บท
ตั้งค่า

ตอน 3

“อ๋อ..ค่ะพี่เดช” ผ้าไหมสงวนท่าทีทั้งที่ในใจอยากกระโดดขย้ำคอเดชาวัตจนเลือดในกายสาวร้อนระอุ ผู้ชายคนนี้ดูดีกว่าคู่ควงทั้งหมดในรั้วมหาวิทยาลัยและนอกมหาวิทยาลัยของหล่อนหลายร้อยเท่า พวกนั้นก็แค่ควงเล่นแก้เหงาแก้ขัดไปวันๆ ไม่เห็นความสลักสำคัญอะไร

ขณะทำความรู้จักกับผ้าไหมพลันสายตาเดชาวัตเหลือบขึ้นไปบนระเบียง เห็นเงาร่างบอบบางชวนฝันร่างหนึ่ง ดึงดูดความสนใจให้เขาอยากรู้ว่าเจ้าของเงาร่างน่ารักสมส่วน ดวงหน้าสวยเฉี่ยวกลมโตสุกสะกาว ทว่าแฝงแววเศร้าสะท้อนในดวงตานั้นเป็นใคร

“พาน้องไปหาที่นั่งคุยกันสิตาเดช” ดีเลิศเตือนลูกชายด้วยเห็นว่าคล้ายกับเหม่อมองไปยังจุดอื่น

“อ๋อ...ครับคุณพ่อ”

เดชาวัตรู้สึกตัวจึงหันมาสนใจผ้าไหม พยักหน้ารับปากกับบิดาของตนแล้วเดินนำผ้าไหมไปยังมุมโต๊ะเก้าอี้

“เอ่อ...น้องไหมครับพี่ขอเรียกน้องไหมนะครับ”

“ได้สิคะพี่เดช” หล่อนแสดงท่าทีเอียงอายทั้งที่ในใจไม่ใช่เช่นนั้น ยิ้มหวานไร้เดียงสาต่อหน้าเดชาวัต หากแต่ส่งสายตาเชิญชวนอย่างเห็นได้ชัดช่างขัดกันโดยสิ้นเชิง

“ว่าแต่ถ้าสมมุตว่าต่อไปพี่จะขอมาเยี่ยมน้องไหมที่บ้านบ่อยๆได้ไหมครับ” ขณะปากขยับขอผ้าไหมหากว่าสายตากวาดมองทัศนียภาพอื่นเพื่อพบความสวยในความสลัวบนระเบียง ที่เดชาวัตคาดว่าเธอต้องสวยมากแน่ๆ ขนาดมองจากระยะไกลผู้หญิงบนระเบียงนั้นยังตึงตราเขาได้ขนาดนี้หากได้เห็นชัดตาจะสวยขนาดไหน

“แหม...พี่เดชได้สิคะ บ้านนี้ต้อนรับครอบครัวพี่เดชอยู่แล้ว ก็พ่อพี่เดชเป็นเพื่อนกับพ่อไหมนี่คะ”

“ดีเลยครับถ้าอย่างนั้นพี่ขอถือโอกาสมาเยี่ยมน้องไหมบ่อยๆนะครับ” สายตายังไม่ให้ความสนใจกับผ้าไหมเช่นเดิม จนคู่สนทนาสงสัย

“ว่าแต่พี่เดชมองหาใครหรือคะ นี่ค่ะหน้าไหมอยู่นี่” หล่อนแอบเคืองนิดๆ ทั้งที่นั่งคุยกันแต่เดชาวัตดันไปสนใจจุดอื่น ผ้าไหมชี้นิ้วตรงหน้าตัวเอง กวาดสายตามองตามที่ชายหนุ่มมองบ้างเธอกลับไม่พบใคร หรือเพราะเดชาวัตไม่คุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ จึงมองทัศนีย์ภาพรอบกายไปเรื่อยๆ

“เปล่านี่จ๊ะ พี่แค่กำลังคิดว่าบ้านไหมสวยดีนะครับ เสียดายอยู่กันไม่กี่คน ว่าแต่ไหมไม่มีพี่น้องหรือเปล่า”

“อ๋อ พี่เดชสนใจบ้านหรือคะ บ้านนี้เป็นบ้านเก่าแก่มากค่ะสร้างหลายปีแล้วก่อนไหมเกิดหลายปีเลยล่ะคะ แต่พ่อก็แต่งเติมปรับปรุงอยู่เรื่อยนะคะ”

“อ๋อครับ ไหมเป็นลูกคนเดียวหรือครับ”

“ไม่หรอกค่ะ ไหมมีพี่สาวคนหนึ่งอายุห่างกันแค่สองปี สงสัยแม่มีลูกหัวปีท้ายปี”

“อ้าว แล้วพี่สาวไปไหนซะล่ะครับไม่เห็นมาร่วมงานด้วย” ต้องใช่ผู้หญิงสวยๆตาโตๆที่อยู่บนระเบียงด้านโน้นแน่เลย เดชาวัตแอบคิด

“พี่ข้าวขี้อาย ไม่กล้าออกงานสังคม นี่คุณแม่ก็ชวนลงมาต้อนรับแขกด้วยกันนะคะ แต่พี่ข้าวปฏิเสธ อย่าไปสนใจเลยค่ะ” ผ้าไหมปดต่อชายผู้หมายตาตงหน้า ใครกันจะยอมให้ต้นข้าวเสนอหน้ามาในงาน แม่นั่นปรากฏกายที่ไรเรตติ้งหล่อนตกทุกที ผู้ชายเป็นร้อยยังหันไปมอง เธอเหมือนมดตัวน้อยทุกที

“งั้นหรือครับ พี่คิดว่าไหมเป็นลูกคนเดียวซะอีก” เขาเข้าใจไปเช่นนั้น

“ไม่ค่ะ ว่าแต่อย่าพูดถึงคนอื่นเลยนะคะ เราไปร่วมวงกับเพื่อนๆของไหมดีกว่าค่ะ มุมโน้นสนุกกว่าคุยแบบผู้ใหญ่เยอะค่ะ” ผ้าไหมยังไม่ทันให้เดชาวัตได้ตอบรับ หล่อนคว้าต้นแขนกำยำของเขาลากชายร่างสูงใหญ่ให้ตามไปสมทบยังกลุ่มเพื่อนของหล่อนซึ่งต่างทยอยมาร่วมงานกันหนาตาในยามเริ่มดึก ขณะเดชาวัตยังสนใจอยู่มุมระเบียงตรงที่เขามองเห็นนางฟ้าแสนสวยอยู่บนนั้น เท้าสาวไปตามแรงฉุดจากมือผ้าไหมตรงข้ามกับสายตาคมจับจ้องไปทางระเบียงชั้นบนของบ้านหลังใหญ่โต

เดชาวัตถูกแนะนำให้กับเพื่อนๆของผ้าไหมรู้จักทุกคน สายตาที่มองผ้าไหมกับเดชาวัตเหมือนจ้องจับคู่ให้พวกเขาไม่ต่างจากผู้ใหญ่ฝ่ายผ้าไหม หากว่าหัวใจและสายตาที่ไม่ได้สนใจผ้าไหมยังคงกรอกกลิ้งไปมา ทำความรู้จักกับเพื่อนของหล่อนแบบงั้นๆ ไม่นานเมื่อเห็นว่าผ้าไหมพอใจและสนุกกับการอยู่ร่วมกับเพื่อนๆ เขาจึงปลีกตัวออกไปเดินเล่น

กระทั่งร่างสูงมาอยู่ในสวนค่อนข้างห่างจากวงสังสรรค์ข้างเสียงดังของเพื่อนผ้าไหม พ่อกับแม่พามาด้วยทำไมกันนะน่าเบื่อชะมัด หย่อนก้นลงนั่งตรงม้านั่งไม้ในสวนพรางพรูลมหายใจอย่างโล่งอกที่เร้นกายหนีมาได้ ผ้าไหมเกาะเขาแจไม่ต่างจากชะนีเกาะต้นไม้ ทั้งที่เพิ่งพบกัน

ทว่าก่อนที่จะระบายลมหายใจครั้งที่สอง สายตาคมได้ปะทะกับความเริงใจ ร่างสะคราญนางฟ้าบนระเบียงปรากฏเบื้องหน้าเขาไม่ไกล ริมฝีปากเดชาวัตแย้มยิ้มยิ่งกว่าได้เจอสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เขาดีดกายจากม้านั่งไม้ด้วยความรวดเร็วถลันกายไปหานางฟ้าที่ใฝ่หา

“อุ้ย...” เสียงหวานหลุดจากปากด้วยอาการตกใจเมื่อจู่ๆ ใครก็ไม่รู้โผล่ออกมาจากหลังกระถางต้นวาสนาที่แตกกิ่งก้าน

“นางฟ้าชัดๆ” คนที่โผล่มาโน้มใบหน้าเข้าใกล้นางฟ้าที่เขาคิดว่ายังไงก็ต้องใช่ เอ่ยเรียกต้นข้าวด้วยเสียงพร่าราวกับอยู่ในวิมานความฝัน

“คุณเป็นแขกของคุณพ่อคุณแม่ไม่ใช่หรือคะมาทำอะไรอยู่ที่นี่”

“ว่าแต่ผมยังไม่ตายใช่ไหมครับ” ไม่เพียงไม่ตอบแต่เอ่ยถาม

“ทำไมถามแบบนั้นล่ะคะ”

“ก็ผมเจอนางฟ้า นางฟ้าต้องอยู่บนสวรรค์ แต่ถ้าผมเจอนางฟ้าแสดงว่าผมคงตายแล้ว”

“ข้าวไม่ใช่นางฟ้านะคะ ข้าวเป็นคน” หญิงสาวบอกแขกผู้ที่ตนไม่รู้จัก ซึ่งกำลังแสดงสีหน้าท่าทีเจ้าชู้ต่อเธอเท้าเรียวบนรองเท้าแตะเดินในสวนขยับหนี เธอตั้งใจลงมาสูดอากาศก่อนจะขึ้นนอน เสียงดังอึกทึกจากเครื่องเสียงไปยังห้องเธอจากหน้าต่างห้องมองเห็นส่วนจัดงานเลี้ยงในสวนพอดี ต่อให้ข่มตานอนอย่างไรก็ไม่อาจหลับได้

“ถ้าไม่ใช่นางฟ้าแล้วชื่ออะไรล่ะครับ” ข้าวที่เขาจำได้ว่าผ้าไหมเรียกนางฟ้าแสนสวยแบบนั้น เธอยังแทนชื่อนั้นกับเขาด้วยเมื่อกี้

“ต้นข้าวค่ะ”

“ชื่อเพราะจัง นางฟ้าชื่อน่าฟังอย่างนี้ทุกคนไหมครับ”

“บอกแล้วไงคะข้าวไม่ใช่นางฟ้า เอาเป็นว่าข้าวขอตัวนะคะดึกแล้วค่ะ”

“เดี๋ยวก่อนสิครับอยู่คุยกันก่อนพอดีผมเซ็งๆ เดินออกมารับอากาศบริสุทธิ์ในสวน โชคดีได้เจอข้าว ผมขอเรียกน้องข้าวนะครับผมคิดว่าผมเป็นพี่อย่างแน่นอน” ปีนี้เดชาวัตอายุ 27 ปีเรียนจบทำงานดูแลกิจการช่วยครอบครัว ท่านหมายหมั้นให้เขาพบผู้หญิงดีๆ แต่ถ้าให้แบบผ้าไหมเขาก็ยังไม่ปักใจชอบเธอ ถ้าเป็นนางฟ้าคนนี้ก็ไม่แน่

“ค่ะ...แต่...”

“นะครับอยู่คุยกันก่อน” เขาอ้อน

“ก็ได้ค่ะไม่นานนะคะ”

“ครับผมรบกวนข้าวไม่นาน” แต่อยากอยู่ด้วยทั้งคืนเดชาวัตจัดอยู่ในผู้ชายมากรักสนใจใครง่ายๆแต่มักเลือกอยู่สักหน่อย ฉะนั้นเขาจึงอ่านผู้หญิงหลายแบบทะลุปรุโปร่ง ต้นข้าวค่อนข้างไว้เนื้อไว้ตัวดูจากกิริยาต่างจากผ้าไหมโดยสิ้นเชิง รายนั้นถึงเนื้อถึงตัวเขาไวเกินไป แม้เรียนต่างประเทศเขายังมองหญิงไทยในแบบไทยอยู่ไม่เอาไปเปรียบเหมือนสาวต่างชาติ

ทั้งคู่นั่งสนทนากันจนกระทั่งรู้จักกันในเบื้องต้น เดชาวัตได้รู้ว่าต้นข้าวคือลูกอีกคนของกนธีกับนภิสาแต่ทำไมหน้าตาไม่มีเคล้าเหมือนกันเลยแม้แต่น้อย หากจะให้ซักมากกว่านี้เกรงจะละลาบละล้วงกันเกินไปเขาจึงผลักเรื่องนี้ให้ผ่านไปหันมาสนใจหญิงสาวมากกว่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel