บทที่ 3
‘นังโง่! ทำไมแค่นี้ทำไม่ได้ ดูพี่เพชรสิ เค้ายังทำได้เลย สมองของแกมันมีอะไรอยู่ข้างในกันนะ นังพลอย’
‘ไปไหนก็ไปนังพลอย เกะกะขวางตาฉัน อย่ามาร้องไห้ให้ฉันเห็นนะ ฉันจะตีซ้ำจนกว่าแกจะหยุดร้อง แกมันตัวซวย ตัวเฮงซวย พ่อแกตายก็เพราะแก นังตัวซวย’
‘ถ้าแกไม่ออกมาจากท้องฉัน ฉันคงจะนึกว่าแกเป็นเด็กขยะที่พ่อแกเก็บมา ไม่ได้เศษเสี้ยวของฉัน หรือของพี่สาวของแกเลย นังเด็กโง่’
โง่...
ตัวซวย...
เป็นคำที่ประดับพลอยได้ยินเสมอ ตอนแรกก็เสียใจ หลังๆ มาแม้จะชินชา น้ำตาตกในแทนที่จะไหลปรี่อย่างที่ได้ยินใหม่ๆ เธอมักจะไปแอบร้องไห้
ใช่...ถ้าเธอร้องไห้ให้เดือนใจเห็น เธอก็จะยิ่งถูกตี
รูปร่างหน้าตาของประดับพลอย ถ้ามองผาด ไม่พิศ ก็จะเห็นผู้หญิงสาวตัวเล็ก หน้าตาธรรมดา ติดจะราบเรียบไม่มีจุดเด่น ตัวเล็กแทบจะหักเปราะ เพราะความผ่ายผอม เรือนผมยาวจนถึงสะโพก มักจะมัด หรือเกล้าไว้ลวกๆ หน้ามันเพราะทำงานหนัก เธอรับทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กน้อยอย่างร้อยมาลัย ซึ่งป้าพิมซึ่งอยู่บ้านใกล้ ให้งานเธอมาทำ เนื่องจากสงสารแม่เด็กตัวผอมนี่เหลือเกิน พิมทำร้านดอกไม้ และเรียกให้ประดับพลอยไปช่วยงาน ให้เป็นเงินพิเศษไป เผื่อประดับพลอยไว้กินขนม เพราะเห็นเรื่องในบ้านของประดับพลอยเกือบทุกอย่าง พิมเป็นเพื่อนกับครอบครัวของเดือนใจ สนิทกับสามีของนาง...รับรู้และเห็นว่าบุตรสาวทั้งสองได้รับการปฏิบัติจากมารดาอย่างไร สิ้นผู้นำครอบครัวแล้ว ก็แทบไม่ต้องเดาว่าประดับพลอยจะกินอยู่แบบไหน
เคราะห์ดีที่เธอมีป้าพิมของเธอ ประดับพลอยจึงพอจะรู้สึกบ้าง ว่าเธอมีคนรักใคร่ ห่วงใยเธอ
ความทุกข์ภายในใจของเธอมักจะฟ้องออกมา สู่นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้ม มันดูเศร้า ไร้สุข ไม่เหมือนนัยน์ตาระยับไปด้วยความสุขของประดับเพชร
พี่สาวเธอเป็นเพชร
ส่วนเธอเป็นแค่พลอย
ถ้าเลือกได้...
ควรจะเป็นเธอนะ...
อดคิดไม่ได้ เมื่อเห็นมารดาเริ่มบ่น เดือนใจปาดน้ำตาทิ้ง ยามเอ่ยถึงบุตรสาวคนโปรดทีไร นางก็ทั้งแค้นทั้งเศร้า ประดับพลอยเงียบฟังมารดา เมื่อเห็นลูกสาวไม่ตอบอะไร นางก็เริ่มพาล
“ว่ายังไง นังพลอย เราจะหาทางฟ้องเอาเงินจากพวกมันได้ไหม? มันมีค่าอะไรให้บ้าง ชดใช้อะไรบ้าง เพชรเป็นเมียมัน จะตบจะแต่งกันอีกไม่กี่วันนี้ล่ะ เราจะต้องได้อะไรบ้างสิ”
“แม่จะไปฟ้องอะไรจากเขาละคะ”
ประดับพลอยเริ่มเอ่ยตอบท่าน น้ำเสียงแข็งๆ แบบนี้ สีหน้าแบบนี้ ถ้าเธอไม่ตอบอะไรไปบ้าง คงจะมีการโดนลงไม้ลงมือแบบที่เคยโดนมาตลอด แม้ว่าจะบอกท่านเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้ ว่าไม่สามารถเรียกร้องอะไรจากฝ่ายนั้นได้ นอกจากค่าเสียชีวิตจากประกันภัยรถยนต์ปรกติ
“ก็...เพชรเป็นเมียมัน มันก็ต้องให้อะไรบ้างสิ ร่ำรวยล้นฟ้าออกปานนั้น โอ๊ย...นี่ถ้าไม่ตัดสินใจ ทิ้งไอ้เจ้าของฟาร์มนั่นมา ก็อาจจะไม่ต้องตายแบบนี้ก็ได้ ยัยเพชรนะยัยเพชร อยากได้ผัวเป็นนักแข่งรถ พาตัวไปตายเสียอย่างนั้น อยู่ที่นั่นก็ดีอยู่แล้ว”
“พี่เพชรไม่ได้จดทะเบียนอะไรกับเค้า เราจะไปหวังอะไรจากเค้าได้ละคะแม่ นี่เค้าก็ออกค่าใช้จ่ายให้เราทั้งหมด ที่ไปหาพี่เพชร แล้วก็...เราจะได้ค่าประกันที่พี่เพชรเสียชีวิตอีก ก็เยอะอยู่นะคะแม่”
“กี่สตางค์กัน”
เดือนใจถอนใจ เงินประกัน? มันแค่เศษเล็บของคนรวยพวกนั้น มันพอที่ไหนกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าโมโห ไม่รู้ล่ะ นางจะไปเอาเงินส่วนที่ควรจะเป็นของนาง ถ้าเกิดว่าประดับเพชรยังมีชีวิต ใช่...ถ้าลูกสาวนางมีชีวิต นางก็จะมีเงินมากมายกว่านี้
“แม่คะ...เราควรจะคุยกันเรื่องงานของพี่เพชร มากกว่าเรื่องเงินนะคะ” ประดับพลอยเอ่ยปรามท่าน “ญาติๆ หลายคนก็ถามว่า เราจะรับพี่เพชรกลับมาที่นี่ไหม จะจัดงานไหม โดยเฉพาะอาต้องน่ะค่ะ”
ชื่อของบุรุษผู้นี้ ทำให้เดือนใจสะดุ้งน้อยๆ หน้าของนางเป็นสีเรื่อ นางผุดลุกขึ้น แล้วเดินปึงๆ จากไป โดยไม่ตอบบุตรสาวสักนิด
ประดับพลอยได้แต่มองตามท่าน แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เธอตรวจความเรียบร้อยของข้าวของอีกหน ก่อนจะโทรศัพท์หาน้าชายของเธอ ที่มีอาชีพขับรถแท็กซี่
“น้ากานต์คะ ออกมาหรือยังคะ”
“ออกมานานแล้วล่ะจ้ะ อากาศทางโน้นหนาวเหมือนในละครไหมน่ะอีหนูพลอย นี่น้าแจ๋วเค้าให้น้าเอาเสื้อขนสัตว์มาให้ด้วย เอามาเผื่อพี่เดือนเขาด้วย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะน้ากานต์ ไม่ได้หนาวหรอกค่ะ”
เธอหัวเราะน้อยๆ โลกออนไลน์มีประโยชน์ ตรงที่เปิดหูเปิดตา เกี่ยวกับเรื่องความเป็นไปของโลกได้ทุกทวีป
“อ้าว...เราก็นึกว่าเหมือนในละคร ถ่ายวีดีโอมาฝากบ้างนะ น้าอยากจะรู้ว่าบ้านเมืองเค้าเหมือนในทีวีหรือเปล่า ชาตินี้คงไม่มีวาสนาได้ไปกับเค้าหรอก” กานต์พูดเสียงกลั้วหัวเราะ นั่นพอจะทำให้ประดับพลอยยิ้มออกมาได้บ้าง
คุยกันอีกสองสามประโยค ก็วางสาย เดือนใจลงมาจากชั้นบนพอดี นัยน์ตาของนางบวมช้ำนิดๆ เห็นมารดาเป็นแบบนี้แล้ว คนเป็นลูกก็อดทุกข์ตามไม่ได้ หากแต่ไม่กล้าอ้าปากออกเอ่ยถาม เพราะถามไถ่ หรือปลอบโยนท่าน ถ้อยคำที่ตอบโต้กลับมา ราวกับมีดกรีดลงบนหัวใจของประดับพลอย ให้เสียใจ น้อยใจ
“ไปถึงโน่นแล้ว แกก็ต้องช่วยฉัน ทวงความเป็นธรรมให้กับพวกเราด้วยล่ะ ภาษาของแกพอจะใช้ต่อรองกับเค้าได้หรือเปล่า? นังพลอย อย่าแสดงความโง่มาก เดี๋ยวจะเสียเปรียบ ฉันเสียพี่แกไปแล้ว ฉันไม่อยากเสียเงินในส่วนที่ฉันควรจะได้จากยัยเพชรด้วย”
“ค่ะแม่”
ตอบรับเพียงเท่านั้น ในใจนึกยอกแสยง เมื่อมองเสี้ยวหน้าอันงดงามแม้จะร่วงโรยไปบ้างเพราะวัยของมารดา คำพูดของท่าน เน้นย้ำแต่เรื่องผลประโยชน์
เออหนอ...
หรือทั้งเธอทั้งประดับเพชร จะเป็นเพียงแค่ตัวเงินตัวทองของมารดาเท่านั้นกันนะ