ตอนที่ 6 แย่งชิงห้องส่วนตัว
หลางเย่หลินหันไปมอง นางคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคนอย่างหลางเสี่ยวหงจะไม่ยอมแพ้ แต่ในเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นไม่ว่านางจะอยากเสียหรือไม่ นางก็ต้องยอมเพราะว่า….
“เอาเช่นนี้ ข้าจะให้คนไปทำความสะอาดเรือนหลังให้เจ้า”
“ท่านพ่อบอกกับข้าแล้ว ข้ามาที่นี่ในฐานะคุณหนูรองสกุลหลาง เจ้า…ท่านก็เห็นอยู่ว่าแม้แต่ใต้เท้าของศาลต้าหลี่ก็รู้จักข้า พวกท่านยังจะกล้าให้ “ผู้อื่น” ที่มิใช่บุตรคนโตพักอยู่เรือนนั้นอยู่งั้นหรือ หรือว่าการอยู่ในจวนเสนาบดีมาหลายปีนี้ จะไม่สามารถขัดเกลา…”
“พอที!! เย่หลิน เรื่องนี้ค่อนข้างกะทันหันเกินไป เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน”
“กะทันหันงั้นหรือ ท่านพ่อท่านเอ่ยผิดแล้วกระมังเจ้าคะก่อนหน้านี้ท่านส่งจดหมายไปบนเขาฉีซางที่ข้าอยู่ใช้เวลาค่อนเดือนและข้าเองก็ใช้เวลาลงเขามาร่วมห้าวัน พวกท่านไม่เพียงไม่จัดห้องพักให้แต่ยังมาใช้ข้ออ้างเช่นนี้ลูกคิดว่า…ลูกเสียใจยิ่งนักที่เป็นเช่นนี้”
เสนาบดีหลางคิ้วกระตุกรุนแรงเมื่อได้ยินบุตรสาวที่ห่างหายจากจวนไปเกือบห้าปีพูดให้เขาได้สำนึก แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยตรง ๆ แต่วาจาราดยาพิษนั่นราวกับจะบอกขาว่านางมาที่นี่ด้วยฐานะใด
“ข้าเข้าใจแล้ว เสี่ยวหง เจ้าย้ายออกมาไปอยู่เรือนหลังห้องเดิมของเจ้า อีกสามวันให้พี่สาวเจ้ากลับไปพักห้องที่เรือนตะวันออก”
“ท่านพ่อ!! ลูกไม่…”
“หุบปาก!! เจ้าคงรู้ตัวดีนะอย่าให้ข้าพูดซ้ำ ฮูหยินดูแลนางด้วยจากนี้กักบริเวณหากไม่มีคำสั่งข้าอย่าให้นางออกไปข้างนอกจนกว่าจะถึงวันงานเลี้ยง”
“ท่านพี่…”
เสนาบดีหลางหันไปมองหลางฮูหยินให้หุบปากและทำตามที่เขาสั่งพร้อมกับสายตาที่พร้อมปรามนางเอาไว้ การกลับมาของหลางเย่หลินในครั้งนี้มิใช่เรื่องที่พวกนางจะรับมือได้ง่าย ๆ เช่นตอนที่ไล่นางออกไป
“เจ้าค่ะ ข้าจะ…รีบสั่งการ”
“ท่านแม่!!”
“เจ้าตามข้ามาเสี่ยวหง”
หลางเสี่ยวหงลุกออกไปด้วยความไม่พอใจ บัดนี้ในห้องโถงเหลือเพียงเสนาบดีหลางและนางเท่านั้น เย่หลินมองไปที่ใบหน้าของผู้ที่เป็นบิดาของนาง ในสายตาเขามีเพียงคำว่า “อำนาจ” และ “ผลประโยชน์” เท่านั้น
เขาแต่งงานกับมารดาของนางเพราะนางได้รับแต่งตั้งเป็นท่านหญิงแต่ก็แอบมีสัมพันธ์ลับกับสาวใช้ที่มารดานางได้ไถ่ตัวมาจากหอนางโลมและพามาอยู่ในจวนสกุลหลางด้วย นึกไม่ถึงว่าทั้งคู่จะลอบได้เสียกันในช่วงที่มารดาของเย่หลินคลอดนางได้เพียงสามเดือน
“เย่หลิน หลายปีมานี้เจ้า…”
“ข้าสบายดีเจ้าค่ะท่านพ่ออย่าได้ห่วง เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ที่ท่านเรียกลูกกลับมาที่นี่ เหตุผลคือสิ่งใดเจ้าคะ”
“เจ้าก็คงพอจะรู้แล้วเรื่องการคัดเลือกคู่สมรสของเหล่าองค์ชายทั้งสิบของฝ่าบาทในอีกสองเดือนข้างหน้า พ่อหวังเอาไว้ว่าเจ้าจะสามารถอภิเษกกับหนึ่งในองค์ชายได้เพื่ออนาคตของเจ้า แต่พ่อคิดว่าฝ่าบาทคงอยากให้เจ้าคนใดคนหนึ่ง...อภิเษกกับองค์รัชทายาท”
“หึ เพื่ออนาคตของข้าที่ท่านไม่เคยใส่ใจมาก่อนงั้นหรือเจ้าคะ พูดให้ผู้อื่นฟังก็คงรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่กับข้า….เหตุใดยิ่งฟังยิ่งรู้สึก…ขนลุก”
“หลางเย่หลิน!! เจ้าต้องการอะไรกันแน่ หากว่าไม่ยินยอมเหตุใดจึงตอบรับจะมางานนี้”
“นั่นมิใช่เพราะท่านหรอกหรือที่บังคับให้ข้ามาพร้อมกับยอมรับเงื่อนไขที่ข้าจะขอกับท่าน”
“แต่การที่เจ้าจะเปลี่ยนไปใช้สกุลไป๋ของแม่เจ้านั่น…ในตอนนี้อาจจะลำบาก”
“ข้ามิได้จะให้ท่านทำในตอนนี้ แต่ท่านก็เห็นแล้วนี่บุตรสาวของท่านสันดานไม่ได้ต่างกับแม่ของนาง”
“หลางเย่หลิน นางเป็นน้องสาวเจ้า”
“ไม่มีน้องสาวที่ดีคนไหนส่งคนไปทำร้ายพี่สาวตัวเอง ท่านคงหูหนวกตาบอดเกินไปแล้วกระมังท่านเสนาบดีถึงได้เห็นผิดเป็นชอบเข้าข้างคนผิดปิดหูปิดตาจนไม่เห็นว่าหลายปีที่ผ่านมานี้จางเยี่ยนทำเลวสิ่งใดไว้บ้าง”
“พอที!!….พอก่อน…เจ้าพึ่งจะกลับมา รีบไปพักผ่อนก่อนเถอะ เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลัง”
“ข้าต้องการพักห้องเดิมของข้า”
“ข้าก็บอกไปแล้วว่าต้องใช้เวลาในการโยกย้าย”
“ท่านจัดการไม่ได้??”
“ข้าจัดการไปแล้ว เจ้าก็แค่รอ…”
“ขอบคุณท่านพ่อ เช่นนั้นข้าจะรออยู่ที่เรือนของพี่ใหญ่”
“เจ้า…เฮ้อ…พ่อบ้านต้า ข้าฝากให้ท่าน....”
“ขอรับข้าน้อยจัดการเองขอรับท่านเสนาบดี”
เสนาบดีหลางโบกมือให้เขาและป้าเหยาแม่บ้านรีบตามไปดูแลเย่หลิน หากไม่มีความจำเป็นจะต้องพานางมาเพื่อเลือกคู่เช่นนี้เขาคงไม่คิดจะติดต่อกับนางอีก ก็อย่างที่เห็นนางดื้อดึงและไม่ได้เชื่อฟังเขาที่เป็นบิดาของนางเลยสักนิด ความแค้นที่มารดานางตายและเขาที่ยกย่องจางเยี่ยนขึ้นมาทำให้นางกับเขาสะบั้นความสัมพันธ์พ่อลูกนับตั้งแต่นั้นมา
“คุณชาย คุณหนูรองร้ายกาจไม่ธรรมดาเลยนะขอรับ”
“ตอนที่เราไปช่วยพวกนางข้าคิดว่านางยังไม่มีบาดแผลนะ”
“ขอรับ คุณชายว่าอย่างไรนะขอรับ”
“เปล่า ละครยังไม่จบรีบไปกันเถอะ”
“ขอรับ แต่ว่า…เหตุใดถึงมั่นใจ”
“ท่าทางราวกับแมวสะบัดขนเช่นนั้นเจ้าว่านางจะยอมง่าย ๆ งั้นหรือ หลางเย่หลินเจ้าช่างน่าสนใจยิ่งนัก”
“คุณชาย นางกลับไปที่เรือนคุณชายใหญ่แล้วขอรับ”
“ไปสิ ตามนางไปอย่าให้ใครรู้ตัวล่ะ”
เดิมทีเขาฟังอยู่ที่บนหลังคาห้องโถงและได้ยินทุกเรื่องในนั้น นึกไม่ถึงว่าระหว่างนางกับสกุลหลางจะมีความแค้นที่ฝังลึกจนมิอาจอยู่ร่วมจวนกันถึงเพียงนี้ ที่นางมาเมืองหลวงในครั้งนี้เพียงแค่เข้าร่วมในงานเลือกคู่แต่มิได้คิดเข้าคัดเลือกพระชายาองค์ชาย จุดประสงค์ที่แท้จริงของนางมาเพื่อตัดขาดสกุลหลางและกลับไปใช้แซ่เดิมมารดาของนางคือ “สกุลไป๋”
เรือนใหญ่ทิศตะวันตก
“คุณหนูเจ้าคะ ดูท่าแล้วคุณหนูสามคงไม่ยอมคืนห้องให้ท่านเป็นแน่เจ้าค่ะ”
“คืนให้ง่ายขนาดนั้นก็ไม่สนุกน่ะสิ ข้าคิดเอาไว้อยู่แล้วว่านางต้องไม่ยอม หย่าหลีคราวนี้ถึเวลาของเจ้าแล้ว”
“เจ้าค่ะคุณหนู คันไม้คันมือมานานแล้ว”
“อย่าให้ใครจับได้ล่ะ”
“รับรองได้เลยเจ้าค่ะ จี้ถง เจ้าไปช่วยข้าที”
“ให้ข้าช่วยสิ่งใดกัน”
“เบี่ยงเบนความสนใจ”
ห้องของหลางเสี่ยวหง
“ท่านแม่ลูกไม่มีทางยอมยกห้องให้นางหรอกนะ ข้าไม่ยอม!!”
“เฮ้อ เจ้าก็ได้ยินที่พ่อเจ้าพูดแล้วนี่”
“แต่ลูกไม่ยอมลูกเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนสกุลหลางอยู่ดี ๆ แต่จู่ ๆ นางจะมาแย่งแบบนี้มันไม่ยุติธรรม ไหนจะยังเรื่องที่ต้องเข้าคัดเลือกนั่นอีก”
“เจ้าอย่าลืมสิว่าใบหน้าของนางยามนี้มีแผลขนาดใหญ่เช่นนั้น แม่คิดว่าเรื่องการคัดเลือกนางคงไม่ผ่าน”
“ข้าน่าจะให้เจ้าพวกนั้นฆ่ามันเสีย จะได้ไม่ต้องโผล่หน้ามาถึงเมืองหลวงนี่ได้”
“เสี่ยวหงเจ้าก็ได้ยินที่พ่อเจ้าบอก ช่วงนี้เจ้าจะต้องอยู่เงียบ ๆ อย่าได้ก่อเรื่องอีก คำเตือนนั่นแม้จะไม่ได้พูดตรง ๆ แต่พ่อเจ้าก็พูดเพราะต้องการปกป้องเจ้า วันนี้เจ้าไม่ได้ถูกพวกศาลต้าหลี่พาตัวไปส่วนหนึ่งก็คงต้องขอบใจนางที่ละเว้นเจ้า การจะเอาชนะนางไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เหมือนห้าปีก่อนเจ้าเข้าใจหรือไม่”
“แต่ว่าท่านแม่ ห้องนอนใหญ่นี้ลูกไม่อยาก….”
“ถึงอย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าเป็นคุณหนูใหญ่ เจ้าเองก็คงต้องยอมไปก่อน”
“ไม่เจ้าค่ะ ลูกไม่ยอมย้ายเสียอย่างและอีกอย่างท่านพ่อสั่งกักบริเวณลูก เช่นนั้นก็ดีเลยลูกจะไม่ออกจากห้องนี้ดูสิว่านางจะทำอย่างไร พึ่งก้าวเข้ามาเมืองหลวงก็คิดจะมีเรื่องกับลูก นางกล้าดีเช่นไร”
ระหว่างที่พวกนางนั่งกันอยู่ก็เริ่มได้ยินเสียงหึ่ง ๆ ของแมลงแต่หาที่มาที่ไปไม่ได้ สองแม่ลูกรวมถึงสาวใช้อีกสองคนที่นั่งอยู่ด้านในห้องเริ่มมองหาที่มาของเสียงและไม่นานฝูงผึ้งจำนวนมากก็ไล่ต่อยพวกนางจนอยู่ในห้องไม่ได้
“กรี๊ด!!!!…..ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…ท่านแม่ลูกถูกมันต่อยแล้ว กรี๊ด!!!! หน้าข้า…..ใบหน้าของข้า!!!”