บทนำ [2]
หมับ
อุ้งมือใหญ่คว้าท่อนแขนของคนที่กำลังจะเดินออกจากตรอกไว้แล้วเหวี่ยงกลับเข้ามาเหมือนเดิม นิมมานที่กำลังเดินทะลุออกจากตรอกแคบกลับไปยังอะพาร์ตเมนต์ ก็ต้องหลุดเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกกระชากแขนจนตัวปลิวไปกระแทกผนังอย่างแรงจนแผ่นหลัง
เจ็บร้าว เหงื่อแตกซิก ใบหน้าเหยเกขาวซีดแทบหมดสติไปเสียเดี๋ยวนั้น
เดิมทีโอเมก้าก็เป็นพวกอ่อนแออยู่แล้ว ยิ่งมาเจออัลฟ่าบ้าพลังจับเหวี่ยงอีกไม่ยั้งแรง กระดูกทั่วร่างเขาก็แทบจะแตกละเอียดในคราวเดียว
“กลิ่นเลือด” เสียงพึมพำหลุดดังพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น
ไตรวิชญ์ที่ได้ยินเข้าก็ขบกรามแน่นถอดเสื้อบนตัวจับเหวี่ยงทิ้งไปไกล ๆ ก่อนจะใช้สองมือยันผนังกักขังร่างเพรียวบางเจ้าของกลิ่นหอมเย็นที่เป็นต้นตอของอาการติดสัด ทั้งที่เขาฉีดยาระงับรัทมาก่อนที่จะออกจากบ้านแล้ว แต่ยากลับไร้ผลเมื่อมาเจอกับเด็กนี่
“มะ...มึงเป็นใครวะ! จู่ ๆ ก็โผล่มาทำร้ายกูทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน!”
นิมมานพยายามตั้งสติไว้ เพราะกลิ่นของอัลฟ่ารุนแรงมาก ฉุนกึกจนเขารู้สึกวิงเวียนศีรษะ ไม่ทันไรลมหายใจก็ติดขัด ความร้อนแล่นพล่านไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ดวงตาเรียวสวยปรือขึ้นมองสบดวงตาแดงก่ำราวกับสีเลือด ฉับพลันหัวใจก็บีบรัดแน่นเหมือนถูกโซ่ตรวนพันธนาการไว้
ราวกับมีบางอย่างค่อย ๆ เชื่อมต่อถึงกัน พวกเขาต่างรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ เพราะส่วนลึกของจิตวิญญาณกำลังกู่ร้องว่าพวกเขาคือคู่แห่งโชคชะตา
“กูได้กลิ่นตัวเมียจากมึง!”
ไตรวิชญ์ที่ผลักร่างของชายแปลกหน้าคนหนึ่งติดผนังตึกอยู่เปรยขึ้นเสียงเข้ม มือหนาเอื้อมมาบีบปลายคางอีกฝ่ายไว้จับจ้องด้วยสายตาดุดันแข็งกร้าว กลิ่นกายของมันยั่วยวนหอมหวานจนอยากลิ้มลอง สัญชาตญาณดิบสั่งให้กระโจนเข้าขย้ำมันโดยไม่สนใจสถานที่และความกระหายอยากก็เอาชนะทุกสิ่ง
“กลิ่นของมึงกำลังทำให้กูคลั่ง…จากวันนี้ไปมึงต้องมาเป็นตัวเมียของกู!”
สิ้นเสียงประกาศกร้าว มือหนาก็คว้าใบหน้าสวยซีดเผือดมาบดขยี้จูบรุนแรงดุดัน รุกล้ำกลืนกินเรียวปากหอมหวานซาบซ่านอย่างหิวกระหาย กวาดต้อนเกี่ยวพันอย่างกักขฬะจาบจ้วง บังคับให้อีกฝ่ายตอบรับทุกสัมผัสจากเขาโดยดุษณี
ไม่มีโอกาสได้ขัดขืน ร้องขอ หรือดิ้นหนี เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน!
นิมมานไม่คาดคิดว่าการเข้ากรุงเทพฯ ครั้งนี้จะกลายเป็นนำภัยร้ายมาสู่ตัว
เสื้อผ้าถูกฉีกกระชากจนขาดวิ่นเหลือเพียงเศษซากกระจัดกระจายเต็มพื้น เผยเนื้อตัวขาวเนียนเปลือยเปล่าอวดยอดอกสีชมพู หน้าท้องแบนราบ และเรียวขากลมกลึง ไตรวิชญ์กวาดตาขึ้นลงรอบหนึ่งใช้มือลูบไล้
แก่นกายสีสวยที่ยังคงอ่อนตัวอยู่ แต่เพียงสัมผัสแผ่วเบาก็เริ่มตื่นตัว
นิมมานตัวสั่นเทิ้มหลุดเสียงครางหวานอย่างกลั้นไม่อยู่ มือของผู้ชายตรงหน้าทั้งหยาบทั้งสากระคายแต่กลับให้ความรู้สึกดีจนตัวอ่อนยวบ กลิ่นแดดยามบ่ายโชยมาแตะปลายจมูก พอสูดดมเข้าไปร่างกายก็ตอบสนองบดเบียดเข้าหา ช้อนดวงตาฉ่ำเยิ้มแดงระเรื่อขึ้นมองอีกฝ่ายคล้ายกับจะอ้อนวอนขอบางสิ่งบางอย่างที่มีแต่คนคนนี้เท่านั้นที่จะช่วยเขาได้
ริมฝีปากหนาอุ่นจัดประทับตราไปทั่วทุกจุด กัดเม้มจนเนื้อตัวขาวนวลมีแต่รอยแดงจ้ำ นิมมานครางเสียงแผ่วหวาน หลุบมองแผ่นอกและหน้าท้องที่มีแต่ร่องรอยที่อีกฝ่ายฝากรักไว้ ไม่อาจต่อต้านสัญชาตญาณของตัวเองได้ เมื่อพลังอำนาจของผู้นำกดข่มโอเมก้าตัวเล็ก ๆ อย่างเขาให้ยินยอมทำตามโดยไร้เงื่อนไข
ยิ่งในส่วนลึกสุดของจิตวิญญาณร้องตะโกนว่าอีกฝ่ายคือคู่แท้ของเขา คู่แห่งโชคชะตาที่มีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ถึงจะได้พบพาน แต่กลับต้องมาเจอกันในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด แม้ใจอยากจะหลบหนีสุดชีวิต ทว่าร่างกายกลับโหยหาปั่นป่วนรุนแรงลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง
ร่างบางถูกจับให้หันหน้าเข้าผนังตึก ไตรวิชญ์คำรามเสียงต่ำจ้องเขม็งน้ำสีใสที่หลั่งรินออกจากช่องทางหลัง เขาหรี่ตาดุกร้าวพลางสบถด่าอะไรก็ตามที่ทำให้ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เพราะในหัวมีแต่ภาพเซ็กซ์อันรุนแรงเร้าใจ อยากย่ำยีร่างกายนี้ให้แหลกสลายหายไปด้วยน้ำมือเขา
“มึงชื่ออะไร”
น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบถามข้างใบหูเล็ก ใบหน้าคมเข้มโน้มเข้าใกล้ปลอกคอใช้จมูกดุนดันสูดกลิ่นกายหอมเย็นเหมือนดอกมะลิ ทั้งที่มันควรจะทำให้เขาจิตใจสงบลง กลับยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ไฟราคะลุกโชน
อุ้งมือหนาเคลื่อนมากอบกุมสะโพกแน่นกระชากให้โก้งโค้งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
“นะ…นิมมาน อื้อ! กูชื่อนิมมาน อ๊ะ”
ไตรวิชญ์กระชากกางเกงยีนสีซีดเข่าขาดที่ใส่อยู่ไปไว้ตรงหน้าขา ก่อนจะพาท่อนเนื้ออวบใหญ่ปวดร้าวกระแทกล่วงล้ำเข้าสู่เส้นทางคับแน่นที่ขมิบเชิญชวนจนสุดลำ
“อ๊าาส์!!”
เพียงแค่เข้ามา นิมมานก็ถึงกับเสร็จสม ด้านในเกร็งกระตุกบีบรัดสิ่งแปลกปลอมแน่นหนา ทำเอาไตรวิชญ์ครางกระหึ่มในลำคอ ดวงตาร้อนแรงแผดเผามองร่างกายเย้ายวนเซ็กซี่สั่นสะท้านน้อย ๆ ใบหน้าสวยแดงปลั่งเชิดขึ้นเปล่งเสียงครางกระเส่าเว้าวอน นิมมานที่เห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ขยับก็ส่ายสะโพกบดเบียดจนผิวกายเสียดสีกัน
ไตรวิชญ์สูดลมหายใจเข้าลึก กรามแกร่งบดเข้าหากันจนได้ยินเสียงดังกรอด ถึงจะเกิดอาการรัทตอบสนองฮีทของโอเมก้า แต่เพราะเขาเป็นอัลฟ่าที่ควบคุมสัญชาตญาณได้ดี ถึงยังพอยับยั้งสติให้ตัวเองไม่พลั้งทำร้ายเด็กยั่วยวนตรงหน้า แต่เห็นทีว่าจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เพราะมันทำตัวร่านร้อนวอนขอสัมผัสจากเขา
คล้ายกับกระทิงคลั่ง ไตรวิชญ์โถมกระหน่ำแท่งเอ็นอุ่นจัดจ้วงโจนสู่โพรงนุ่มอย่างรุนแรงจนบั้นท้ายขาวอวบสั่นกระเพื่อมครั้งแล้วครั้งเล่า
สองมือจับกุมเอวบางไว้ให้รับแรงกระแทกหนักหน่วง
นิมนามหวีดครางเสียงแหลมเมื่ออารมณ์เหวี่ยงขึ้นสูง และดิ่งลงต่ำเหมือนกำลังเล่นรถไฟเหาะ เขาใช้มือเกาะติดผนังกรีดนิ้วระบายความเสียว ขณะที่สองเท้าเดี๋ยวลอยเดี๋ยวแตะพื้นตามจังหวะถาโถมกระชากกระชั้นเอาแต่ใจ
เด็กหนุ่มหลับตาลงอย่างยอมรับชะตา การที่โอเมก้าจะตกเป็นเหยื่อของอัลฟ่านั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ขนาดเพื่อนของเขายังถูกอัลฟ่าที่ไหนไม่รู้ฉุดไปข่มขืนแล้วนำไปทิ้งไว้เลย ส่วนตัวเขาที่คิดว่าดูแลตัวเองดีมาตลอด พยายามหนีไปให้ไกลจากพวกอัลฟ่า ก็ยังคิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกันในที่แบบนี้
เพียงพริบตาเดียวก็ถูกช่วงชิงทุกอย่างไปไม่มีเหลือ แต่ขอเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เขายังสามารถปกป้องไว้ได้
“กะ…กูขอร้อง อย่ากัด อย่า…” เสียงวิงวอนนั้นดูเหมือนจะส่งไปไม่ถึงอีกคน
แล้วสิ่งที่เขากลัวที่สุดก็ได้เกิดขึ้นจริง แม้แต่อิสรภาพที่หวงแหนเฝ้าปกป้องมาตลอดสิบเก้าปีก็ยังถูกช่วงชิงไป โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย
ราวกับสัตว์ป่าดุร้ายที่สูญเสียการควบคุม ไตรวิชญ์กัดกระชากปลอกคออีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงตาแดงก่ำจ้องเขม็งมันด้วยสายตาน่ากลัว กรามแกร่งขบแน่นจนเห็นเป็นสันนูน ลมหายใจหอบหนักถี่กระชั้นขึ้น พอ ๆ กับความร้อนพลุ่งพล่านในร่าง กัดทึ้งปลอกคอให้ขาดออกจากกันไม่ลดละ เมื่อปราการป้องกันหลุดร่วงไป หลังคอขาวเนียนส่งกลิ่นหอมกระตุ้นกำหนัดก็ถูกจู่โจมอย่างไม่มีปรานี
กึก!
ความเจ็บที่หลั่งไหลเข้ามาทำให้นิมมานน้ำตาไหลพรากสติคล้ายจะหลุดลอยไปที่ไหนสักแห่งไม่ทราบได้ เพราะหลังจากนั้นภาพเบื้องหน้าก็ตัดเป็นสีดำมืดมิด เหมือนร่างกายจมดิ่งสู่ใต้มหาสมุทรอันหนาวเหน็บ พร้อมรอยตีตราที่ไม่มีวันจางหายไปชั่วนิจนิรันดร์
แต่ก่อนที่สติจะวูบดับไปอย่างสมบูรณ์ก็ได้ยินเสียงทุ้มเข้มแว่วดังข้างหู
“กูชื่อไตรวิชญ์…จดจำชื่อกูไว้ไปตลอดชีวิต”
เมื่ออีกฝ่ายหมดสติไปแล้ว ไตรวิชญ์ก็เตรียมจะถอดแก่นกายออก แต่คิ้วเข้มกลับต้องขมวดแน่นเมื่อพบว่าตัวเองกำลังน็อต! ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นมืดสนิท เป่าลมออกจากปากด้วยสีหน้าถมึงทึงดุดัน
เขาไม่เคยนึกสมเพชตัวเองมาก่อนในชีวิต แต่นี่เป็นครั้งแรกที่อยากสบถด่าตัวเองให้ลั่น
ในสถานที่ที่เหม็นอับเปลี่ยวร้าง เขากลับถูกสัญชาตญาณของอัลฟ่าชักนำจนลากโอเมก้าที่ไหนไม่รู้มาปลุกปล้ำขืนใจจนเสร็จสม หลังจากที่เพิ่งฆ่าคนมา
เขาดึงกางเกงขึ้นมาสวมไว้กอดเอวบางแล้วหมุนตัวไปพิงผนังตึก ปล่อยตัวให้ลื่นไถลนั่งลงบนพื้นสกปรกโดยมีร่างเปลือยชุ่มเหงื่อนั่งบนตักหมดสติอยู่ ดวงตาคมกวาดมองสำรวจร่องรอยที่ตัวเองทำไว้ ตัวของมันเล็กจ้อยเท่ามด แต่มาโดนคนตัวเท่ากระทิงอย่างเขาขวิดเข้าแบบไม่ออมแรง วันพรุ่งนี้คงระบมไปทั้งตัว อาจจะเป็นไข้ไปหลายวัน
ทั้ง ๆ ที่กลิ่นฟีโรโมนฟุ้งกระจายรุนแรงถึงขนาดนี้ แต่กลับไม่มีอัลฟ่าหน้าโง่ที่ไหนโผล่มาสักคน เป็นเพราะถูกกลิ่นอัลฟ่าของเขากางอาณาเขตหวงห้ามไว้ จนพวกมันไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้แม้แต่นิดเดียว
รอจนร่างกายกลับคืนสู่สภาพปกติ ไตรวิชญ์ก็ล้วงมือหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมากดเบอร์โทรหาคนติดตาม ไม่นานลักษณ์ก็เดินมาเข้ามาหา แต่กลับหยุดชะงักก่อนจะทันได้ถึงตัว
“โยนเสื้อคลุมมา”
ลักษณ์ทำตามคำสั่งอย่างไม่อิดออด โยนเสื้อคลุมของเจ้านายส่งให้ ก่อนจะเดินกลับออกไปอย่างรู้งาน
ไตรวิชญ์เอาเสื้อคลุมสวมเข้ากับร่างบางแล้วช้อนอุ้มเดินออกไปจากตรอกแคบ ระหว่างนั้นพวกลูกน้องก็ก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองคนที่เจ้านายหิ้วตัวกลับมา เพราะเกรงรังสีคุกคามที่แผ่พุ่งรอบทิศเหมือนหนามแหลมของเม่น ทำเอาพวกเขาหวาดเสียวขนลุกชัน กลัวจะถูกปลายแหลมพุ่งเสียบทะลุลำคอ
แม้จะเป็นชนชั้นอัลฟ่าเหมือนกัน แต่ก็เป็นเพียงเลือดผสมชั้นปลายแถว อาจอยู่เหนือพวกเบต้ากับโอเมก้า แต่ก็ยังต่ำกว่าอัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์ ทั้งสติปัญญา ทั้งพละกำลังเทียบกันไม่ติดเลย
เมื่อขึ้นมาบนรถได้ไตรวิชญ์ก็จับร่างบางนอนราบกับเบาะใช้ตักเขาเป็นหมอนหนุน ส่วนตัวเขาก็นั่งนิ่งเอนหลังพิงเบาะ สองมือกอดอกพลางหลุบตามองใบหน้ายามหลับของเจ้าเด็กที่ตกเป็นเหยื่อตัณหาของเขา
ถ้าไม่น็อตซะก่อนคงได้ต่ออีกยกสองยกทั้งที่อีกฝ่ายสลบไปแล้ว
คาดคะเนจากสายตาไอ้เด็กนิมมานคงเป็นรุ่นน้องเขาสามหรือสี่ปีได้ เห็นเขาออกมาทำเรื่องเลวร้ายได้เหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่ความจริงแล้วเขาเพิ่งจะยี่สิบต้น ๆ และยังเหลือเรียนมหา’ลัยอีกปีถึงจะจบการศึกษา
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เขาต้องเตรียมตัวสำหรับการขึ้นเป็นผู้นำตระกูลต่อจากพ่อที่คิดสละตำแหน่งเพื่อไปเที่ยวเล่นกับแม่ตามประสาคู่รัก ไม่ได้เกรงใจอายุอานามที่มากโขของตัวเองจนเขาปวดประสาท แต่จะให้ขัดขวางพ่อแม่บังเกิดเกล้าก็คงจะถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกอกตัญญูเลยปล่อย ๆ ไป แล้วตอนนี้เขาก็มีเรื่องวุ่นวายเพิ่มขึ้นอีกเรื่อง
เป็นตัวปัญหาที่อยากผลักไสไล่ส่งไปไกล ๆ แต่กลิ่นหอมฟุ้งที่อบอวลภายในรถกลับทำเขาแทบคลั่งจนไม่อยากผละห่าง
ขนาดหมดสติยังเป็นได้ถึงขั้นนี้ ไม่รู้ว่าตื่นมาเขาจะอาการหนักแค่ไหน
หลังจากหมดช่วงฮีทค่อยคิดดูอีกทีว่าจะจัดการกับมันยังไง ตอนนี้เลี้ยงดูมันเล่นไปก่อนแล้วกัน