ตอนที่ 5 ยกที่ 1 เริ่มได้
เสนาบดีหลางหันไปมองเย่หลิน เขาหยุดเกาเคราแพะน่าเกลียดนั่นได้เสียทีเมื่อหันมามองสบตาบุตรสาวคนโต
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ระหว่างทางเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”
“ลูกถูกคนลอบฆ่าถึงสองครั้งเจ้าค่ะ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!! มันเกิดขึ้นได้เช่นไร”
เสนาบดีหลางตกใจเล็กน้อยและหันไปมองฮูหยินที่นั่งบีบผ้าเช็ดหน้าอยู่ในมือแต่สายตายังมองไปที่เย่หลินไม่วางตากับบุตรสาวที่นั่งไม่นิ่งตั้งแต่เมื่อครู่นี้
“เจ้าค่ะ โจรชั่วนั่นถูกสั่งให้มาฆ่าลูก อีกกลุ่มหนึ่งถูกสั่งให้มา…ทำลายโฉมหน้าของลูก”
“ดังนั้นเจ้าจะบอกว่า!!….ที่ใบหน้าเจ้า”
หลางเย่หลินลุกขึ้นมาและค่อย ๆ เปิดใบหน้าของนางออกให้ทั้งหมดในห้องโถงดู แผลที่ยาวบนใบหน้าของนางนั้นสร้างความตกใจให้กับเสนาบดีหลางเป็นอย่างมากแต่กลับทำให้หลางเสี่ยวหงลอบยิ้มอย่างสะใจส่วนฮูหยินนั้นนั่งตัวแข็งทื่อราวกับหินแกะสลักก็มิปาน
“พ่อบ้านต้าเซิ่ง…เจ้า…รีบไปเรียกหมอมาเร็วเข้า รีบไปเรียกมาดูใบหน้าให้นางหน่อย”
“ขอรับนายท่าน”
“อย่าเลยเจ้าค่ะท่านพ่อ”
“ไม่ได้!! ใบหน้าของสตรีเป็นสิ่งสำคัญเจ้าจะ…”
“แผลนี้ย่อมต้องมีคนชดใช้ลูกเข้าใจเจ้าค่ะ แต่มิใช่ตอนนี้ และแผลนี้ลูกเองก็มีทางรักษาให้หายได้เจ้าค่ะท่านพ่ออย่าได้เรียกท่านหมอมาเลยจะถูกผู้คนสงสัยเอาเสียเปล่า ๆ ว่าข้าที่พึ่งก้าวเข้าเมืองหลวงมาก็บาดเจ็บ เกรงว่าเรื่องนี้คงไม่ปกติท่านว่าหรือไม่เจ้าคะ..ท่านพ่อ”
“เอ่อ….ที่เจ้าพูดมามันก็ถูก เช่นนั้น…ใบหน้านี้…”
“ท่านพ่อ ลูกจับคนร้ายที่ทำร้ายลูกเอาไว้ได้ มันยอมรับสารภาพถึงคนที่บงการด้วยเจ้าค่ะ”
เป็นครั้งแรกที่หลางเสี่ยวหงตกใจจนหน้าซีดอยู่ที่เก้าอี้ เย่หลินสังเกตเห็นกิริยานั้นได้ทันเวลาก่อนที่จะพยักหน้าให้หย่าหลีนำคนร้ายที่ถูกมัดเข้ามาพร้อมกับคนของศาลต้าหลี่ที่เดินเข้าจวนมาพร้อมกับคนร้ายได้ทันเวลา
“นะ…นี่คือ…”
“ท่านเสนาบดี คนร้ายผู้นี้ถูกคนส่งมา บอกว่าเป็นผู้ที่ลอบทำร้ายบุตรสาวของท่านขอรับข้าน้อยจึงนำมาให้พยานในที่เกิดเหตุชี้ตัวเพื่อนำไปสอบสวนต่อ”
“พวกมันพูดไม่ได้ แต่ชี้ตัวได้ขอรับท่านเสนาบดี”
“เหตุใดจึงพูดไม่ได้”
“พวกมันถูกตัดลิ้นไปขอรับ”
“ตัดลิ้น!!”
เย่หลินหันไปมองคนร้ายที่นางพึ่งคุยกับมันไปเมื่อวาน ฝีมือโม่จางหยวนเป็นแน่ที่ทำเช่นนี้ ให้พวกมันชี้ตัวได้แต่ห้ามพูดเรื่องอื่น ๆ หรือว่าเขาจะรู้อะไรมา
“เย่หลิน คนผู้นี้..”
“ใช่เจ้าค่ะ เขาพาคนร้ายอีกนับสิบคนล้อมรถม้าข้าในป่าก่อนลงจากเขาฉีซางและบอกข้าเองว่ามีคนจะให้เขาทำลายหน้าของข้าจนเป็นเช่นนี้”
เสนาบดีหลางหันไปมองคนร้ายพร้อมกับชี้ไปที่คนร้ายทันที
“เจ้า….ผู้ใดเป็นผู้สั่งการพวกมัน!!”
คนร้ายผู้นั้นหันไปทางคุณหนูสามสกุลหลางซึ่งนางเบี่ยงตัวหนีและทำเป็นไม่เห็นมันแต่สายตาของเสนาบดีหลางย่อมรู้ดีว่าคนร้ายหมายถึงผู้ใด เขาแทบจะไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นฝีมือนางจนกระทั่งเสียงกระแอมของหลางฮูหยินดังขึ้น
“อะฮึ่ม!!….อาศัยเพียงแค่คนร้ายคนเดียวที่ถูกจับตัดลิ้นไปแล้ว ท่านพี่จะแน่ใจได้เช่นไรว่ามันมิได้โกหก หรือว่าถูกสั่งให้มาที่นี่”
“หลางฮูหยิน นี่ท่านกำลังสงสัยในการทำงานของศาลต้าหลี่อยู่งั้นหรือ”
หลางฮูหยินลืมนึกไปว่ายังมีใต้เท้าลั่วที่เป็นเจ้าหน้าที่ศาลอยู่ตรงนี้ด้วย นางจึงรีบหันกลับมาพูดด้วยท่าทีประจบทันที
“มิได้ ๆ ใต้เท้าลั่วข้ามิได้หมายถึงเรื่องนั้น เพียงแต่ว่าจู่ ๆ เหตุใดพวกท่านจึงได้นำตัวคนร้ายมาได้ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้เกิดขึ้นห่างไกลเมืองหลวง”
“มีคนส่งคนร้ายมาให้ข้า พวกเขาบอกว่าคุณหนูรองขาดคนขับรถม้าเข้าเมืองเพราะถูกพวกคนร้ายฆ่าตายจนหมดนางจึงไม่สามารถมาถึงตามกำหนดเวลาได้ เรื่องนี้ข้ามีการตรวจสอบแล้ว คนขับรถม้าของคุณหนูรองเป็นพยานในเหตุการณ์เพราะพวกเขาเป็นผู้ส่งคนร้ายมาให้ข้าที่ศาลต้าหลี่”
หลางฮูหยินยืนกำหมัดแน่นราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่ แม้จะอยากช่วยบุตรสาวแก้ตัวแต่ก็ทำไม่ได้ ในตอนนี้คงต้องขอร้องให้ผู้ที่พึ่งมาใหม่ช่วยเท่านั้น
“เย่หลิน เรื่องนี้…”
“ขอบคุณใต้เท้าที่เป็นธุระให้ ข้าน้อยหวังว่าท่านจะตัดสินคดีนี้อย่างเป็นธรรมและจับคนร้ายที่แท้แจริงมาลงโทษ…ให้จงได้”
เย่หลินคารวะให้ใต้เท้าลั่วก่อนจะหันไปเหยียดยิ้มให้กับหลางฮูหยินอย่างท้าทาย ใช่ นางมาที่นี่เพื่อประกาศสงครามกับหลางฮูหยินและแก้แค้นผู้ที่บังอาจปองร้ายนาง
“เย่หลิน เรื่องนี้….พ่อคิดว่าอย่าพึ่งทำเป็นเรื่องใหญ่จะดีกว่า”
“ท่านพ่อ ท่านพูดเองว่าหน้าตาของสตรีเป็นเรื่องสำคัญ ลูกถูกคนร้ายทำร้ายจนหน้ามีบาดแผลยาว นี่เป็นหลักฐานสำคัญที่ลูกมีแต่ท่านกลับบอกว่าไม่อยากให้ลูกทำเป็นเรื่องใหญ่ ราวกับว่าท่านรู้ว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังเรื่องในครั้งนี้”
หลางเสี่ยวหงทรุดตัวลงกับเก้าอี้ทันทีอย่างน่าสงสัย เดิมทีใต้เท้าลั่วก็มิได้สนใจนางแต่เมื่อคนร้ายที่เอาแต่มองไปที่นางและคำพูดบางอย่างของคุณหนูรองสกุลหลางทำให้เขานึกสงสัย แต่เพราะสายตาของเสนาบดีหลางที่มองมาเขาจึงพอจะทราบแล้วว่าเรื่องนี้คงคลี่คลายได้ไม่ง่ายนัก แต่หน้าที่ของเขาคือสอบสวนคดีจะปล่อยไปก็คงไม่ได้ต่อให้เป็นเรื่องในครอบครัวก็มิอาจยกเว้นได้
“เช่นนั้น เจ้า!! บอกข้ามา…ชี้ตัวก็ได้ ผู้ที่จ้างวานเจ้าอยู่ในนี้หรือไม่”
คนร้ายหันไปมองหลางเสี่ยวหงด้วยความโกรธที่นางไม่คิดจะช่วยเขาเลยสักนิด ตอนนี้หลางเสี่ยวหงมีอาการกลัวอย่างเห็นได้ชัดจนหลางเย่หลินนึกสมเพชจึงได้พูดขึ้น
“เอาล่ะใต้เท้าลั่ว เรื่องนี้ข้าขอให้ท่านสอบสวนอย่างเงียบ ๆ ได้หรือไม่เจ้าคะ อย่างไรก็เป็นเรื่องของจวนเสนาบดีหากหลุดออกไป..คงจะไม่เป็นผลดีกับท่านพ่อข้าเท่าใดนัก”
“คุณหนูรอง ท่านเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ข้าน้อยย่อมรับฟังว่าท่านจะจัดการเช่นไร”
"ท่านก็ลงโทษเขาตามโทษที่เขาควรได้รับ แม้ว่าครั้งนี้… "ผู้บงการ" จะยังไม่ถูกจับได้แต่ข้าคิดว่าพวกเขาคงไม่กล้าทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้อีก ดังนั้นเรื่องนี้…จัดการเพียงเท่านี้เถอะเจ้าค่ะ"
“เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวก่อน นักโทษผู้นี้จะถูกคุมขังอยู่ที่ศาลต้าหลี่ หากคุณหนูรองอยากจะสอบสวนเพิ่มเติมก็เชิญที่ศาลต้าหลี่ เช่นนั้นท่านเสนาบดีข้าน้อยขอลา”
“พ่อบ้านต้าไปส่งใต้เท้าหลี่หน่อยเร็ว ๆ เข้า”
“ขอรับนายท่าน ใต้เท้าเชิญทางนี้ขอรับ”
ครั้งนี้เย่หลินเพียงแค่ต้องการข่มขู่เสี่ยวหงเท่านั้นให้นางรู้ว่าเย่หลินทราบแล้วว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดคือเสี่ยวหง จากนี้นางจะได้ระวังตัวและไม่กล้าคิดจะทำในสิ่งที่เลวร้ายเช่นนี้อีก เสี่ยวหงดูโล่งใจที่เย่หลินไม่เอาเรื่องนางอีก นางรอดมาได้อย่างหวุดหวิดแต่ก็ต้องตั้งรับศึกที่ไม่ง่ายนี้อีกครั้ง
(จางเยี่ยน หลางเสี่ยวหง….นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น)
“ท่านพ่อเจ้าคะ ในเมื่อข้ามาที่จวนนี้แล้วเช่นนั้นที่พักของข้าเล่าเจ้าคะ ให้ข้าพักที่ใด”
“เอ่อ…เรื่องที่พัก”
เป็นอีกครั้งที่หลางเสี่ยวหงลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความไม่พอใจเพราะเรือนทางตะวันออกคือเรือนสำหรับคุณหนูใหญ่สกุลหลางเป็นของนางมาร่วมห้าปีแล้ว
“ไม่นะเจ้าคะท่านพ่อ เรือนใหญ่นั่นเป็นที่พักของลูก ไม่มีทางที่ลูกจะยอมเปลี่ยนห้องโดยเด็ดขาด”