2 - ช้ำอก
ชีวิตแต่งงานของมะลิลาในแต่ละวันช่างยาวนานเหลือเกิน ตอนนี้ก็ได้เดือนกว่าแล้วที่เธอและพัดยศแต่งงานกัน เขาไม่เคยกลับมานอนที่บ้านเลยสักครั้งตั้งแต่วันนั้นตอนเช้าที่ออกไป แม้แต่โทรหาก็ไม่เคยโทรหาสักครั้ง และมะลิลาก็รู้ดีว่าการแต่งงานระหว่างตัวเองและชายหนุ่มเป็นการแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรัก ซึ่งไม่ใช่กับเธอ แต่เป็นเขามากกว่า เขาไม่เคยรักและชายตามองเธอแบบผู้หญิงทั่วไปสักครั้ง เขาให้เธอเป็นลูกสาวผู้มีพระคุณที่อยู่บนหิ้ง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูหน้าห้องเรียกดึงสติที่หลุดลอยไปของมะลิลากลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่เพิ่งแต่งตัวแต่งหน้าอ่อนๆ เสร็จไปเปิดประตู
แอค!
“พี่หิน”
“ออกไปข้างนอกกันเถอะ วันนี้พี่ว่างจะพาหอมออกไปซื้อของและดูหนัง”
เกือบหนึ่งเดือนที่น้องเขยไม่กลับมาค้างที่บ้านตั้งแต่ที่ออกจากบ้านไปในเช้าวันนั้น ซึ่งพ่อของเขาเองก็เครียดเหมือนกัน เพราะเป็นห่วงจิตใจของมะลิลาที่นับวันเศร้าหมอง ใบหน้าที่เคยมีชีวิตชีวาของมะลิลาก็ซูบผอมซีดเซียวเหมือนคนป่วย กับข้าวกับปลาก็แทบจะไม่แตะ หรือถ้ากินก็แค่คำสองคำ
“ค่ะ เดี๋ยวหอมไปหยิบกระเป๋าแป๊บนะคะพี่หิน” เธอส่งยิ้มขมๆ ให้พี่ชายแล้วเดินกลับไปในห้อง ส่วนหัสดินก็ได้แต่กำมือแน่นเก็บความโกรธไว้ในอก นานเกือบเดือนที่มะลิลาไม่ได้ยิ้มออกมาจากใจ ยิ้มที่เห็นทุกวันก็เป็นยิ้มขมขื่นที่พยายามแสร้งยิ้มออกมาให้ทุกคนเห็นเท่านั้น
พัดยศใช้ชีวิตปกติทั้งๆ ที่ตัวเองมีพันธะ แต่ก็ยังทำตัวปกติ เพราะเขาไม่เคยคิดจะใช้ชีวิตกับมะลิลาไปจนแก่เฒ่าอยู่แล้ว แต่คนที่เขาจะอยู่ด้วยและอยากให้อุ้มท้องลูกของเขาคือเพณิตา ผู้หญิงที่เขารักและคบกันมานานหลายปี ปีนี้เป็นปีที่เจ็ด ซึ่งวางแผนจะแต่งงานกัน แต่ก็ต้องหยุดแพลนนั้นเมื่อเขาได้พลาดพลั้งไปแตะต้องลูกสาวของผู้มีพระคุณ
“พี่ยศขา”
“ครับกี้”
“กี้อยากได้กระเป๋าใบใหม่ค่ะ” เธออ้อนแฟนหนุ่มแม้ว่าเขาจะแต่งงานมีเจ้าของแล้วก็ตาม เธอรู้ดีว่าพัดยศไม่ได้เต็มใจแต่งงานกับมะลิลาและพัดยศก็สัญญากับเธอว่าจะหาจังหวะ ‘หย่า’ กับเด็กนั่นภายในปีนี้แล้วมาแต่งงานกับเธอตามแพลนเดิมที่วางไว้
“เหมาะกับที่รักมาก แล้วมันเท่าไหร่ฮึ” เขาถามพร้อมกับลูบแก้มเนียนที่เอนซบไหล่หนาตัวเอง
“แสนห้าเกือบแสนหกค่ะ แต่เดือนที่แล้วพี่ยศก็ซื้อให้กี้ไปแล้ว เดือนนี้กี้ไม่เอาดีกว่าค่ะ ถึงจะอยากได้มากก็ตาม” เธอบอกเขาเสียงเศร้าและเป็นวิธีที่ใช้กับพัดยศมาตลอดและมันก็ได้ผล เขาไม่มีทางยอมให้เธอเสียใจไม่ว่าเรื่องอะไร กระเป๋าใบนี้ก็เช่นกัน เขาซื้อให้เธอแน่นอน เพราะเขา ‘รัก’ เธอ ไม่งั้นไม่ทิ้งภรรยามาอยู่กับเธอทั้งๆ ที่แต่งงานกันแค่วันเดียวหรอก จนตอนนี้ก็ยังไม่กลับไปให้ภรรยาเจอหน้า
“พี่เคยบอกกี้แล้วไง ว่าไม่ว่าอะไรก็ตามที่กี้ต้องการ พี่ยศจะหามาให้และอยากได้อะไรพี่ก็จะซื้อให้ กี่บาทพี่ก็จ่ายไหว” พูดจบเขาก็จับมือเล็กนุ่มนิ่มขึ้นมาจุมพิต
“ขอบคุณพี่ยศนะคะ กี้รักพี่นะคะ”
“พี่ก็รักกี้” ทั้งสองบอกรักกันแล้วพัดยศก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานช้อนอุ้มร่างเล็กระหงของเธอพาเดินไปยังโซฟาที่ใช้เป็นที่แสดงความรักของเขาและเธอเป็นประจำยามอดใจไม่ไหว แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร เพณิตาก็ยกมือดันร่างหนาห้ามไว้ก่อน
“เราต้องรีบไปซื้อกระเป๋ากันนะคะ เขานำเข้ามาไม่เยอะค่ะที่ไทยเรา เดี๋ยวคืนนี้กี้ให้ดอกเบี้ยพี่ยศนะคะ” เธอบอกเขาพร้อมกับลูบไล้ริมฝีปากหนาสีเข้มจากการดูดบุหรี่ของเขาแล้วก็นำมือที่ลูบริมฝีปากหนามากัดเม้มยั่วยวน
“หืม! กี้อย่ายั่วพี่แบบนี้ พี่ทรมาน” เขาบอกเธอแล้วดึงมือน้อยมาลากลิ้นเลีย
“ทรมานเพราะกี้มากขนาดนั้นเลยเหรอคะ” หล่อนถามเสียงยั่ว
“มากทูนหัว ตอนนี้พี่แข็งจนปวดไปหมด”
“อือ...ทำไงดีคะ กี้ต้องไปซื้อกระเป๋านะคะพี่ยศ”
“งั้นใช้ปากให้พี่นะ ขอแค่ห้านาทีได้ไหมที่รัก ห้านาทีแล้วเราก็ไปซื้อกระเป๋ากัน”
เพณิตายกยิ้มแล้วพยักหน้าตอบตกลงพร้อมกับที่พัดยศเปลี่ยนจากที่คร่อมทับร่างน้อยไปนั่งอิงพนักโซฟา แล้วเพณิตาก็เคลื่อนตัวไปนั่งคุกเข่าแทรกกลางหว่างขาแข็งแรงของพัดยศกับพื้นพรมของห้องแล้วจัดการปลดกระดุมกางเกงแล้วรูดซิปกางเกงล้วงมือเข้าไปในกางเกงนำความใหญ่โตอุ่นร้อนออกมาด้านนอกแล้วก้มซุกหน้าใช้ปากครอบครองกลืนกินความเป็นบุรุษของชายหนุ่ม แล้วเสียงครางซ่านก็ดังลอดออกมาจากปากหนาของพัดยศเมื่อหญิงคนรักกำลังปรนเปรอเขาด้วยปากและลิ้นร้อน
มะลิลาออกมาข้างนอกกับพี่ชาย ระหว่างรอดูหนังตามเวลาที่จองตั๋วไว้ก็เดินซื้อของช้อปปิ้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า โดยมีหัสดินพี่ชายเป็นคนจ่ายให้
“กระเป๋าใบนี้สวย เอาไหม พี่ซื้อให้” หัสดินถามน้องสาวที่จับกระเป๋าใบหรูคอลเลกชันใหม่ที่เพิ่งเข้ามาไทยวันนี้แล้ววาง
“ไม่รู้จะสะพายไปไหน หอมไม่เอาดีกว่าค่ะพี่หิน ที่พี่กับพ่อซื้อให้หอมก็ยังไม่ได้ใช้ตั้งหลายใบ” เธอวางกระเป๋าในมือลงและมีคนมาหยิบขึ้นต่อจากเธอทันที
“พี่ยศขา สวยไหมคะ” เสียงเล็กแหลมดังขึ้นพร้อมกับหันไปโชว์กระเป๋าในมือให้แฟนหนุ่มตัวเองดู และมะลิลากับหัสดินก็มองตามไปทางผู้ชายที่ผู้หญิงคนนั้นเรียก
“ไอ้ยศ!” พัดยศยังไม่ทันได้พูดตอบอะไรแฟนสาวกลับมา เสียงเข้มห้วนของหัสดินก็ดังขึ้นแทรกตัดหน้าพร้อมกับเดินสาวเท้ายาวๆ ตรงไปหาอีกฝ่าย และมะลิลาก็รีบเดินตามพี่ชายไป ส่วนเพณิตาที่รู้อยู่แล้วว่ามะลิลาคือใครก็ได้แต่ยืนอยู่กับที่แล้วหันไปส่งกระเป๋าในมือให้พนักงานใส่กล่องให้ตัวเองแล้วเดินดูกระเป๋าใบอื่นต่อ ไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรกับแฟนหนุ่มตัวเอง
“ไอ้หิน คุณหอม” พัดยศเรียกชื่อทั้งสองที่เดินมาหยุดตรงหน้าตัวเอง ส่วนหัสดินก็จับคอเสื้อของเขายกขึ้น
“พี่หินปล่อยคุณยศก่อนค่ะ” มะลิลาดึงมือพี่ชายออกจากคอเสื้อของสามี หัสดินถอนหายใจแล้วยอมทำตามที่น้องสาวบอกเมื่อสบตาอมทุกข์ของน้องก็ไม่กล้าจะอัดหมัดหนักๆ เข้าหน้าเย็นชาของพัดยศ
“คุณยศมาซื้อของเหรอคะ” ทั้งๆ ที่รู้ว่าสามีมากับแฟนสาว เพราะเธอเคยเห็นเธอคนนั้นสองสามครั้งแล้ว แต่ก็แสร้งยิ้มถามอีกฝ่ายเหมือนว่าไม่ได้รู้สึกอะไรที่เห็นพัดยศมากับเพณิตา
“พากี้มาซื้อกระเป๋าครับ คุณหอมล่ะ มาซื้อกระเป๋าเหมือนกันเหรอครับ” พัดยศยังคงขีดเส้นระหว่างเธอและเขาเสมอ
“พี่หินพามาดูหนังค่ะ และซื้อของด้วย” เธอบอกสามีพร้อมมองตามสายตาของเขาที่มองไปทางแฟนสาวของเขาที่กำลังเดินเลือกซื้อกระเป๋าอยู่แล้วพูดต่อ “พี่หินนี่ก็ใกล้ได้เวลาดูหนังแล้วนะคะ เราไปกันเถอะ” เธอเกาะแขนพี่ชายและดึงกระตุกให้เดินออกจากร้านกระเป๋า
“ไอ้ยศ กูรู้ว่ามึงไม่ได้อยากแต่งงานกับน้องสาวกู แต่มึงก็แต่งงานกับหอมแล้ว กรุณามีความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย มึงไม่ใช่แค่สามีตีทะเบียน แต่มึง...อย่าให้กูพูดเลยว่ายังไง มึงก็รู้ดีว่าทำไมมึงถึงต้องแต่งงานกับยัยหอม และผู้หญิงคนนั้นน่ะ มึงคิดเหรอว่าหล่อนจริงใจกับมึง คิดเหรอว่าหล่อนรักมึงจริง ที่หล่อนรักมึงตอนนี้เพราะมึงมีเงินเท่านั้นแหละไอ้ยศ ถึงวันนี้กูอยากต่อยหน้ามึงมากแค่ไหนก็ตาม แต่กูจะอดทนไว้เพราะยัยหอมห้ามไว้” หัสดินพูดก่อนจะเดินตามแรงกระตุกดึงของน้องสาวออกไปจากร้าน
“ไปนะคะคุณยศ” มะลิลาบอกสามีเสียงเบาแล้วควงแขนพี่ชายเดินออกจากร้าน
พัดยศมองตามร่างเล็กของภรรยาที่เดินออกไปจากร้านกระเป๋ากับพี่ชายแล้วหันไปมองทางแฟนสาวตัวเองพร้อมคิดถึงคำพูดของหัสดินไปด้วย แปลก...ทำไมเขาถึงรู้สึกสงสารเจ็บหน่วงในอกเมื่อได้เห็นดวงตาที่เศร้าหมองอมทุกข์ของมะลิลา และใบหน้าที่ซูบผอมนั่นอีก เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ แล้วก็ต้องรีบสลัดความรู้สึกหน่วงในอกทิ้งเมื่อเพณิตาเรียกให้ไปช่วยดูกระเป๋า
“จะกลับไหมหอม” พอเดินออกมาจากร้านกระเป๋า หัสดินก็ถามน้องสาว
“กลับทำไมคะ เรายังไม่ได้ดูหนังกันเลย” มะลิลาเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มหม่นๆ ให้พี่ชาย
“หอมเป็นน้องสาวพี่นะ พี่รู้ว่าตอนนี้หอมรู้สึกยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ และผู้หญิงคนนั้น...” หัสดินยังพูดไม่จบ
“พี่หินกับพ่อเลิกเห็นหอมเป็นเด็กสักทีเถอะค่ะ หอมโตแล้วนะคะ เรียนจบมหา’ลัยแล้ว ให้หอมได้คิดและตัดสินใจเองได้ไหมคะ แล้วหอมก็ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น หอมรู้ค่ะว่าคุณยศไม่ได้รักหอมและไม่ชอบหอม และหอมก็พร้อมจะหย่าให้เขา แต่ขอเวลาอีกหน่อย เพราะเพิ่งแต่งงานกัน ยังไงหอมก็จะคืนอิสระให้เขาค่ะ หอมไม่อยากอยู่แบบนี้ เข้าใจหอมนะคะ หอม...” แล้วเธอก็หยุดพูดไปเสียดื้อๆ
“พี่กับพ่อรู้ว่าหอมโต แต่พี่กับพ่อก็ยังห่วง ห่วงเพราะรู้ว่าหอมรักไอ้ยศมัน พ่อกับพี่รู้มาตลอดว่าเราแอบชอบไอ้ยศมัน”
“หอมกำลังพยายามตัดใจค่ะ และหอมก็คิดว่าดีเหมือนกันที่เขาแยกไปอยู่ข้างนอกแบบนี้ มันทำให้หอมรู้จุดยืนของตัวเองว่าไม่ว่าวันนี้หรืออนาคต คุณยศก็ไม่มีวันมองหอมเป็นคนรักได้ เพราะหอมไม่ใช่สำหรับเขาตั้งแต่แรกแล้ว” เธอบอกพี่ชายอย่างเข้มแข็งทั้งๆ ที่ความจริงแล้วตัวเองนั้นอยากจะร้องไห้ออกมา แต่มะลิลาก็ไม่อยากทำให้พี่ชายเป็นห่วงจึงได้แต่กลืนก้อนสะอื้นเก็บไว้ในอก
หัสดินรู้ดีว่าน้องสาวตัวเองนั้นกำลังเจ็บปวด เมื่อมะลิลาพูดออกมาแบบนี้แล้วเขาก็ไม่พูดอะไรต่อ เดินจับจูงมือน้องสาวพาไปยังทางโรงหนังเพื่อดูหนังที่ซื้อจองตั๋วไว้ก่อนหน้านี้