บทย่อ
"แม้ว่าองค์ชายจะได้กายหม่อมฉัน แต่ท่านไม่มีทางได้หัวใจ" "ทั้ง ๆ ที่เจ้าเป็นพระชายาของข้าแต่เจ้ายังหวนคิดถึงบุรุษอื่นเช่นนั้นหรือ?หึ ข้าจะทำให้เจ้าลืมมันเอง" "ต่อให้ท่านฆ่าหม่อมฉันให้ตายอย่างไรก็ไม่มีทางลืม" บทนำ เพราะการถูกเปรียบเทียบของฮ่องเต้ที่เป็นท่านพ่อตำหนิต่อว่าเพราะการกระทำของตัวของเขาเอง ทำให้เขาโกรธแค้นเซ่อเจาหยางผู้ที่เคยเป็นสหาย ที่มักจะโดดเด่นเกินกว่าตนจนเขาวางแผนอยากแย่งทุกอย่างที่สหายเก่ามีมาครอบครองและตำแหน่งองค์รัชทายาทที่ฮ่องเต้ต้องการให้เขารับตำแหน่งแม้ตอนแรกเขาจะไม่คิดอยากได้มันแต่เมื่อไปรับรู้อะไรบางอย่างเขาจึงตั้งมั่นจะปกป้องบัลลังก์และไม่ให้ผู้ใดที่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์มาแย่งไป เขาจึงวางแผนแย่งชิงทุกอย่างมาก่อนที่อีกฝ่ายจะลงมือ แต่ทว่าความโชคร้ายที่ไม่ได้ก่อจึงบังเกิดกับหวังลั่วเออร์ บุตรสาวของใต้เท้าหวังอี้เฉินที่เป็นคนรักของสหายเก่าที่ครองรักกันมาหลายปี และมีการหารือกันว่าหากเขากลับมาจากสนามรบครั้งนี้เขาจะให้ท่านพ่อมาสู่ขอและแต่งนางเข้ามาเป็นฮูหยิน แต่ทว่ากลับเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นเมื่อคนที่นางแต่งด้วยมิใช่เซ่อเจาหยางบุรุษที่นางรักแต่กลับเป็นองค์ชายผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเหี้ยมโหดและเสเพล นางทั้งโกรธทั้งเกลียดที่ไม่สามารถขัดคำสั่งพระราชโองการของฝ่าบาทได้ นางเสียใจแต่ต้องเข้าพิธีมงคลกับองค์ชายแต่ทว่านางตั้งมั่นไม่มีทางที่นางจะมอบหัวใจให้กับเขาเพราะหัวใจของนางมีเพียงแต่เซ่อเจาหยางเพียงผู้เดียว
ฎีกาเรื่องขององค์ชายสาม
บทที่ 1 ฎีกาเรื่องขององค์ชายสาม
ภายใต้ท้องพระโรงที่กว้างใหญ่มีฮ่องเต้เป็นประมุขที่ปกครองเหล่าประชา กำลังนั่งอ่านฎีกาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ขันทีรวมทั้งนางกำนัลคอยเหลียวมองจ้องใบหน้ากันด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นอารมณ์ของฝ่าบาทที่กำลังขุ่นมัว ร่างใหญ่ขยับปากเอ่ยออกมาทำให้ท้องพระโรงที่เงียบกริบก้องกังวาน
"ขันทีโจเจ้าไปตามองค์ชายสามมาหาข้าเดี๋ยวนี้ "
ขันทีประจำตัวของพระองค์ขยับกายถอยหลังก่อนจะก้มโค้งคำนับเพื่อรับคำสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาทกระหม่อมจะรีบไปตามองค์ชายสามมาพบฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ" ขันทีโจเอ่ยจบก็ได้เดินออกไปตามองค์ชายสามตามคำสั่ง
ตำหนักหนานฉี
ตำหนักองค์ชายสามหรือองค์ชายเซียวอี้ องค์ชายที่ถือกำเนิดมาจากฮองเฮาเป็นบุตรชายคนรองแถมยังทำตัวไม่เหมาะสมในฐานะองค์ชายแม้แต่น้อย วัน ๆ เขาเอาแต่เที่ยวเล่นอยู่แถวหอคณิกาถนนโคมแดง ร่ำสุราเมรัยมัวเมาในกามจนมีฎีกาที่มักจะถูกส่งเข้ามาเพื่อแจ้งให้ฝ่าบาทได้รับรู้ความเสเพลไม่เอาไหนขององค์ชายสาม เพราะอีกไม่นานฝ่าบาทจะทำการแต่งตั้งให้องค์ชายสามขึ้นเป็นองค์รัชทายาทเพราะองค์รัชทายาทสายตรงหรือองค์ชายที่เกิดจากฮองเฮาบุตรคนชายคนโตมีอาการเจ็บป่วยตั้งแต่กำเนิดเพราะคิดว่าเมื่อเติบโตจะมีอาการดีขึ้นแต่ทว่ากลับมีอาการแย่ลงมากกว่าเดิม ส่วนองค์ชายสองที่เกิดจากนางสนมนั้นหากให้เป็นองค์รัชทายาทจะทำให้เสนาบดีโจมตีเพราะยังมีองค์ชายสามเซียวอี้ที่เป็นองค์ชายที่เกิดจากฮองเฮา ยามนี้มีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นความหวังของฝ่าบาทคือองค์ชายสามถึงแม้จะเสเพลแต่ฝีไม้ลายมือการฟันดาบหรือแม้แต่เล่ห์เหลี่ยมนั้นเขามีมากพอที่จะรับมือจากพวกใต้เท้าได้ มีเพียงอย่างเดียวที่ีเขาต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้คือการเปลี่ยนแปลงนิสัยเพื่อให้พวกใต้เท้ายอมรับว่าองค์ชายสามเหมาะสมกับตำแหน่งรัชทายาท แต่ทว่าเมื่อเขาออกไปเที่ยวได้พบกับใต้เท้าที่ไม่อยากให้เขาขึ้นรับตำแหน่ง จึงเขียนฎีกายื่นให้แก่ฝ่าบาทในการกระทำตัวขององค์ชายสามเช่นนี้หรือคือผู้ที่ฝ่าบาทอยากให้เป็นฮ่องเต้คนต่อไป เรื่องนี้จึงทำให้ฝ่าบาทกลุ้มใจและเคร่งเครียดเมื่อได้อ่านฎีกา ก่อนจะให้ตามองค์ชายสามเพื่อให้เข้ามาพบ
ห้องบรรทม
"องค์ชายตื่นได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดถึงทำตนเช่นนี้" ขันทีประจำตัวขององค์ชายสามได้ปลุกเรียกองค์ชายที่บรรทมไม่ยอมตื่นเสียสี ให้ลุกขึ้นเมื่อยามนี้ขันทีของฝ่าบาทมาตามให้เข้าเฝ้า
"อื้อ ... ข้าขอนอนต่ออีกสักหน่อยเถอะนะเจ้าก็รู้ว่าเมื่อคืนนี้ข้าไม่ได้นอนสักนิด”
"เพราะองค์ชายออกไปเที่ยวเล่นนอกวังเรื่องนี้องค์ชายทำตนเองนะพ่ะย่ะค่ะ หากองค์ชายจะบรรทมจงกลับมาบรรทมหลังจากที่เข้าเฝ้าฝ่าบาทเถอะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ยินมาว่ายามนี้ฝ่าบาทพิโรธมาก หากองค์ชายไม่เข้าพบคงต้องเจอเรื่องใหญ่แน่" สิ้นเสียงของขันทีองค์ชายสามลุกขึ้นใช้มือปัดผมที่ปกบังใบหน้าออกก่อนจะนั่งครุ่นคิด
"ข้าทำเรื่องอันใดให้ฝ่าบาทไม่พอใจอีกนะ...เฮ้อ! ข้าไม่อยากเข้าเฝ้าเลยขันทีลีเว่ยเจ้าไปเข้าเฝ้าท่านพ่อแทนข้าที "
"ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ หากทำเช่นนั้นหัวกระหม่อมไม่อยู่บนบ่าเป็นแน่ องค์ชายรีบเสด็จเถิดพ่ะย่ะค่ะ ยามนี้ขันทีของฝ่าบาทรออยู่ด้านนอก "
"ช่างน่ารำคาญเสียจริง " องค์ชายสามลุกขึ้นจากเตียงนอนกางแขนออกเพื่อให้ขันทีลี่จัดแจงเสื้อผ้าก่อนจะเดินออกไปด้านนอกและเดินตรงไปที่ห้องพระโรงตามคำสั่งของฝ่าบาท แต่เมื่อมาถึงหน้าห้องพระโรงองค์ชายสามได้หยุดเดินและหันกลับไปถามขันทีของฝ่าบาท
"ขันทีโจท่านพ่ออารมณ์เป็นเช่นไร "
"ยามนี้ฝ่าบาทโกรธเกรี้ยวมากพ่ะย่ะค่ะ "
"เรื่องอันใดกันนะที่ทำให้ท่านพ่อพิโรธในวันที่อากาศแจ่มใสเช่นนี้ " เอ่ยจบเขาได้ก้าวเท้าเข้าไปในท้องพระโรง ขันทีจึงตะโกนบอกฝ่าบาทว่าองค์ชายสามมาถึงแล้ว
"องค์ชายสามเสด็จมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ " ฝ่าบาทจ้องใบหน้าขององค์ชายสามด้วยสายตาแข็งกร้าวในมือจับฎีกาแน่น
"ถวายบังคมฝ่าบาท" องค์ชายสามก้มโค้งคารวะฝ่าบาททันทีแต่ทว่ายามนี้ฝ่าบาทโกรธเกรี้ยวจนแทบคุมสติตนเองมิได้ขว้างฎีกาใส่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มขององค์ชายสามที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวจนใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนสี ขันทีนางกำนัลต่างพากันก้มหน้าเงียบในท้องพระโรงเต็มไปด้วยไอความรู้สึกร้อนระอุที่พร้อมระเบิดได้ทุกเวลา
"ท่านพ่อทำเช่นนี้กับข้าทำไมพ่ะย่ะค่ะ " ดวงตาขององค์ชายสามแข็งกร้าวรอยยิ้มกลับกลายเป็นใบหน้าบึ้งตึง ฝ่าบาทใช้มือตบลงที่โต๊ะเสียงดังทำให้ทุกคนที่อยู่ในนั้นต้องสะดุ้งตกใจก่อนจะลุกขึ้นต่อว่าบุตรชายตนเองด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน
"เจ้ามันช่างไร้ประโยชน์ ช่างกล้าถามมาได้เช่นไรว่าเหตุใดข้าถึงทำเช่นนี้ เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกทำตนเช่นนี้เสียทีเสเพลเที่ยวเล่นจนลืมไปแล้วเช่นนั้นหรือว่าตนเองเป็นเชื้อพระวงศ์ " เพียงฝ่าบาทเอ่ยปากมาเท่านั้นองค์ชายสามแสยะยิ้มมุมปากเขารู้ได้ทันทีเลยว่าฎีกาที่กองอยู่บนโต๊ะทำงานของฝ่าบาทนั้นคงเป็นเรื่องของเขาทั้งหมด
"ท่านพ่อข้าก็เป็นเพียงบุรุษ ออกไปเที่ยวเล่นบ้างไม่เห็นจะเสียหายอีกอย่างข้าไม่ได้ทำอันใดเสียเกียรติขององค์ชายเหตุใดท่านพ่อถึงได้พิโรธข้าถึงเพียงนี้ "
"เฮอะ! เจ้ามันช่างเหมือนมารดาของเจ้าเสียจริง เจ้าทำเรื่องอันใดไว้คงจำไม่ได้สินะ เจ้าหยิบฎีกาที่อยู่ตรงหน้าของเจ้ามาอ่านดู และอธิบายให้ข้าฟัง" องค์ชายสามหยิบฎีกาขึ้นมาอ่าน เนื้อความในกระดาษถูกขีดเขียนมาว่าองค์ชายสามไม่คู่ควรที่จะขึ้นเป็นองค์รัชทายาท เพราะทำตนไม่เหมาะสมวัน ๆ ไม่อ่านตำราเรียนรู้การปกครองแต่กลับเที่ยวเล่นอยู่ที่หอคณิกากับโรงเตี๊ยมเมื่อเมามายก็หาเรื่องขุนนางแม้แต่ชาวบ้านเขาก็ไม่ละเว้น เข่นฆ่าอย่างไม่ปราณีหากให้องค์ชายสามขึ้นเป็นองค์รัชทายาทวันหนึ่งหากได้ขึ้นครองบัลลังก์ใต้หล้าหรือแม้แต่วังหลวงคงพังพินาศ เมื่อองค์ชายสามอ่านจบได้โยนฎีกาทิ้งลงพื้นพร้อมจ้องมองใบหน้าของฝ่าบาทอย่างไม่หวั่นไหวหรือเกรงกลัว
"หากท่านพ่อจะเชื่อเช่นนี้จะให้ข้าอธิบายไปทำไมพ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างตำแหน่งองค์รัชทายาทข้าเองก็มิได้ต้องการท่านพ่อมอบตำแหน่งนี้ให้แก่องค์ชายห้าเสียดีกว่า " องค์ชายสามเอ่ยจบโค้งคำนับและเดินหันหลังให้กับฝ่าบาทอย่างไม่สะทกสะท้านแต่ทว่าคำพูดของเขากลับทำให้ผู้เป็นบิดาถึงกลับเกี้ยวโกรธมากกว่าเดิม
"เจ้ามันไม่น่าเกิดมาเป็นบุตรของข้าเลย ตำแหน่งรัชทายาทมิใช่ผู้ใดจะมารับตำแหน่งได้สวรรค์ได้ลิขิตให้เจ้าแล้วแต่เจ้ากลับละทิ้ง ต่อจากนี้ข้าขอสั่งห้ามให้เจ้าออกไปเที่ยวยามวิกาล หากเจ้าไม่เชื่อฟังข้าข้าจะส่งเจ้าไปอยู่ที่ชายแดนติดแคว้นอื่นที่ทุรกันดาน หากเป็นเช่นนั้นเจ้าอาจจะสำนึกได้บ้าง " ฝ่าบาทยื่นคำขาดสุดท้ายให้แก่องค์ชายเขาหยุดเดินเพียงครู่อย่างชะงัก เพราะรู้ดีว่าชายแดนติดแคว้นทุรกันดานนั้นเป็นเช่นไร