Chapter 8 : ตัดแขนตัดขา
"จับตัวมันมา เร็ว!!!!"
บ่าวสองคนช่วยกันจับตัวคำแสน คำแสนยื้อยุดฉุดกระชากก็ไม่อาจต้านแรงชายฉกรรจ์สองคนนั้นได้ ยิ่งขัดขืน เจ้าพระยานาสมก็พยักหน้า ให้ใช้กำลังต่อยตีได้
"ปล่อย!!!! ปล่อยเฮาบัดเดี๋ยวนี้!!!!" คำแสนโวกเวกโวยวาย
'พลั่ก!! พลั่ก!! ตุ๊บ!! ผั๊วะ!!'
"โอ้ย!!! .โอยยย!!!" คำแสนโดนทั้งมือทั้งเท้า ต่อยเข้าไปที่ใบหน้าแลหน้าท้อง
"กรี๊ด!!!!หยุดบัดเดี๋ยวนี้!!!! อย่าทำเยี่ยงนี้กับอ้ายคำแสน!!!เจ้าพ่อ ลูกขอเถิดเจ้า อย่าได้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์เลยหนาเจ้า"
"หึ!!! หมัดมวยสูยังสู้มิได้เลย แล้วริอาจจะจับดาบทั้งที่ร่ายรำยังมิเป็นเยี่ยงนี้จักเอาอันใดมาปกป้องลูกสาวของเฮาได้!! ลากตัวมันลงไปบัดเดี๋ยวนี้!!!" เจ้าพระยานาสมมองหน้าคำแสนที่เหมือนนกปีกหัก แล้วสถบคำดูถูกใส่คำแสน
"ละอองดาว พ่อใจดีกับลูกมากเกินไปแล้วหนา กลับคุ้มกับพ่อบัดเดี๋ยวนี้"
"เจ้าพ่อ!!?"
คำแสนกำลังจะถูกลากลงไปข้างล่างเฮือนล้านนาอย่างสะบักสะบอม เพราะมิอาจสู้แรงชายฉกรรจ์ได้ เจ้าละอองดาวที่เห็นคำแสนถูกลากไปก็พยายามที่จะยื้อยุดฉุดกระชากคำแสนกลับมา มือน้อยทั้งทุบทั้งตีบ่าวที่เป็นชายฉกรรจ์ทั้งหกคนก็มิอาจต้านแรงได้
"ปล่อย!!!! เฮาบอกให้ปล่อยอ้ายคำแสนบัดเดี๋ยวนี้!!!!.ปล่อย!!!!!
คำปู้จู้ก็มิกล้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือใด ๆ เอาแต่จับชายเสื้อเจ้านางไว้
"ฮือๆๆๆเจ้านางเจ้า มิควรทำเยี่ยงนี้หนาเจ้า เจ้านาง ฮือๆๆๆ"
พระยาศรีพิพัฒน์เห็นดังนั้นก็เจ็บปวดหัวใจยิ่งนักที่เจ้านางน้อยละอองดาวของเขาได้ปกป้องบ่าวผู้ต่ำต้อยที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าด้วยซ้ำไป เขาได้แต่กัดกรามแน่น ยื่นมือหนาจับข้อมือบางสะบัดร่างอรชรมาไว้ที่อก กกกอดไว้อย่างแนบแน่น กลิ่นหอมของกายสาวต้องกับจมูกโด่งที่รับกับใบหน้าของเขาอย่างจัง ทำให้ร่างแกร่งตกอยู่ในภวังค์ของความลุ่มหลงเคลิบเคลิ้ม
"เจ้าพี่!!!!..คิดจักทำอันใด!!!!..ปล่อยข้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้เจ้า!!!!..เจ้าพี่!!!!"
สิ้นเสียงเจ้านางร่างแกร่งถึงกับชะงักตื่นจากภวังค์ทันที
"เจ้าพี่อย่าได้ทำเช่นนี้เลยเจ้า เจ้าพี่ อ้ายคำแสนมิได้ผิดอันได น้องเป็นคนสั่งให้อ้ายคำแสนนำทางเท่านั้นเจ้า เจ้าพี่ เชื่อน้องเถิดเจ้าค่ะ"
"เหตุใดถึงปกป้องมันนัก? ไอ้คำแสนก็แค่บ่าวไพร่ไร้สกุลผู้หนึ่ง เหตุใดน้องนางละอองดาวของพี่จึงให้ความสำคัญกับบ่าวผู้นี้นัก? รือเจ้าพิศวาสบ่าวผู้นี้เข้าเสียแล้ว?"
"เจ้าพี่เหตุใดดูถูกข้าเจ้าเยี่ยงนี้ ข้าเจ้าไม่คิดเลยว่าเจ้าพี่จักเป็นคนเยี่ยงนี้ไปได้ เหตุใดเจ้าพี่ถึงเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้เจ้า?"
"น้องนางละอองดาวของพี่อยากรู้รือว่าเหตุใดเจ้าพี่ของน้องถึงเป็นเยี่ยงนี้? ก็เพราะไอ้บ่าวไพร่ไร้สกุลตนนั้นเยี่ยงไรเล่าเจ้า!!!!" พระยาศรีพิพัฒน์เสียงดังใส่เจ้านางทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน
"ขอสูมาเต๊อะเจ้า เจ้าพี่ ข้าเจ้ามิอาจเข้าใจในสิ่งที่เจ้าพี่เปล่งวาจาออกมาได้? อ้ายคำแสนไปทำอันใดให้เจ้าพี่เคืองรือเจ้า? เจ้าพี่ถึงได้กระทำการเช่นนี้?"
"มันหมิ่นศักดิ์ศรีพี่ มันย่ำยีหัวใจพี่ มันพาน้องนางละอองดาวของพี่หนี..ซ้ำไม่พอ อ้างว่าเป็นผัวเมียกับน้องนางละอองดาวของพี่ด้วยหนา พี่ไม่บั่นคอมันสิ้นก็เป็นบุญหัวของมันแล้วหนา น้องนางละอองดาวของพี่ปกป้องมันถึงเพียงนี้ เห็นทีพี่จักต้องทำอันใดสักอย่างแล้วหนาไปเถิด!!"
"เจ้าพี่จักทำอันใด?? เจ้าพี่ปล่อยข้าเจ้า เจ้าพี่ปล่อยข้าเจ้าก่อน!!!!"
เปล่งวาจาที่ต้องข่มโทสะไว้ พระยาศรีพิพัฒน์ก็จับข้อมือบางเดินลงเฮือนล้านนาไปดูคำแสนว่าเป็นเช่นไรบ้าง
"เป็นห่วงมันมากนักใช่หรือไม่ เจ้าก็จักได้เห็นว่าเจ้าพี่ศรีพิพัฒน์ของเจ้าคนนี้ เป็นคนเช่นไร!!!!"
เจ้านางละอองดาวตกใจมาก ไม่เคยเห็นพระยาศรีพิพัฒน์เป็นเช่นนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กจนโต พระยาศรีพิพัฒน์เป็นคนอ่อนหวานนุ่มนวลไม่เคยตวาดหรือโมโหใส่เจ้านางละอองดาวเลยแม้แต่ครั้งเดียว เวลาเล่นด้วยกันพระยาศรีพิพัฒน์ก็จะยอมเจ้านางละอองดาวทุกเรื่อง
ครั้งนี้เจ้านางถึงกับฉงนสงสัยว่าเหตุใดพระยาศรีพิพัฒน์ถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ความขลาดกลัวก็เกิดขึ้นในหัวใจดวงน้อย มือไม้สั่น ตัวสั่นเทา
เมื่อลงมาชั้นล่างสุดของเฮือนล้านนา คำแสงก็ถูกมัดมือไขว้หลังไว้เจ้านางละอองดาวเมื่อเห็นเช่นนั้นก็สงสารจับใจเอ่ยขึ้นน้ำเสียงสั่นเทา
"เจ้าพี่เจ้า อย่าทำเช่นนี้เลยหนาเจ้า เจ้าพี่ได้โปรดเถอะเจ้า อ้าย คำแสนมิได้ทำอันใดผิด..เจ้าพี่ได้โปรดเถอะเจ้า"
ชาวบ้านเริ่มมามุงดูกันมากขึ้น ต่างพากันซุบซิบนินทาว่ากันไปต่าง ๆ นา ๆ พระยานาสมเห็นคนมามุงดูมากขึ้นก็ยิ่งร้อนใจ เพียงเพราะลูกตนเป็นหญิงจึงรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก "นั่นเจ้าพระยานาสมใช่รือไม่?"
"ใช่ๆๆ..มีคนลือกันหนาหูว่า ลูกสาวพระยานาสมหนีตามบ่าวไพร่ไร้สกุล เหตุเพราะไม่ต้องการเป็นอนุของพระยาศรีพิพัฒน์เพียงเท่านั้นแล"
"จริงรือ? เป็นอนุก็ใช่ว่าจะลำบากอันใดหนา แต่นี่เลือกหนีมากับบ่าวไพร่ไร้สกุล ตกระกำลำบากถึงเพียงนี้ ไม่รู้เจ้านางคิดอันใดอยู่กันแน่หนา?"
"นั่นแล พระยาศรีพิพัฒน์แต่งงานมาเป็นปี ก็มิยอมแต่งอนุเข้าคุ้มสักทีหนา เสียงว่าวันนี้เลือกเจ้านางน้อยลูกสาวคนสุดท้ายของพระยานามสมเข้าคุ้ม ช่างโชคดีเสียกระไรนี่ แต่ก็นั่นแล มักใหญ่ใฝ่สูงอยากเป็นเมียเอก ทั้ง ๆ ที่เมียแต่งของท่านเจ้าพระยายังมีชีวิตอยู่แท้ ๆ ไม่เรียกว่า ใฝ่สูงแล้วจักให้เรียกว่า เช่นไร?"
"ใช่ เฮาก็คิดเช่นนี้หนา"
พระยานาสมได้ยินเช่นนั้นก็บันดาลโทสะทันทีตวาดใส่พวกชาวบ้านที่กำลังซุบซิบนินทาเสียงดังจนชาวบ้านสะดุ้งโหยง
"มิได้เป็นเช่นนั้นดอกเจ้า!!!! เอามูลจากที่ใดมาพูดเล่า ลูกสาวของเฮามิได้หนีตามบ่าวไพร่ดอกหนา แค่มิอยากแต่งงานก็เท่านั้น โปรดเข้าใจเสียใหม่ด้วยเถิดหนา"
"ลูกสาวคนเดียว ยังปกครองมิได้เลย แล้วจักปกครองแว่นแคว้นของเราได้เยี่ยงไร?" ชาวบ้านคนหนึ่งพูดออกมาทำให้ชาวบ้านหลายคนที่มุงอยู่ดูพากันเห็นด้วยเสียงอื้ออึง
"มิได้เกี่ยวกับเจ้าพ่อนาสมดอกขอรับ กระผมพระยาศรีพิพัฒน์เองต่างหากเล่า ที่จิตใจโลเลมิยอมแต่งงานกับน้องนางละอองดาวตั้งแต่แรกขอรับ พอจักแต่งเจ้านางเข้ามาเป็นอนุ น้องนางละอองดาวก็ไม่ยอมเสียแล้วขอรับ เจ้าพ่อขอรับ เห็นทีลูกคงมิอาจฝืนใจน้องนางละอองดาวได้แล้วหนา"
เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์แสร้งแสดงละครให้ชาวบ้านที่มามุงดูเห็นใจว่า การที่ตนทำไปนั้น เป็นการบีบบังคับเจ้านางละอองดาว ทั้งๆที่เจ้านางไม่เต็มใจ ทำให้ชาวบ้านต่างเห็นใจพระยาศรีพิพัฒน์อย่างมาก
"เจ้าพี่!!!..เจ้าพี่มิเอาความอ้ายคำแสนแล้วใช่หรือไม่เจ้า?"
เจ้านางละอองดาวผู้ใสซื่อ น้ำตาคลอเบ้า ดวงตาร้อนผ่าว ด้วยคิดว่าพระยาศรีพิพัฒน์จะไม่เอาความคำแสน
"พี่จักเอาความคนที่น้องละอองดาวพิศวาสได้เยี่ยงไรเล่า?น้องนางละอองดาวรักใคร่ผู้ใด พี่ในฐานะพี่ชายก็ย่อมต้องรักเขาด้วยเช่นกัน"
พระยาศรีพิพัฒน์แกล้งยิ้มฝืนเหมือนเสียใจ แม้ในใจในตอนนี้นั้นเหมือนกองไฟที่กำลังลุกโชนอยู่ก็ตาม
"เจ้าพี่ พูดเยี่ยงนี้ได้เช่นไรเจ้า? น้องมิได้พิศวาสรักใคร่ อ้ายคำแสนเจ้า เจ้าพี่โปรดเข้าใจเสียใหม่เจ้า" เจ้านางละอองดาวพูดตามความจริง แต่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วเป็นกลอุบายของพระยาศรีพิพัฒน์ที่จะทำให้ชาวบ้านเห็นใจตน
"แล้วเหตุใดน้องนางละอองดาวของพี่ถึงปกป้องมันอย่างออกหน้าออกตาเล่า?" พระยาศรีพิพัฒน์แกล้งพูดเสียงดังให้ชาวบ้านที่มามุงดูได้ยิน
"นั่นน่ะสิ ไม่รักไม่ชอบกัน เหตุใดจึงหนีตามกันมาเล่า?? พระยาศรีพิพัฒน์ก็จะไปสู่ขอแล้วหนา? เหตุใดหนีการแต่งงานเช่นนี้ เป็นผู้หญิงยิงเรือ มานอนค้างอ้างแรมกับชายอื่นที่ไม่ใช่คู่หมั้นคู่หมายเช่นนี้ ถ้าไม่รัก ไม่ชอบ แล้วจักหนีตามมาทำไมกัน?" ชาวบ้านตนหนึ่งตะโกนถามความจากเจ้านางละอองดาว
"มิได้เป็นเช่นนั้นหนาเจ้า!!" เจ้านางละอองดาวที่ไร้เดียงสาถึงกับหน้าซีดเผือด
ตอนหนีออกจากคุ้มก็คิดอย่างเดียวว่าอยากจะหนีไปให้พ้น ๆ ไม่คิดไปถึงว่าหากหนีไม่พ้นจักทำเช่นไร? แลไม่คิดเลยว่าเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โตเช่นนี้ ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้ทั้งกลัวทั้งอาย
"อย่าได้กล่าวหาเจ้านางน้อยละอองดาวเลยขอรับ กระผมเป็นคนผิดเองที่ล่อลวงเจ้านางน้อยละอองดาวมาขอรับ ได้โปรดอย่ากล่าวความเจ้านางน้อยเลยขอรับ" คำแสนที่ทนฟังไม่ได้ถึงกับเอ่ยปากร้องขอให้พวกชาวบ้านหยุดนินทาว่าร้ายเจ้านางน้อยละอองดาว
"โธ่!! อ้ายคำแสนต้องมาเดือดร้อนเพราะเฮาแท้ ๆ ฮือๆๆๆ" เจ้านางละอองดาวปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้นเพราะไม่รู้จักทำเช่นไร
"เยี่ยงนั้น พี่จักให้เจ้าเลือกหนา เจ้าจักดึงดันไปกับไอ้คำแสนบ่าวผู้ไร้สกุลคนนี้ต่อ รือเจ้าจักเข้ามาอยู่ในคุ้มของพี่ ? ยังมิต้องแต่งงานก่อนก็ได้ พี่จักให้เวลาน้องนางสามปีนับจากนี้ ลืมไอ้คำแสนเสียให้สิ้น แล้วค่อยแต่งงานกับพี่ พี่ถือว่าพี่ปรานีน้องนางละอองดาวแลไอ้คำแสนแล้วหนา"
เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์หยิบยื่นข้อเสนอที่เจ้านางละอองดาวมิอาจปฏิเสธได้ เพราะหากเจ้านางเลือกไปกับคำแสนผู้ไร้สกุลรุนชาตินั้นก็จักถูกชาวบ้านประนามหยามเหยียด ไปจนถึงพระยานาสมแลเจ้านางแสงดาวด้วย แต่หากเจ้านางเลือกที่จะไปอยู่กับเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ คำครหาต่าง ๆ ก็จักหมดไป แม้นเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์จักไม่รับรองความปลอดภัยของคำแสนแต่เจ้านางก็เชื่อว่าพระยาศรีพิพัฒน์คงจักไม่ทำอันใดอ้ายคำแสนถึงแก่ชีวิตแน่นอน
"ถ้าน้องเลือกอย่างที่สอง แล้วอ้ายคำแสนเล่าเจ้า? เจ้าพี่" เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ แลน้ำตาคลอเบ้า
"เจ้าคิดว่าพี่ควรจักทำเยี่ยงใดดีกับชายผู้พาคู่หมายของพี่หนีเล่าเจ้า?" น้ำเสียงเยือกเย็น แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้มท้าทาย ทำให้เจ้านางละอองดาว ถึงกับหวาดกลัว
"ข้าเจ้ามิรู้อันใดเลยเจ้า..เจ้าพี่"
"หึๆๆๆ เช่นนั้นพี่จักไว้ชีวิตมัน แต่จักตัดแขนมันข้างนึง ขามันข้างนึง ให้มันตายทั้งเป็น ชั่วชีวิตนี้มันจักได้ไม่พาหญิงคู่หมายของผู้ใดหนีได้อีกดีหรือไม่? น้องนางละอองดาวของพี่?"
"อย่า!!! อย่าทำเช่นนั้นเลยเจ้า เจ้าพี่ น้องไหว้สาเจ้าน้องกราบเจ้า อย่าทำเยี่ยงที่เอ่ยวาจาออกมาเลยหนาเจ้า..เจ้าพี่ น้องขอสูมาเจ้า..เจ้าพี่ต้องการอันใด น้องจักทำตามทุกอย่างเจ้า น้องจักไม่ดื้อกับเจ้าพี่อีกแล้วได้โปรดเจ้า..เจ้าพี่ อย่าทำอันใดกับอ้ายคำแสนเลยหนาเจ้า ฮือๆๆ"
เจ้านางละอองดาว เห็นสายตาที่จริงจังของพระยาศรีพิพัฒน์ก็ยิ่งทำให้ขลาดกลัวเป็นอย่างมาก กลัวว่าพระยาศรีพิพัฒน์จักตัดแขนตัดขาอ้ายคำแสน เจ้านางก้มลงกราบเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ทั้งน้ำตา คุกเข่าลงทัั้งไหว้ทั้งกราบ มือเรียวเอื้อมกอดขาอ้อนวอนขอชีวิตให้กับอ้ายคำแสน
"เยี่ยงนั้น ก็ควรจักฆ่ามันเสีย จักได้ไม่ทรมาร ดีหรือไม่?" พระยาศรีพิพัฒน์ย่อตัวลงมาสบตากับเจ้านางละอองดาว เปล่งวาจาออกมาเหมือนเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่น้ำเสียงเยือกเย็นไปถึงขั้วหัวใจเจ้านางรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่คำขู่ แทบจะกรี๊ดออกมา
"ไม่หนาเจ้า!!!!!เจ้าพี่ อย่าทำเยี่ยงนั้นเลยเจ้า เจ้าพี่ น้องขอร้อง น้องกราบเจ้า" เจ้านางก้มลงหมอบกราบแทบเท้าของพระยาศรีพิพัฒน์อีกครั้งหนึ่ง
พระยาศรีพิพัฒน์หัวเราะชอบใจเป็นอย่างยิ่ง
"หึ หึ หึ หึ จับตัวคำปู้จู้มา!!!!!"
