ตอน 5
“ค่าคอนโดด้วยนะคะป๋า”
“จ้ะจัดการให้ทีเดียวเลย”
“ป๋าน่ารัก ขอบคุณมากค่ะ คืนนี้อย่าลืมแวะมาหากลูกหว้านะคะ” เพราะลูกหว้าไม่ได้นัดกับใครที่ไหน มีเวลาให้ป๋าทั้งคืนท้ายประโยคของลูกหว้าหายลงคอ หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆอายุอานามไม่ต่างจากต้นข้าวและผ้าไหม เป็นเด็กเลี้ยงของกนธี เขาพบหล่อนในโต๊ะพนันบอลเป็นสาวเชียร์แขกอยู่ที่นั่น เขาเอ็นดูและสงสารไม่อยากให้ผู้ชายหน้าไหนแตะต้องเนื้อตัวหล่อน จึงเสนอชุบเลี้ยงให้อยู่ให้กินอย่างดี
ล่าสุดถอยรถป้ายแดงราคาล้านปลายๆให้ เพราะเงินสดในบัญชีไม่พอกนธีตาเฒ่าตัณหากลับจึงต้องใช้วิธีผ่อนรายเดือน เลี้ยงดูกันมาร่วมเจ็ดเดือน เขาสูญเงินไปมากทางเพราะนิสัยไม่รู้จักหยุด ทั้งตัณหาทั้งความมัวเมา บัดนี้เจ้าหนี้พนันบอลและกาสิโนที่เขามักแอบภนิสาไปถลุงเงินเล่น ฝ่ายเจ้าหนี้ได้โทรทวงหนี้ที่เขาค้างไว้เกือบสิบล้านพอกพูนไปเรื่อยๆ เพราะเขาเล่นหนักด้วยหวังใจจะได้ถอนทุนคืน
หนี้พนันไม่ใช้ก็ต้องตาย หนำซ้ำครอบครัวอาจเดือดร้อนพวกมันขู่จะมาจับลูกสาวทั้งสองไปขายบริการ ก่อนขายบริการก็ต้องบริการพวกมันจนหนำใจเสียก่อน หลายครั้งพวกมันก็ไม่ได้ขู่เห็นลูกหนี้ที่ติดมักโดนอย่างนั้น บางคนโดนอุ้มหายสาบสูญ บางคนครอบครัวต้องเดือดร้อนหาเงินมาชดใช้แทน ใช้ไม่ครบมันก็กุดมือกุดเท้า นึกถึงตรงนี้กนธีรู้สึกถึงความเย็นยะเยือก นึกบางอย่างได้จึงร้อนรนไปยังห้องทำงานต้นข้าวอีกครั้ง
“ข้าว...พ่อวานอะไรข้าวได้ไหม”
“ว่าไงคะคุณพ่อ”
“พรุ่งนี้อยู่รับหน้านายทุนแทนพ่อหน่อย พ่อมีธุระสำคัญ”
“พ่อคะงานนี้งานใหญ่มากนะคะขาดพ่อไป นายทุนจะนับถือหรือคะ”
“พ่อเชื่อฝีมือข้าว นะจัดการให้พ่อหน่อยพ่อมีธุระด่วนสำคัญมากจริงๆ”
“ธุระอะไรคะพ่อบอกข้าวได้ไหม”
“ข้าว !!...” กนธีกดเสียงต่ำส่งสายตาต่อว่าบุตรสาวที่ไม่ใช่สุดสวาท “พ่อบอกให้ทำอะไรก็ต้องทำ รู้จักไหมทดแทนบุญคุณ" ทุกทีที่ต้นข้าวแข็งข้อกนธีมักงัดเอาเรื่องนี้ขึ้นมาขู่เธอตลอด
“ค่ะพ่อ” หญิงสาวก้มหน้าน้อมรับ ตลอดเวลาเธอไม่มีสิทธิ์มีเสียงแสดงความคิดเห็นหรือสงสัยอะไรทั้งสิ้น เมื่อบิดาบัญชาให้ทำอะไร แม้เต็มใจไม่เต็มใจก็ต้องทำตามอย่างไม่อีนังขังขอบ
“ทำให้ดีด้วยพูดยังไงก็ได้ให้นายทุนอยากลงทุนกับเรา” ออกคำสั่งเสียงเข้มไม่ต่างกับสั่งพนักงานในบริษัท ต้นข้าวมีค่าและความสำคัญอะไรในสายตาบิดาและมารดาที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอยกระทั่งทุกวันนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ต้นข้าวจำได้ว่าได้ยินประโยคหวานหูนับครั้งได้
แม้แต่ห้องที่เธออาศัยนอนภายในบ้านยังแตกต่างจากน้องสาว ห้องเล็กเท่ารูหนูใต้หลังคามีเพียงเตียงสามฟุตไม่ได้ใหญ่โตโอ่โถงเหมือนห้องน้องสาว หากว่าเธอสามารถอยู่ได้เพียงแค่มีที่ซุกหัวนอน เธอเคยถามป้าสมพรหลายครั้งถึงชาติกำเนิด ป้าสมพรปิดปากเงียบได้แต่บอกว่าต้นข้าวก็เป็นลูกของกนธีและนภิสา แต่ท่านคงเห่อลูกสาวคนเล็ก
เพราะเห็นว่าคนโตดูแลตัวเองได้ จึงไม่ได้ประคบประหงมเหมือนผ้าไหม ป้าสมพรเตือนสติเธอให้ได้คิดอยู่อย่าง คนเราทำอะไรไว้ย่อมได้แก่ตัวเอง ทำดีก็ต้องได้รับผลดี ทำไปเถอะ ต้นข้าวจึงจำและกระทำเช่นนั้นเรื่อยมา
ลับร่างบิดาต้นข้าวจึงก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป หมายถึงทำงานแทนบิดาด้วยไม่ได้ทำงานของตัวเองเพียงหน้าเดียว สักวันต้องมีวันที่เธอได้ความรักความห่วงใยจากท่านคงมาถึง ต้นข้าวได้แต่คิดเช่นนั้น
“พ่อครับ” เดชาวัตก้าวเข้ามาในห้องทำงานของบิดา หย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่
“ว่าไงเดชมีอะไรเหรอมาหาพ่อ” บิดาเงยหน้าจากสมุดเช็กที่กำลังจรดปากกาเซ็น ขยับแว่นมองลูกชายที่มาหย่อนก้นลงนั่งด้วยแววตาท่าทีเต็มไปด้วยคำถาม
“นิดหน่อยครับ”
“งั้นก็ว่ามาเลย” วางปากกาเพื่อตั้งใจฟัง หลังงานเลี้ยงเลิกดีเลิศ สังเกตเห็นว่าดวงหน้าลูกชายบานเหมือนดอกเห็ดหรือจานดาวเทียมไม่ปาน ว่าจะถามตั้งแต่คืนนั้นแต่พอคุยกันบนรถเรื่องโน้นนี้ก็ลืม
“คือผมสงสัยอยู่อย่างครับ อาธีท่านมีลูกกี่คน เพราะในงานเลี้ยงผมไม่เห็นแค่คนเดียว” เขาอยากบอกว่าความจริงเขาเจออีกคนในสวนนางฟ้าของเขา
“ความจริงมีสองคน อีกคนคือหนูต้นข้าวพ่อเคยเจอไม่กี่ครั้ง น่ารักมารยาทดี ที่สำคัญสวยมาก สวยจนพ่อแอบคิดว่าใช่ลูกของกนธีหรือเปล่า หรืออาจเป็นลูกติดมาจากเมียคนใดคนหนึ่ง เพราะกนธีก็ไม่ใช่ย่อยเรื่องความเจ้าชู้ ลับหลังเมียเป็นไม่ได้แอบมีอีหนูตลอด” ดีเลิศรู้จักคบค้าสมาคมกับกนธีเมื่อช่วงสิบปีหลังก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยรู้จักกนธีมาก่อน และในตอนนั้นก็เห็นว่าเขามีลูกสาวสองคนที่หน้าตาต่างกันราวกับไม่ใช่ลูกพ่อแม่เดียวกัน
“ผมเจอเธอที่สวนเมื่อคืนครับ สวยอย่างที่พ่อว่าจริงๆ แต่ดูเศร้าไปหน่อย”
“ใช่หนูต้นข้าวนัยน์ตาเศร้า ดูสิงานเลี้ยงที่มีแขกเหรื่อมาเต็มบ้าน กนธียังไม่พามาแนะนำให้คนอื่นได้รู้จัก เหมือนรักลูกไม่เท่ากัน”
“น้องไหมบอกว่าพี่สาวไม่ชอบออกงานสังคม”
“แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่ลูกไม่อยากออกยังไงก็ต้องพามาแนะนำ”
“นั่นสิครับพ่อ แต่ว่าเธอสวยมากเลยนะครับ พ่อจะว่าไหมถ้าผมไม่ได้สนใจน้องไหม แต่สนใจน้องข้าว”
“พ่อจะว่าอะไรได้ล่ะลูกในเมื่อลูกชอบใครรักใครพ่อแม่ก็รักด้วย แต่ดูเหมือนกนธีอยากจับคู่ลูกกับหนูไหม”
“ครับข้อนั้นผมพออ่านเกมของอากนธีได้ แต่ทำไงได้ผมเจอนางฟ้าแสนสวยและเธอถูกใจผมมากกว่า”
“ระวังล่ะพี่น้องเขาจะผิดใจกัน”
“ผมยังไม่ได้จีบเธอเลยครับ”
“อันนั้นพ่อรู้ พ่อพูดเผื่อใจอนาคต”
“ผมว่าน้องไหมไม่ได้คิดอะไรกับผมมากกว่าความหวือหวาหรอกครับ ดูเธอทันสมัยสดใส” ที่สำคัญไวไฟไม่เบา เขาไม่ชอบผู้หญิงเจนจัด ง่ายกับผู้ชายสังเกตในงานเลี้ยงเมื่อคืนเธอเมามาย ให้เพื่อนชายคนนั้นอุ้มทีคนนี้กอดรัด ไม่ไหวหากต้องให้ผู้หญิงอย่างนั้นเป็นแม่ของลูก ต้นข้าวนางฟ้าของเขาก็ว่าไปอย่าง
เมื่อคิดถึงนางฟ้าเดชาวัตรีบรุดไปยังฟู๊ดโปรดักส์เพื่อชวนนางฟ้ารับประทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน บิดามองตามแทบไม่ทัน ดีเลิศไม่เคยคิดโยงใยจับคู่ให้ลูก เดชาวัตชอบใครก็ว่าไปตามนั้น เขาเป็นพ่อยุคใหม่รับได้หากลูกเลือกแล้ว ดีเลิศมองลูกชายเดินออกจากห้องไปด้วยแววตาว่างเปล่า
ร่างสูงพร้อมผู้ช่วยทั้งสองเดินเข้ามาหยุดหน้าบริษัท ฟู๊ดโปรดักส์ในอีกวันต่อมาซึ่งเป็นวันนัดหมาย เจ้าหน้าที่พนักงานของบริษัท ต่างวิ่งวุ่นออกมารอต้อนรับผ้าไหมบอกกับบิดาไม่อยากเข้าบริษัท แต่จำต้องเข้าเพราะเป็นคำสั่งเด็ดขาดจากกนธี ผ้าไหมจึงแสดงสีหน้าไม่พอใจขณะต้องอยู่ต้อนรับแขกต่างชาติ คงพวกนักธุรกิจแก่ๆที่มากว้านซื้อกิจการในไทยอย่างที่นักธุรกิจชาติอื่นนิยม
“น้องไหมทำหน้าให้มันดีหน่อยสิโน่นแขกกำลังจะมาแล้ว”