อสูรกระชากรัก

86.0K · จบแล้ว
พิมพ์ชนก
45
บท
8.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

30 ปีก่อน ธัญ มธุรส เด็กชายที่แม่เสียชีวิตด้วยโรครุมเร้า ทิ้งไว้แค่สมุดบันทึกที่บอกเล่าเรื่องราวถูกคดโกง พอเขาโตขึ้นในฐานะลูกบุญธรรมของนักธุรกิจชาวสเปน "เฟียตซิโอ้ มาร์ซ็อง" นั่นคือเขาในปัจจุบัน เขามีความแค้นสุมอยู่ในหัวใจ สืบความได้ว่าคู่กรณี มีบุตรสาวสองคน ดังนั้นแผนการเอาขึ้นจึงอุบัติขึ้นในหัว

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันดราม่าแก้แค้นเศรษฐีโรแมนติกพระเอกเก่ง

ตอน 1

หัวใจดวงแกร่งเต้นรัวผิดจังหวะฝ่ามือผุดเม็ดเหงื่อไม่อาจบังคับกะเกณฑ์อะไรได้ ทั้งที่ตั้งมั่นไว้กับสิ่งที่ดึงดูดให้เขากลับมายังประเทศที่เขาจากไปร่วม 23 ปีเต็ม เขาไม่ได้คิดถึงที่นี่จนตัวสั่นแต่เพราะเรื่องราวในอดีตและสมุดบันทึกเล่มหนาของมารดาบังเกิดเกล้าซึ่งเฟียตซิโอ้ มาร์ซ็องไม่เคยให้ห่างกาย ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ผิวสองสีชวนมองเซ็กซี่ขยี้ใจสาวน้อยสาวใหญ่ให้พวกหล่อนเล่นหูเล่นตายั่วยวนเพื่อให้เขาหันมองด้วยแววตาเจือไฟพิศวาส หล่อนทั้งหลายหลงเสน่ห์ในตัวเขาโดยง่ายดาย ทว่าคนอย่างเฟียตซิโอ้กลับแล้งรอยยิ้มจนเรียกได้ว่าหายากยิ่งบนดวงหน้าเต็มไปด้วยความหล่อเหลาไร้ที่ติของเขา

“จัดการเรื่องที่พักเรียบร้อยใช่ไหมบาต” ชายร่างสูงใหญ่ขาดแคลนรอยยิ้มหันไปถามผู้ช่วยมือซ้ายในทันทีที่ย่างก้าวลงจากเครื่องบินส่วนตัว

“ครับ” อัลบาโต้ บาต้าริโน่รายงานความเรียบร้อย ขณะอิสโก้ ดาบิดเปิดประตูรถรีมูซีนคันหรูรอเจ้านายมาดนิ่งไร้รอยยิ้มอยู่แล้ว ตั้งแต่คนสนิททั้งสองได้ย่างก้าวเข้ามาร่วมงานกับบริษัท มาร์ซ็อง ทรานส์ ในบทบาทผู้อารักษ์ขาเฟียตซิโอ้ มาร์ซ็อง ผู้บริหารคนใหม่แห่ง มาร์ซ็อง ทรานส์ นับรวมระยะเวลาสิบปีหน่วยอารักษ์ขาทั้งสองไม่เคยค้นพบรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากเฟียตซิโอ้ บุตรชายบุญธรรมของอันเดรสและซาบีน่า มาร์ซ็อง เจ้าของบริษัทคมนาคมครบวงจรอย่างมาร์ซ็อง ทรานส์ได้เลย กิจการโลจิสติกรับส่งสินค้าทั่วโลกภายใต้ปีกของมาร์ซ็องผุดขึ้นทุกมุมโลกและนั่นทำให้เฟียตซิโอ้ ทายาทเพียงหนึ่งเดียวเป็นที่จับตามองของคนทั่วไป

หากว่าเฟียตซิโอ้กลับต้องการครอบครองบริษัทผลิตอาหารแช่แข็งส่งออกเล็กๆซึ่งขาดสภาพคล่องอาจล้มไม่ล้มแหล่มาอยู่ในกำมือ พวกเขาไม่เข้าใจแต่หากนั่นคือความประสงค์ของเจ้านายผู้ช่วยทั้งสองจำต้องปฏิบัติตามโดยไร้กติกายุ่งยากใดๆ เครื่องบินส่วนตัวที่มาจากกิจการทรานสปอร์ตภายใต้ปีกของมาร์ซ็องจึงล่อนตรงจากสเปนลงจอดยังสนามบินพาณิชย์บนแผ่นดินไทยหลังจากคำสั่งลั่นจากปากเฟียตซิโอ้

“ไม่เลว” ทันทีที่สืบเท้าเข้าไปในห้องพักสุดหรูในโรงแรมดีที่สุดในเมืองหลวงของไทย เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพลางเดินสำรวจห้องพักบนโรงแรมเจ็ดดาวไร้ที่ติ ด้วยสายตาเยือกเย็นนับได้ว่าเลขาผู้คล่องงานของเขาจัดการได้ดีมากเพียงเขาเอ่ยปากเท่านั้น

เฟียตซิโก้ทิ้งกายลงนั่งกับโซฟาสีขรึมตัวนุ่มอ้าแขนกว้างพิงพนักโซฟาก่อนพรูลมหายใจอย่างพึงใจออกมา

“พอใจไหมครับเจ้านาย”

“พอใจ”

“อาบน้ำเลยไหมครับผมจะไปเตรียมน้ำให้”

“อาบเลยแต่ไม่ต้องเตรียมฉันไม่อยากแช่แต่จะอาบฝักบัวอิสกับบาตนายสองคนออกไปได้แล้ว พวกนายคงต้องการพักผ่อนไม่ต้องห่วงฉันแล้ว

“เอ่อ...ว่าแต่” ผู้ช่วยมือขวานึกบางอย่างขึ้นได้ขยับปากกำลังจะเอ่ยถาม ไม่ว่าไปที่ไหนเจ้านายมักเรียกหญิงบริการชั้นสูงมาบริการปรนเปรอ ครั้งนี้คงด้วย

“เรื่องผู้หญิงเหรอ” รู้ทันผู้ช่วยมือขวาต้องการถามอะไร อิสโก้ ดาบิดรู้ใจเขาเป็นที่สุด

“ติดต่อมาก็ได้” เขาเอ่ยด้วยท่าทีนิ่งเฉยไร้ความกระตือรือร้นเช่นชายต้องการบริการแบบนี้จากสาวเลื่องชื่อในแต่ละประเทศ

“ครับ” อิสโก้ปรายสายตาไปทางอัลบาโต้พลางขยับเท้าก้าวออกจากห้องพักของเจ้านายเพื่อไปยังห้องพักของตัวเองห้องติดกัน ก่อนจัดการเรียกผู้หญิงที่จัดได้ว่าเป็นหญิงบริการชั้นสูงสะอาดสำหรับบริการดูแลเจ้านายเพื่อคลายคามตึงเครียด หากว่าเท้าแกร่งต้องชะงักเมื่อเสียงขรึมเข้มจากเจ้านายดังขึ้น

“เดี๋ยว !! ฉันเปลี่ยนใจแล้ว อดใจไว้กินอะไรที่ทั้งลุ้นทั้งต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมดีกว่า สนุกกว่ากันเยอะ” แววตาสีรัตติกาลกระตุกเมื่อนึกถึงเรื่องบางเรื่อง มุมปากขยับราวกับนึกสะใจลึกๆ

“หมายความว่า...” อิสโก้และอัลบาโต้หมุนกายกลับมาพร้อมกัน

“อย่างที่เข้าใจนั่นแหละไม่ต้องเรียกผู้หญิงมา ฉันไม่ต้องการแล้ว” เสียงเข้มจัดบอกความประสงค์เปลี่ยนใจนาทีสุดท้ายเมื่อนึกขึ้นได้ตัวเองเดินทางมาที่นี่เพื่อวัตถุประสงค์ใด

“รับทราบครับ” อิสโก้ถอยหลังจากไปเมื่อรับบัญชาจากเจ้านายผู้เคร่งขรึมเป็นอันรู้กัน เฟียตซิโอ้ใจดีเป็นบางทีร้ายลึกในบางครั้ง ที่สำคัญยิ้มน้อยเต็มที บางครั้งผู้ช่วยทั้งสองยังเคยสงสัยชายหนุ่มเขาเคยยิ้มบ้างหรือไม่ คำตอบคือไม่เคยเห็น ฉะนั้นพวกเขารู้ดีควรวางตัวอย่างไรขณะเฟียตซิโอ้อารมณ์ไหน

ลับร่างผู้ช่วยทั้งสองเฟียตโอ้ยกมือกุมล็อกเก็ตห้อยอยู่บนคอแกร่งคลึงไปมาพลางสายตามองไปทัศนียภาพเบื้องหน้าแววตาตึงเครียดชวนให้ผู้ใดก็ตามที่พบเห็นขนลุกจนจับไข้ได้

“ถึงเวลาแล้วสิครับพ่อแม่” วาจาเอ่ยจากปากได้รูปแผ่วเบา สายตาเพ่งพิศทัศนีย์เบื้องหน้าฉายแววอาฆาตแค้นเรื่องราวในอดีตผุดขึ้นมาในหัวและความทรงจำอันฉายชัดไม่เคยเลือนลางไปจากมโนสำนึกในวัยเยาว์ เรื่องราวทุกเรื่องอันกรีดลึกและฝังรากลงในก้นลึกของหัวใจ เขาเข้มแข็งสู้มาเพื่อสิ่งนี้

กอปรกับแววตาดุดันเจือไปด้วยรอยสลักบางอย่างอ่านยากเหลือคณา ดวงตาสีรัตติกาลคู่นั้นนิ่งสะท้าน มือใหญ่ปลดเปลื้องสลัดเสื้อผ้าทุกชิ้นออกจากร่างกายไม่สนใจสิ่งรอบด้าน การได้อยู่ลำพังในห้องส่วนตัวไม่เห็นต้องสนใจใคร ร่างสูงใหญ่ผึ่งผายค่อยๆสืบเท้าก้าวเข้าไปในห้องน้ำ ขณะจิตใจมุ่งมั่นในสิ่งที่เก็บกักใจในใจตลอด

ณ บ้านหลังใหญ่ งานเลี้ยงฉลองจบการศึกษาสำหรับบุตรสาวสุดสวาทขาดใจของกนธี อังศุนิตย์ ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ภายในอาณาบริเวณบ้านอังศุนิตย์ บ้านที่ได้มาโดยมิชอบกลับภูมิใจนักหนา

“นี่พี่ข้าวเร็วๆหน่อยสิใกล้เวลางานเลี้ยงแล้วนะมัวชักช้าอยู่ได้ อืดอาดน่ารำคาญ” ผ้าไหมน้องสาวสะบัดเสียงสะบัดหน้าต่อว่าพี่สาวแสนดี ผู้ไม่เคยมีปากมีเสียง หล่อนข่มและจิกหัวใช้พี่สาวอย่างต้นข้าว ทั้งที่พี่สาวยอมจำนนไปทุกอย่าง เพราะคิดว่าตัวเองเป็นพี่ควรดูแลน้องอย่างที่มารดาเช่น นภิสา มนทิราเคยสั่งสอนเธอบ่อยครั้ง ต้นข้าวจดจำเรื่อยมาตั้งแต่จำความได้ เธอก็มีน้องสาวที่อายุห่างกันเพียงสองปีคอยจิกด่า ตะโกนโหวกเหวกใช้งานอยู่ร่ำไป บางทียังลงไม้ลงมือกับเธอ เมื่อเธอไปบอกมารดา ท่านก็ว่ากลับมาแรงๆบ้างแม้รู้สึกน้อยใจแต่ต้นข้าวก็รักทั้งบิดาและมารดา

“เร่งมากไม่สวยนะน้องไหม” มือบางจับก้านแกนเกรียวผมให้กับน้องสาวผู้เอาแต่ใจ ด้วยความประณีตทั้งที่เพิ่งกลับขึ้นมาจากในครัวตระเตรียมอาหารเครื่องดื่ม หวังใจว่าจะขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อลงไปร่วมงานเลี้ยงจบการศึกษาของน้องสาวหากว่าเอาเข้าจริงก็โดน ผ้าไหม เรียกใช้ด้วยถ้อยคำจิกหัว

“กล้าทำให้ไหมไม่สวยเหรอพี่ข้าว คอยดูเถอะถ้าคิดทำแบบนั้นไหมจะฟ้องแม่ อิจฉาไหมใช่ไหมที่ไหมสวยกว่า” ผ้าไหมจีบปากจีบคอกล่าวหาพี่สาวทั้งที่ต้นข้าว เป็นลูกไล่ผ้าไหมทุกฝีก้าว เผย่อไม่ได้ราวกับเธอไม่ใช่ลูกของพ่อกับแม่ บางทีต้นข้าวแอบคิดด้วยความน้อยใจ ทำไมพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน ผ้าไหมทำผิดท่านไม่ดุ ทว่าเป็นเธอผิดนิดเดียวเหมือนผิดใหญ่โต ถูกทำโทษเจ็บตัวอยู่บ่อยๆในวัยเยาว์

“พี่ไม่เคยอิจฉาไหมเลยนะ” เธอกล่าวเช่นนั้นด้วยสัตย์จริง ใครจะไปอิจฉาน้องสาวตัวเองได้ อย่างไรก็สายเลือดเดียวกัน นั่นคือสิ่งที่เธอคิดมาตลอด ท่านคงมีเหตุผลที่ตามใจน้องขณะที่เธอถูกเลี้ยงอย่างเจียมตัว

“ให้มันจริงเถอะ” อีกฝ่ายที่นั่งบนตั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งยังไม่วายจิกกัด ตามนิสัยถูกตามใจจนเคยชิน ผ้าไหมมักถูกแม่พร่ำบอกให้เรียกใช้ต้นข้าวได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจ ไม่ว่าเอ่ยปากวานใช้เรื่องอะไรหากต้นข้าวอิดออดให้รีบบอกแม่ นภิสาพร้อมจัดการกับลูกคนนี้ทันที