บท
ตั้งค่า

รอข้าได้หรือไม่ ?

บทที่ 3 รอข้าได้หรือไม่ ?

ท้องพระโรง

หลังจากที่องค์ชายเซียวอี้เดินออกไป ฝ่าบาทได้ถามใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางที่เขาเข้ามาหาในยามนี้เพราะมีเรื่องอะไร

"ใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางท่านมาเข้าเฝ้าข้าเพราะเรื่องอันใดกัน "

"ทูลฝ่าบาทขออภัยที่กระหม่อมบุ่มบ่ามเข้ามาโดยไม่ได้ให้ขันทีแจ้งฝ่าบาทแถมยังเข้ามาในยามที่ฝ่าบาทกำลังสั่งสอนองค์ชายเซียวอี้แต่ทว่ากระหม่อมมีเรื่องสำคัญที่ต้องรีบมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทที่ทูลเรื่องสำคัญด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ" ใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางคุกเข่าลงมือประสานกันอยู่กลางอกก้มหน้าเพื่อกราบทูลเรื่องที่ตนมา

"ลุกขึ้นมาเถิดแล้วรีบแจ้งเรื่องที่เร่งด่วนให้ข้าฟัง"

"เรื่องของชายแดนฝั่งทิศเหนือพ่ะย่ะค่ะ บัดนี้ทหารได้เข้ามาแจ้งว่าฝั่งตรงข้ามกำลังก่อสงครามเพื่อแย่งชิงพื้นดินที่ทำกินและอยากขยายอาณาเขตของตนเอง เรื่องนี้เราจะชักช้ามิได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นเราอาจะเสียต้นน้ำได้และอาจจะทำให้ชาวบ้านที่ทำนาและพืชผักรับผลกระทบพ่ะย่ะค่ะ " ทันทีที่ได้ยินคิ้วของฝ่าบาทขมวดเข้าหากันอย่างกังวลเพราะหากเสียพื้นที่ตรงนั้นไปจริง ๆ แคว้นของเขาต้องรับความทุกข์ยากเป็นแน่

"เฮ้อ ! เพราะข้าเห็นว่าทั้งสองแคว้นยังพอมีทางปรองดองกันแต่ในเมื่อฝั่งนั้นริเริ่มก่อสงครามข้าเองก็คงไม่ปล่อยไว้ เช่นนั้นเจ้าจงสั่งให้แม่ทัพเซ่อเจาหยางรีบเดินทางไปช่วยทหารที่อยู่ทิศเหนือรับมือ หากครั้งนี้แม่ทัพสามารถพาชัยชนะกลับมาข้าจะมอบรางวัลและจัดงานเลี้ยงฉลองให้อย่างยิ่งใหญ่ " สิ้นเสียงของฝ่าบาทใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางยิ้มอย่างดีใจ

"น้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ " หลังจากหารือและรับคำสั่งของฝ่าบาทใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางได้เดินทางกลับเรือนเพื่อนำพระราชโองการคำสั่งของฝ่าบาทมามอบให้แก่เจาหยางบุตรชายของเขา

ย๊าก ! ย๊าก ! เสียงการประลองฝีมือของเซ่อเจาหยางกับเหล่าทหารนับสิบคนที่กำลังรุมเขาเพียงผู้เดียวแต่ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ จนการต่อสู้จบลงเซ่อเจาหยางยื่นมือให้ทหารของตนลุกขึ้นพร้อมตำหนิเล็กน้อย

"ฝีมือพวกเจ้าตกต่ำกว่าเมื่อก่อนยิ่งนักหากเป็นเช่นนี้จะชนะศัตรูได้อย่างไร ขนาดข้าเพียงผู้เดียวพวกเจ้ายังล้มข้ามิได้ "

"ท่านแม่ทัพนั้นเก่งกาจไม่ว่าผู้ใดในใต้หล้าคงมิอาจจะประลองฝีมือกับท่านได้ เช่นนั้นต่อให้พวกข้าทั้งสิบก็คงล้มท่านมิลงแต่ทว่ากับข้าศึกฝ่ายตรงข้ามนั้นพวกข้าขอสู้มิยอมแพ้ขอรับ" ท่านรองแม่ทัพได้เอ่ยขึ้น

"ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าจงอย่าได้ประมาท เอาละไปพักเถิดวันนี้ฝึกกันมานานมากแล้ว" เซ่อเจาหยางบอกกับทหารทุกคนก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้ศาลาที่ตั้งอยู่ในจวน

"เจ้าแข็งแกร่งสมเป็นบุตรชายของข้าเสียจริง"

"ท่านพ่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ขอรับ "

"ข้าพึ่งกลับมาจากวังหลวงเมื่อครู่ และมีสิ่งหนึ่งที่ข้าจะมอบให้เจ้า" ใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางยื่นพระราชโองการให้กับเจาหยางเขานั่งลงคุกเขาลงกับพื้นหนึ่งข้างน้อมรับพระราชโองการก่อนจะเปิดอ่าน เมื่อได้อ่านพระราชโองการจึงได้หันไปมองใบหน้าท่านพ่อด้วยความสงสัย

"เกิดสงครามหรือ? เหตุใดทหารของข้าถึงไม่ส่งข่าวมา"

"เพราะคนของเจ้าน่าจะถูกฝ่ายตรงข้ามจัดการเสียแล้วล่ะ โชคดีที่ข้ายังพอมีเส้นมีสายฝั่งนั้นคงวางแผนมิให้เรื่องนี้มาถึงหูของฮ่องเต้เพื่อจะได้ยึดครองโดยง่าย เจ้ารีบเรียกกองกำลังของเจ้าเดินทางไปรับมือช่วยเหลือเถิด หากเจ้ารับชัยชนะกลับมาฝ่าบาทจะประทานรางวัลให้แก่เจ้าและจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองให้อย่างสมเกียรติ " เจาหยางยิ้มกริ่มพร้อมเอ่ยถามผู้เป็นบิดา

"หากข้าชนะกลับมารางวัลที่ข้าอยากได้คืออะไรก็ได้หรือขอรับ"

"ใช่นะสิ ! เจ้าทำคุณงามความดีไม่ว่าอันใดที่เจ้าต้องการฝ่าบาทประทานให้เจ้าได้ทุกอย่าง " เจาหยางยามนี้คิดถึงเพียงใบหน้าหวานหยดย้อยของสตรีที่อยู่ในใจของเขา หากเขาชนะศึกมาครานี้เขาจะทูลขอฝ่าบาทให้ประทานขอนางเพื่อมาเป็นฮูหยินของตน

"เช่นนั้นข้าจะเรียกกองกำลังเพื่อเดินทางโดยเร็วที่สุดท่านพ่อไม่ได้เป็นห่วงศึกครานี้ข้าจะทำให้ท่านภูมิใจอีกครา" เอ่ยจบเจาหยางหันหลังเดินกึ่งวิ่งไปหาเหล่ากองกำลังเพื่อจัดเตรียมออกเดินทางเมื่อเขาแจ้งทุกคนเสร็จสิ้นก่อนจะออกเดินทางจึงไปหาสตรีที่เขาจะทูลเป็นของรางวัลเพื่อขอกำลังใจและให้คำมั่นสัญญาแก่นาง

เรือนใต้เท้าหวังอี้เฉิน

สตรีงามใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือ คิ้ววาดคล้ายจันทร์ครึ่งเสี้ยว ดวงตาหงส์เนินแก้มอ่อนช้อยนับเป็นโฉมสะครวญหยาดฟ้ามาดินผู้หนึ่ง ผิวขาวผ่องดุจหิมะตัดกับเส้นผมดำสนิทราวน้ำหมึก ยื่นมือเรียวงามไปด้านหน้ายืนนิ่งรอใบไม้ที่กำลังเคลื่อนไหวตามแรงลมกำลังล่วงสู่พื้นกระทบมือของนาง สาวใช้ข้างกายที่คอยตามรับใช้มองดูคุณหนูของตนอย่างชื่นชมไม่ว่าจะมองมุมใดช่างเป็นสตรีที่งดงามไร้ที่ติ

"จื่อหลินวันนี้ลมกำลังดี ข้าอยากออกไปเดินเล่นที่สวนหลังเรือน" น้ำเสียงกังวานใสราวธารน้ำเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มอย่างนุ่มนวล

"ได้เจ้าค่ะ ข้าจะไปนำร่มมากางให้คุณหนูนะคะแม้ว่าลมเย็นแต่แสงแดดก็แรงเช่นกัน "

"เช่นนั้นข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่แล้วกันเจ้ารีบไปนำร่มมาเถิด "

"เจ้าค่ะ " จื่อหลินกล่าวบอกพลางหันหลังเดินกลับไปที่ห้องของคุณหนูเพื่อไปนำร่ม

สตรีที่งดงามนางนี้คือหวังลั่วเออร์ บุตรสาวเพียงผู้เดียวของใต้เท้าหวังอี้เฉินมีนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน ถูกสอนสั่งมาเป็นอย่างดีและนางเองก็คือสตรีเจ้าของหัวใจของท่านแม่ทัพเจาหยาง ทั้งสองครองรักกันมาถึงสองปี เพื่อทำตัวให้คู่ควรกับท่านแม่ทัพอย่างเจาหยาง แต่ละวันลั่วเออร์ต้องเรียนรู้การเป็นฮูหยินและหน้าที่ต่าง ๆ เพื่อให้เพรียบพร้อม

"คุณหนูขอรับ ยามนี้ท่านแม่ทัพมาขอเข้าพบคุณหนูอยู่ที่หน้าเรือนขอรับ ท่านใต้เท้าไม่อยู่คุณหนูให้ท่านแม่ทัพเข้าพบหรือไม่ขอรับ?" บ่าวรับใช้ที่คอยยืนเป็นยามหน้าเรือนรีบวิ่งเข้ามาถามคุณหนูเพื่อขอความเห็น ลั่วเออร์ได้ยินว่าผู้ใดมาหารอยยิ้มของนางปรากฎขึ้นบนใบหน้า

"เจ้าไปเรียนท่านแม่ทัพให้เข้ามาเถิดแล้วบอกให้มาหาข้าที่นี่ ข้ากำลังจะไปเดินรับลมที่สวนหลังเรือนพอดี "

'ขอรับคุณหนู " บ่าวรับใช้น้อมรับคำสั่งก่อนจะหันหลังเดินกึ่งวิ่งไปแจ้งท่านแม่ทัพอย่างเร่งรีบ

ไม่นานนักเจาหยางได้เดินเข้ามาในเรือนเพื่อตรงไปหาสตรีที่เขาหวนคำนึงหาทุกคืนวัน เพียงแค่เห็นใบหน้าของนางใจของเขาก็เต้นระรัว รอยยิ้มของนางยังคงสดใสเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

"ลั่วเออร์คารวะท่านแม่ทัพ"

"เจ้าไม่เห็นต้องทำถึงเพียงนี้ข้าหาใช่คนอื่นคนไกล "

"นานเท่าไหร่แล้วนะที่ลั่วเออร์ไม่ได้พบหน้าท่าน ใบหน้าท่านดูซูบผอมไปนะเจ้าคะ" ลั่วเออร์เห็นใบหน้าของคนรักที่ไม่เหมือนเดิมจึงเกิดเป็นห่วง

"เพราะช่วงนี้ข้าต้องฝึกทหารทุกวัน ลั่วเออร์ข้ามีเรื่องมาแจ้งแก่เจ้าขอเวลาเพียงไม่นานเพราะข้าไม่มีเวลามากแล้ว ที่ข้ามาหาเจ้าวันนี้เพราะมีเรื่องสำคัญจะมาแจ้งเจ้า" เจาหยางคว้ามือของลั่วเออร์มาจับไว้ดวงตาของเขาจ้องนางพร้อมเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ จนลั่วเออร์ต้องคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย

"ท่านแม่ทัพมีเรื่องอันใดจะแจ้งหรือเจ้าคะ เหตุใดใบหน้าของท่านถึงได้จริงจังเช่นนี้"

"ลั่วเออร์ฟังข้าให้ดี วันนี้ข้าจะออกเดินทางไปช่วยทหารที่อยู่ชายแดนทิศเหนือ คงต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะกลับมาหาเจ้า แต่เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลหากเมื่อไหร่ที่ข้ากลับมาครานั้นข้าจะทูลขอให้ฝ่าบาทประทานงานมงคลให้เราทั้งสอง และฝ่าบาทเองก็ทรงรับปากหากข้ารับชัยชนะกลับมาไม่ว่าข้าต้องการสิ่งใดฝ่าบาทย่อมประทานให้ข้าทุกอย่าง เจ้าช่วยรอข้าได้หรือไม่?" ลั่วเออร์ยืนนิ่งราวกับทุกสิ่งทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหว เจาหยางเพิ่งจะกลับมาจากสนามรบไม่เท่าไหร่ต้องกลับไปอีกแล้วจะไม่ให้นางอดเป็นห่วงได้อย่างไร ทุกครั้งที่เจาหยางออกไปสนามรบไม่มีคืนใดที่นางจะนอนหลับสนิทเพียงหลับตาก็หวนคิดถึงใบหน้าของเจาหยางที่เต็มไปด้วยเลือดในสนามรบ

"ทำไมเจ้าคะ ท่านไม่ไปไม่ได้หรือ "

"ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้า แต่ว่าข้ามิอาจขัดพระราชโองการของฝ่าบาทได้ ข้าเป็นท่านแม่ทัพที่แข็งแกร่งเจ้าเองก็รู้มิต้องเป็นกังวล ข้าสัญญาว่าจะไม่ให้ตนเองได้รับบาดเจ็บและจะพยายามทำให้สนามรบครั้งนี้สิ้นสุดในเร็ววัน ข้าจะได้กลับมาหาเจ้าเร็ว ๆ " ลั่วเออร์สั่นไหวไปทั้งร่างกาย การออกรบเสมือนพาชีวิตวิ่งเข้าหาสู่ความตายจะไม่ให้นางเป็นห่วงเขาได้อย่างไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel