Chapter 9 : ต้องเลือก!!!
เจ้าพี่!!!!..จักทำอันใดเจ้า? น้องไม่ให้จับคำปู้จู้เจ้า!!!!.เจ้าพี่ อย่าเจ้า!!!!"
มือเรียวพยายามยื้อยุดฉุดกระชากบ่าวผู้ภักดีไว้ไม่ให้ถูกจับตัวไป แต่ก็เช่นเดิม ไม่อาจต้านแรงชายฉกรรจ์ทั้งสองคนได้ ชายฉกรรจ์สองในหกคน ย่างสามขุมเข้ามาจับตัวคำปู้จู้ไว้ตามคำสั่งของพระยาศรีพิพัฒน์อย่างรวดเร็ว
"โอ้ย!!!!ปล่อยข้าเจ้า..เจ้า!!!ท่านเจ้าพระยาเจ้า ข้าเจ้ากลัวแล้วเจ้า อย่าทำอันใดข้าเจ้าเลยเจ้า ฮือๆๆๆ" คำปู้จู้ด้วยกลัวความผิด และการถูกลงโทษร้องไห้ตัวสั่นเทา หน้าตาซีดเผือด
"รู้ว่าผิด!!! เหตุใดถึงทำรือ? คำปู้จู้!! เสียแรงที่เติบใหญ่มาด้วยกัน ครั้งนี้หากไม่ลงโทษครั้งหน้าจักต้องทำอีกเป็นแน่แท้!!!"
พระยาศรีพิพัฒน์ตวาดใส่คำปู้จู้เสียงดังจนคำปู้จู้สะดุ้งโหยง ตกใจเป็นอย่างมาก ไม่เคยเห็นพระยาศรีพิพัฒน์เป็นเช่นมาก่อน ครั้งนี้คำปู้จู้คิดว่าตนเองต้องตายเป็นแน่แท้น้ำตาไหลอาบสองแก้มนัยตาพร่ามัวไปหมด
"ข้าเจ้าขอสูมาเต๊อะเจ้า ท่านเจ้าพระยาได้โปรดให้อภัยข้าเจ้าเต๊อะ(เถอะ)ท่านเจ้าพระยาเจ้า ฮือๆๆๆ"
"น้องนางละอองดาว หากพี่ให้น้องนางเลือกน้องนางจักเลือกผู้ใดรือ? ระหว่างไอ้คำแสนบ่าวผู้ไม่มีหัวนอนปลายเท้าผู้นี้ รือ นางคำปู้จู้บ่าวที่เติบใหญ่ในคุ้มพระยานาสมมากับเจ้าคนนี้ น้องนางจักเลือกผู้ใดรือน้องนางละอองดาวของพี่?"
"เจ้าพี่ ข้าเจ้าเลือกมิได้ดอกเจ้า เจ้าพี่ อย่าให้ข้าเจ้าเลือกเลยหนา ชีวิตคนสำคัญนัก เหตุใดต้องฆ่าแกงกันเป็นผักปลาด้วยเล่าเจ้า? เจ้าพี่ปล่อยอ้ายคำแสนกับคำปู้จู้เถิดเจ้า น้องสัญญาว่าน้องจักเชื่อฟังเจ้าพี่ทุกเรื่อง ได้โปรดเถิดเจ้า เจ้าพี่"
"หึ!!! น้องนางละอองดาวของพี่ จักต้องเลือกสักคนหนา" พระยาศรีพิพัฒน์ง้างดาบทำท่าทางจะบั่นคอคำปู้จู้
"หากน้องนางละอองดาวของพี่มิเลือกผู้ใด พี่จักบั่นคอมันทั้งสองเสียตอนนี้หนา"
"อย่าเจ้า!!!!เจ้าพี่อย่าเจ้า!!!!!" เจ้านางละอองดาวรีบเข้าไปขัดขวางพระยาศรีพิพัฒน์ไม่ให้บั่นคอคำปู้จู้
"ฮือๆๆๆ..เจ้านางน้อยเจ้า เจ้านางน้อยอย่าทำเยี่ยงนี้เจ้า ข้าน้อยมิเป็นไรเจ้า ข้าเจ้าผิดเอง ข้าเจ้ายอมรับผิดเจ้า เจ้านางน้อยหลบไปเจ้า ฮือๆๆๆ"
"เยี่ยงนั้น พี่ก็จักบั่นคอไอ้คำแสนเสีย ตายซะ!!!..ไอ้คำแสน"
คำแสนหลับตาปี๋ไม่อยากมองคมดาบที่กำลังเหวี่ยงลงมาที่คอของเขาหันหน้าไปทางขวามือของตน
"เจ้าพี่!!!!อย่าเจ้า!!!!"
เจ้านางละอองดาวกรี๊ดสุดเสียงเมื่อเห็นพระยาศรีพิพัฒน์เงื้อคมดาบขึ้นมาเพื่อที่จะบั่นคออ้ายคำแสน เจ้านางถึงกับเป็นลมล้มพับไปเพราะช็อคสุดขีด
...
เช้าวันต่อมา
"อือ!!.." เจ้านางละอองดาวตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัว ตื้อไปหมด
"เจ้านางน้อยละอองดาวพื้นแล้วเจ้า เจ้าแม่!!" นางศรีที่นั่งเฝ้าไข้เจ้านางละอองดาวอยู่เมื่อเห็นเจ้านางตื่นก็ถึงกับดีใจจนตัวโยน ร้องเรียกเจ้านางแสงดาวเสียงดัง
"จริงรือ..นางศรี? เฮาใจหายใจคว่ำหมด ละอองดาวเป็นอย่างไรบ้างลูก? ดีขึ้นหรือไม่?" เจ้านางแสงดาวผู้เป็นมารดาสาวเท้าจากตั่งอีกฝั่งเข้ามานั่งข้างลูกสาวที่เตียงพร้อมถามไถ่อาการ
"ปวดหัวเจ้า เจ้าแม่ ห๊ะ!!! เจ้าแม่!!! นี่ลูกอยู่ที่คุ้มรือเจ้า? เจ้าแม่!!!"
เอ่ยขึ้นพร้อมพยายามนึกลำดับเหตุการณ์แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผู้เป็นมารดาของตนกำลังมานั่งคุยกับตนอยู่ตรงนี้
"ลูกอยู่ที่คุ้มพระยาศรีพงษ์ศาลูก อย่าเพิ่งพูดอันใดเลย ปวดหัวก็พักเสียก่อนหนา แม่จักไปจัดเตรียมยาแลอาหารมาให้เจ้าหนา"
"ไม่เจ้า!! เจ้าแม่ ลูกไม่อยากพักแล้วเจ้า เจ้าแม่ คําปู้จู้อยู่ที่ใดเจ้า?? ลูกไม่เห็นคำปู้จู้เลยเจ้า แล้วอ้ายคำแสนเล่าเป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้า? เจ้าแม่ตอบลูกมาเถอะหนา เจ้าแม่ได้โปรดเถิดเจ้า"
"คำปู้จู้อยู่ที่คุ้มของเราสบายดีหนาลูก ส่วนคำแสนแม่มิรู้ข่าวอันใดเลย เจ้าพ่อก็ไม่พูดถึง ประเดี๋ยวพระยาศรีพิพัฒน์ก็จักเข้ามาหาลูกแล้วหนา ลูกถามหาความกับพระยาศรีพิพัฒน์เถิดหนาลูก"
เจ้านางแสงดาวลูบผมลูกสาวอย่างเอ็นดูรักใคร่ ตอบคำถามลูกไปตามความจริงเพราะตั้งแต่พระยานาสมกลับมาถึงคุ้มก็เอาแต่ดื่มสุรา ไม่พูดไม่จาอันใดเลย พระยาศรีพิพัฒน์จึงให้นางจัดเตรียมข้าวของ แลบ่าวไพร่คนสนิทสองสามคนให้มาพักอาศัยที่คุ้มพระยาศรีพงษ์ศาสักสี่ซ้าห้าวัน เพื่ออยู่เป็นเพื่อนลูกสาวของนาง ครั้นขึ้นเกวียนมาก็มิมีผู้ใดเอื้อนเอ่ยความอันใด นางจึงไม่รู้อันใดเลยจริง ๆ
"ตื่นแล้วรือ? น้องนางละอองดาวของพี่ นางจวนไปแจ้งลูกขอรับเจ้าแม่ ลูกก็เร่งมาที่นี่เสียประเดี๋ยวนี้เลยขอรับ"
"น้องเพิ่งตื่นประเดี๋ยวนี้เองพระยาศรีพิพัฒน์"
"ขอรับเจ้าแม่"
"แม่จักออกไปหาข้าวหาปลาให้น้องกินก่อนหนา แลจักไปเสวนากับพี่นางทิพย์อาภาเสียหน่อย เห็นบ่าวไพร่มาบอกว่าพี่นางเรียกหาแม่ พระยาศรีพิพัฒน์ก็ดูแลน้องด้วยเถิดหนา"
"ขอรับเจ้าแม่ ลูกจักดูแลน้องนางละอองดาวเป็นอย่างดีขอรับ"
"เจ้าแม่ อย่าทิ้งลูกไปเจ้า" ด้วยความขลาดกลัวในกิริยาท่าทางในครั้งก่อน ทำให้เจ้านางขลาดกลัวพระยาศรีพิพัฒน์เป็นอย่างยิ่ง จึงไม่อยากอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง สองต่อสองได้
"แม่มิได้ไปไหน แค่ออกไปหาสำรับกับข้าว แลไปเสวนากับเจ้าป้าสักประเดี๋ยวเท่านั้น แม่จักรีบกลับมาหนาละอองดาว" จ้าวแสงดาวอธิบายให้ลูกเข้าใจ
"เจ้าแม่ไปเถิดขอรับ ลูกจักอยู่เป็นเพื่อนน้องนางละอองดาวเองขอรับ" พระยาศรีพิพัฒน์พูดแทรกขึ้น
"อืม เช่นนั้นก็ย่อมได้ ประเดี๋ยวแม่จักกลับมาหนา ละอองดาว"
"เจ้า เจ้าแม่" รับคำอย่างว่าง่าย แม้ในใจจะขลาดกลัว แต่ก็ต้องจำใจอยู่เพราะหลบเลี่ยงไม่ได้
เจ้านางแสงดาวพูดเสร็จ ก็ก้าวออกจากประตูไป พระยาศรีพิพัฒน์ก็รีบปิดประตูลงกลอนทันที
"เจ้าพี่จักทำอันใดเจ้า? ปิดประตูลงกลอนเยี่ยงนั้นได้เช่นไรเจ้า?"
"หึ!! พี่มิทำอันใดน้องนางละอองดาวของพี่ดอก พี่ลั่นวาจาไปแล้วหนา ว่าจักให้เวลาน้องนางพี่ก็จักรักษาสัจจะวาจาเช่นกัน"
"ข้าเจ้าขอบอกขอบใจเจ้า..เจ้าพี่" เจ้านางละอองดาวยกมือไหว้พระยาศรีพิพัฒน์
"แต่พี่ขอสัมผัสเจ้าบ้างได้หรือไม่? เยี่ยงไรแล้วพี่ก็จักแต่งงานกับน้องนางละอองดาวเป็นแน่แท้แล้ว"
"สัมผัสเช่นใดเจ้า?" ถามด้วยความฉงนสงสัยด้วยไร้เดียงสายิ่งนัก
"ก็เยี่ยงนี้ไง"
ร่างแกร่งนั่งลงข้างเจ้านางละอองดาวบนเตียง แขนยาวยืดไปโอบกอดเจ้านางทางข้างหลัง สองแขนแกร่งโอบกอดเจ้านางอย่างละมุนอบอุ่น แก้มขวาพิงลงมาที่ศีรษะของเจ้านางอย่างอ่อนโยน ทำให้เจ้านางละอองดาวที่ทั้งตกใจทั้งกลัวในคราแรก ก็คลายกังวลแลอบอุ่นหัวใจขึ้นมากมายเหลือเกิน
"เจ้าพี่!!"
"น้องนางละอองดาวของพี่ มีอันใดคาใจอยากไถ่ถามพี่หรือไม่?" เอ่ยวาจาออกมาพร้อมหลับตาพริ้ม สองแขนโอบกอดเจ้านางละอองดาวไว้
"มีมากมายเลยเจ้า เจ้าพี่"
"ถามมาเถิด พี่จักตอบให้หมดเลยหนา"
"ได้ทุกคำถามจริงหรือเจ้า? เจ้าพี่"
"ได้" ร่างแกร่งโอบกอดไปโยกตัวเบา ๆ ไปด้วย
"เจ้าพี่ จักไม่โกรธน้องใช่หรือไม่เจ้า?"
"ไม่"
"แล้วถ้าถามถึง?.." เจ้านางลังเลเล็กน้อยชั่งใจว่าจะพูดดีหรือไม่
"คำแสนรือ?" เปล่งวาจาออกมาอย่างรู้ทัน
"จะ เจ้า!!" ตอบแบบไม่มั่นใจนักแต่ก็อยากจะรู้ว่าอ้ายคำแสนนั่นจะเป็นตายร้ายดียังไง
"ย่อมได้"
"จริงรือเจ้า เจ้าพี่"
สายตาเป็นประกายหันมามองหน้าพระยาศรีพิพัฒน์สบตาเพื่อต้องการความมั่นใจ
พระยาศรีพิพัฒน์สบตากลับมาพยักหน้าเพื่อยืนยันว่าคำถามนั้นเจ้านางสามารถไถ่ถามได้ รอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้ารูปไข่ที่โค้งได้รูปอีกครั้งเจ้านางละอองดาวซบศรีษะลงไปที่อกกว้างทันที
"เจ้าพี่ อ้ายคำแสนเป็นเช่นไรบ้างเจ้า?"
"แล้วน้องคิดว่าคำแสนจักเป็นเช่นไรรือ?"
"น้องคิดว่า อ้ายคำแสน ถูกเจ้าพี่บั่นคอสิ้นแล้วเจ้า น้องจักถามว่าศพอยู่ที่ใดเจ้า?"
"หึ!! จักไปเคารพศพรือ?"
"ครั้นมีโอกาสก็อยากไปสักคราเจ้า"
"เช่นนั้นเมื่อถึงเพลาพี่จักเป็นคนพาน้องนางละอองดาวของพี่ไปหนา"
"เจ้า เจ้าพี่"
แม้จะเศร้าอยู่บ้างที่คำตอบออกมาไม่เป็นไปดังที่ภาวนาในใจไว้ แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนชะตาได้ เจ้านางจึงเลือกที่จะเก็บงำความเศร้าแสนสาหัสนี้ไว้
"มีอันใดจักถามอีกรือไม่? ไม่ถามถึงคำปู้จู้รือ?"
"เจ้าแม่บอกแล้วเจ้าว่าคำปู้จู้อยู่ที่คุ้มเจ้าพ่อเจ้า สบายดีมิได้ถูกเจ้าพี่บั่นคอเจ้า"
"หึ!! ในสายตาน้องนาง พี่ร้ายขนาดนั้นเลยรือ?"
"เจ้าพี่ จักให้เวลาน้องสามปีจริงหรือเจ้า? เจ้าพี่จักไม่ทำอันใดน้องจริง ๆ ใช่หรือไม่เจ้า?" ไม่ตอบคำถาม แต่ถามคำถามที่ต้องการคำตอบที่ชัดเจน
"พี่จักไม่ล่วงเกินเจ้ามากไปกว่านี้ดอกพี่สัญญา"
สบตาเจ้านางละอองดาวอีกครั้ง วาดรอยยิ้มที่อบอุ่นละมุนบนใบหน้าแทนคำสัญญาที่เปล่งวาจาออกไป
"ขอบอกขอบใจเน้อเจ้า เจ้าพี่ แลเจ้านางเพียงฟ้าล่ะเจ้า เจ้าพี่? เจ้านางจักว่าเยี่ยงไร หากน้องเข้ามาอยู่ในคุ้มของเจ้าพี่นั้นไซร้?"
"มิเป็นไรดอกหนาเจ้า เจ้านางเพียงฟ้าจักไม่มายุ่งกับน้องดอก"
"แล้วน้องต้องมาอยู่ในคุ้มกับเจ้า...?"
"ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป"
ร่างแกร่งกระซิบแทรกขึ้นมาทั้ง ๆ ที่เจ้านางพูดยังไม่ทันจบ มือหนาคลายแขนตนออก ให้เจ้านางกึ่งนั่งกึ่งนอน ปากนุ่มประกบเข้าไปที่ปากบางอย่างอ่อนโยน นุ่มนวล เจ้านางละอองดาวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตาโตกลมเบิกขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว
