิดา แม้เขาจะเป็นบุตรชายคนที่สองก็ตามที แต่เพราะพี่ชายคนโตสละสิทธิ์ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัว ภาระหน้าที่ทั้งหมดจึงถูกโยนมาให้เขาโครมใหญ่ อยากจะปฏิเสธก็ทำไม่ได้เลยต้อง

จำใจรับมา

กิจการครอบครัวเขาทำแค่ธุรกิจสีเทาหม่น ๆ เท่านั้น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด การค้ามนุษย์ และค้าขายอาวุธเถื่อน แต่มีบ่อนการพนันผิดกฎหมายและเปิดซ่องให้เหล่าอัลฟ่าชั้นสูงเข้าใช้บริการอย่างลับ ๆ ยังมีการเรียกเก็บค่าคุ้มครอง เพราะนอกเหนือจากเขตภาคกลางก็ยังมีคนจากอีกสี่เขตที่จ้องจะช่วงชิงพื้นที่แถบนี้ไป

เพราะเขตนี้เจริญรุ่งเรืองที่สุด ทั้งด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และยานยนต์ ผลผลิตของเขตกลางให้ผลกำไรได้ดีมากกว่าเขตอื่น ทำรายได้มากมายมหาศาลต่อเดือนจนเป็นที่อิจฉาริษยาของเขตอื่น พวกมันจึงส่งคนมาก่อกวนหมายจะเล่นงานตระกูลเขา

อย่างเช่นเหตุการณ์ในวันนี้ที่มีคนลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาส่งมอบกันอย่างลับ ๆ ในเขตเขา แล้วจัดฉากให้พวกตำรวจผ่านมาเจอเข้าพอดิบพอดี เพื่อใส่ร้ายป้ายสีโยนความผิดให้ตระกูลหิรัญรชตรับผิดชอบ เพราะไม่สามารถดูแลพื้นที่ที่ตัวเองปกครองได้ เมื่อถูกถอดชื่อออกจากการถือสิทธิ์ครอบครองเขตแดน อีกสองตระกูลที่เหลือจะเข้ามามีบทบาททันที ซึ่ง

ไตรวิชญ์จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำให้ตระกูลของเขาต้องแปดเปื้อนเด็ดขาด

“รนหาที่ตาย บอกมาว่าใครเป็นคนส่งพวกมึงเข้ามาซ่าในเขตกู!”

เสียงตะคอกทรงพลังของไตรวิชญ์ทำให้พวกคนที่ถูกซ้อมจนมีสภาพสะบักสะบอมพลันสะดุ้งตัวโหยงขึ้นพร้อมกัน

ใครจะคิดว่าไตรวิชญ์จะแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ ทั้งที่บุกมาจับกุมพวกเขาแค่คนเดียวยังซัดพวกเขาเกือบยี่สิบคนซะหมอบราบคาบ สภาพปางตายไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้อีก กลิ่นอายอำมหิตเลือดเย็นแผ่กระจายโอบล้อมพวกเขาไว้ แรงกดดันมหาศาลที่ส่งตรงมาให้ความรู้สึกเหมือนถูกแผ่นหินใหญ่ยักษ์กดทับร่างจนหายใจไม่ออก

นี่หรือคือพลังของผู้นำ ผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร!

ช่างน่ากลัวเหลือเกิน เกิดมาไม่เคยเจอคนที่มีสีหน้าท่าทางดุร้ายดำทะมึนเหมือนมีเงามัจจุราชมาซ้อนทับ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความตายที่ยากจะหยั่งถึง แค่เพียงยืนอยู่ต่อหน้าสองขาก็สั่นระริกทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นอย่างสิ้นท่า

สายตาดุกร้าวแกมสมเพชแบบนั้น ดูก็รู้ว่ากำลังสนุกกับการได้ทรมานเหยื่อ!

พลั่ก!

“อ๊ากกก!!”

“เป็นเสียงร้องที่ดีนี่! ถ้าพวกมึงยังปิดปากเงียบอยู่อีก บางทีกูอาจต้องตัดชิ้นส่วนบนร่างกายพวกมึงออกสักชิ้นสองชิ้น หรือไม่ก็ตัดขาแขนออก แล้วปล่อยให้พวกมึงเลือดหมดตัวตายอยู่ตรงนี้ ส่วนยาเสพติดพวกนี้ที่คิดจะให้ร้ายตระกูลกู กูคิดว่าคงหาที่มาของมันได้ไม่ยากว่ามาจากใคร เอาเป็นว่าพวกมึงไม่มีประโยชน์อะไรกับกูแล้ว สมควรที่จะต้องหายไปสักที”

ไตรวิชญ์ไม่เคยนำเรื่องความเป็นความตายมาล้อเล่น จริงอยู่ที่เขาไม่ชอบฆ่าใครเพราะไม่อยากให้มือตัวเองต้องแปดเปื้อนเลือด แต่กับคนที่คิดจะมาทำลายครอบครัวเขา เขาจะไม่ละเว้นชีวิตมัน

ชายหนุ่มหักนิ้วดังกร๊อบ ดวงตาสีน้ำตาลแดงวาววับดุจคมมีดที่ตัดเฉือนได้ทุกสิ่ง เพียงแค่ตวัดมองก็ราวกับถูกเคียวปีศาจมาพาดอยู่ตรงคอ ทำเอาพวกมันหนาวเยือกไปถึงกระดูกรีบลนลานถอยหนีพลางร้องขอชีวิตทั้งน้ำตา แต่เมื่อไตรวิชญ์ตัดสินใจไปแล้วจะไม่ยอมเปลี่ยนใจเด็ดขาด

ศัตรูอย่างพวกมันไม่สมควรได้รับความปรานี!

สนับมือถูกสวมเข้าที่นิ้วมือทั้งสองข้าง ไตรวิชญ์ก้าวตรงเข้าไปจัดการเพียงลำพัง โดยไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากลูกน้องเลยสักคน และพวกลูกน้องก็รู้จักนิสัยเจ้านายเป็นอย่างดีว่าถ้าไม่เรียกก็อย่าเสนอหน้าเข้ามาสอด เพราะไม่แน่ว่าคนที่จะถูกสั่งสอนเป็นรายต่อไปอาจเป็นพวกเขาซะเอง

เสียงโหยหวนยังไม่ทันได้หลุดออกจากปาก ใบหน้าก็ยุบหายไปครึ่งซีกจนผิดรูป หยดเลือดกระเซ็นเปรอะเปื้อนกำแพง แลเห็นเงาปีศาจร้ายจากขุมนรกบดขยี้พวกสวะอย่างเลือดเย็น พอจัดการธุระเสร็จไตรวิชญ์ก็เดินออกมาจากตรอกมืดพร้อมกับหลังมือที่อาบชุ่มเลือด เขาถอดสนับมือส่งคืนผู้ติดตามพลางรับผ้าสีขาวมาเช็ดคราบเลือดออกจนสะอาดหมดจด

“จัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อยด้วย แล้วรีบส่งคนไปควานหาตัวคนที่บงการพวกมันมา ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จะต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างสะสม! โดยเฉพาะพวกสวะที่ขอแค่ให้เงินมากหน่อยก็รีบกระดิกหางแปรพักตร์ ลากตัวพวกมันมาให้ฉัน ฉันจะสั่งสอนพวกมันเอง”

นี่คือโลกในปัจจุบันของพวกเขา แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปแต่ขนบธรรมเนียมเดิมยังคงอยู่

อัลฟ่าคือผู้นำสูงสุด ผู้ที่ควบคุมครอบครองทุกอย่างได้ด้วยพลังจากสายเลือดบริสุทธิ์อันแข็งแกร่งของพวกเขา แต่เพราะอัลฟ่าไม่ได้มีอยู่แค่คนสองคนจึงเกิดการแย่งชิงอำนาจขึ้น เพื่อที่จะเป็นจ่าฝูงอยู่เหนืออัลฟ่า

ทั้งปวง

ตระกูลเขาที่มีสิทธิ์ได้ครองตำแหน่งจ่าฝูงมากกว่าใครจึงถูกเพ่งเล็งและตกเป็นเป้าให้ตระกูลอื่นคิดล้มล้าง ทันทีที่ตระกูลเขาล่มสลายลง

อีกสองตระกูลก็จะเข้ามาแย่งสิทธิ์การเป็นจ่าฝูง รวมถึงครอบครองพื้นที่ในเขตปกครองของพวกเขาด้วย

“จะตรงกลับบ้านเลยไหมครับ”

“กลับสิ เหม็นกลิ่นสาบเน่า ๆ ของพวกมันจะตายห่าแล้ว”

บนเสื้อยืดสีน้ำตาลมีคราบเลือดติดอยู่จำนวนมาก ไตรวิชญ์ขมวดคิ้วก้มมองสภาพตัวเองด้วยสายตาหงุดหงิด ถึงเขาจะไม่สนใจว่าใครจะมองยังไงและคิดอย่างไรกับสไตล์การแต่งตัวของเขา แต่เขาก็เป็นพวกรักสะอาด เกลียดสุดก็เวลาที่มีกลิ่นอื่นติดอยู่บนตัว

ลักษณ์มองคุณชายรองของตระกูลหิรัญรชตด้วยสายตาเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ในแววตายังคงมีความเคารพห่วงใยในฐานะลูกน้อง ชายหนุ่มติดตามรับใช้ไตรวุฒิมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ก่อนจะถูกส่งต่อให้มาคอยดูแลรับใช้คุณชายรองแทน ปีนี้เขาอายุได้สามสิบหกปีแล้ว ถึงวัยที่ควรมีครอบครัวมีผู้หญิงสักคนมาเป็นภรรยา

เพียงแต่เขาเลือกครองตัวเป็นโสดเพื่อที่จะได้ใช้ทั้งชีวิตตอบแทนบุญคุณของท่านไตรวุฒิ ซึ่งเคยช่วยชีวิตเขาไว้ตอนสมัยยังเป็นวัยรุ่น ในตอนนั้นเพราะความคึกคะนองจึงเผลอไปมีเรื่องกับพวกทรงอิทธิพลเข้า โดนพวกมันตามไล่ล่าหมายเอาชีวิตจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน

ตอนที่เกือบจะถูกยิงตายก็ได้ท่านช่วยไว้ เขาจึงสาบานว่านับแต่นี้ไปจะปกป้องคุ้มครองคนในตระกูลหิรัญรชตจนกว่าชีวิตจะหาไม่

ไตรวิชญ์เตรียมเดินกลับไปยังรถที่จอดรออยู่ไม่ไกล แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักฝีเท้า แหงนหน้าขึ้นสูดกลิ่นหอมเย็นที่โชยมาในอากาศ แค่เพียงได้กลิ่นจิตใจก็พลันสั่นไหวรุนแรง เลือดในกายพลันร้อนรุ่มพลุ่งพล่าน เริ่มสูญเสียการควบคุมตัว ฝ่ามือหนากำหมัดแน่น แข็งใจหันหน้ากลับไปถามผู้ติดตาม

“มีใครได้กลิ่นหอมประหลาดนี่บ้างไหม!”

นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงเข้มขึ้นเผยแววดุดันแข็งกร้าว ลมหายใจหอบกระชั้นขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าแดงก่ำผุดพรายด้วยหยาดเหงื่อไหลซกราวกับน้ำตก สีหน้าดูทรมานเหมือนกับกำลังอดทนอดกลั้นต่ออะไรบางอย่างที่มีอิทธิพลมาก ๆ จนใกล้จะขาดสติ ทำเอาลูกน้องที่อยู่ใกล้เผลอผงะถอยหลังด้วยความตกใจ

“คุณไตรเป็นอะไรไปครับ ทำไมถึงได้เหงื่อออกมากขนาดนี้” นาราถามด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

ลักษณ์หรี่นัยน์ตาแคบลงสังเกตอาการของเจ้านายแล้วก็พอจะคาดเดาได้ว่าเกิดจากอะไร

กลิ่นหอมที่คุณไตรพูดถึงคือกลิ่นฟีโรโมนของพวกโอเมก้าฮีท แต่พวกเขาที่เป็นอัลฟ่ากลับไม่มีใครได้กลิ่นหอมที่ว่านั่นเลยสักคน สีหน้าของคุณชายรองตอนนี้ไม่สู้ดีนัก เครียดขมึงดุร้ายราวกับสัตว์ป่าใกล้คลุ้มคลั่งเข้าไปทุกที

ไตรวิชญ์กำลังรัท!

“พวกนายรออยู่แถวนี้ เดี๋ยวฉันกลับมา”

“ให้พวกเราตามไปด้วยเถอะครับ”

“ไม่ต้อง! ห้ามใครโผล่หัวตามไปเด็ดขาด ถ้าใครไม่ยอมทำตามฉันจะฆ่าให้หมด!!”

สายตาเอาจริงเอาจังของไตรวิชญ์บอกให้ทุกคนรู้ว่าไม่ได้ล้อเล่น หากใครฝ่าฝืนคำสั่งจะถูกช่วงชิงลมหายใจไปอย่างไร้ความปรานี ก่อนจะเดินตัวสั่นเทาไปยังทิศทางที่ได้กลิ่นหอมรุนแรงจนฉุนจมูก ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายกลิ่นนั้นก็ยิ่งแรงขึ้น ไม่รู้ว่าเดินมาไกลแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็มาโผล่ยังอีกตรอกหนึ่ง

หาเจอแล้ว ไอ้คนที่มันปล่อยกลิ่นยั่วยวนเขาจนร้อนไปหมดทั้งตัว!