บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ไปดูละครสนุก ๆ กันเถอะ

“เจ้าว่าอย่างไรนะ….เจ้าบอกว่า”

“ขอรับ ไม่ผิดแน่เพราะพวกมันรับสารภาพเอง เพราะพวกมันที่เข้ามาขัดขวางพวกข้าน้อยจึงลงมือไม่ได้และมัวแต่ต่อสู้กันเองดังนั้น…..”

“ตอนนี้นาง!!”

“เข้าเมืองหลวงมาแล้วขอรับ”

“แล้วคนที่เหลือเจ้าจัดการหมดแล้วหรือไม่”

“โชคร้ายที่คนของข้าน้อยตายหมดเหลือเพียงข้า แต่ว่าคนของคุณหนูสามสกุลหลาง….ถูกจับได้”

“ว่าอย่างไรนะ!! เจ้ารีบไปได้แล้ว หากมีเรื่องครั้งหน้าข้าจะเรียกใช้เจ้า เรื่องครั้งนี้ข้าถือว่า…มันไม่ใช่ความผิดพลาดของเจ้า เงินค่าจ้างที่เหลืออยู่นี่ ข้าต้องไปก่อนล่ะ”

“ขอบคุณฮูหยิน”

สตรีสูงศักดิ์เร่งเดินออกจากห้องไปพร้อมกับคนของพวกนาง ไม่นานโม่จางหยวนก็เดินออกมาจากฉากกั้นประตูไปที่โต๊ะที่วางถุงเงินขนาดใหญ่อยู่ เขาถอดหน้ากากออกและหยิบถุงเงินนั้นขึ้นมา

“ห้าร้อยตำลึง ค่าตัวนางช่างแสนถูกนักเมื่อเทียบกับฐานะบุตรสาวเสนาบดีใหญ่ของต้าเซี่ย”

“คุณชาย!!”

กังลี่นั่นเอง เขาเร่งเข้ามาในห้องหลังจากไปจัดการเรื่องที่โม่จางหยวนสั่งให้ไปทำ ถุงเงินห่อใหญ่ถูกโยนไปให้กังลี่โดยไม่ได้มอง

“นี่คือ…”

“ค่าจ้างของพวกนักฆ่าที่หลางฮูหยินสั่งพวกมันไปฆ่าหลางเย่หลิน”

“แต่เราฆ่าพวกนักฆ่าพวกนั้นหมดแล้ว…หรือว่าคุณชาย…ท่านหลอกถามนางหรือขอรับ”

“ใช่ ข้าแค่อยากจะรู้ให้แน่ใจเท่านั้นว่าเป็นนางจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าสองแม่ลูกนี้จะโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ เรื่องที่ให้พวกเจ้าไปสืบในสกุลหลางก่อนหน้านี้เป็นเช่นไรบ้าง”

“คนของเรากำลังรวบรวมข้อมูล คิดว่าไม่เกินพรุ่งนี้คงจะได้ครบขอรับ”

“คนร้ายล่ะ”

“ศาลต้าหลี่กำลังพาไปที่สกุลหลางขอรับ”

“เช่นนั้นก็รีบไปที่สกุลหลาง…ไปดูละครสนุก ๆ กันเถอะ”

จวนสกุลหลาง

รถม้าของหลางเย่หลินวิ่งเข้ามาจอดที่ด้านหน้าของสกุลหลินก่อนที่ฮูหยิน “หลางเยี่ยน” จะมาถึง เมื่อประตูเปิดออกมานางก็พบว่ามีเพียงพ่อบ้านที่เคยทำงานให้มารดาของนางกับแม่บ้านเก่าแก่ของสกุลหลางเท่านั้นที่มารอรับนาง

“คุณหนูรองท่านมาถึงแล้ว ป้าเหยาดีใจยิ่งนักเจ้าค่ะ”

“ป้าเหยา ลุงเซิ่งพวกท่านสบายดีนะเจ้าคะ”

“คุณหนูขอรับพวกเราสบายดี เฝ้ารอคุณหนูทุกวันเลยขอรับรีบเข้าไปด้านในเถอะขอรับ”

“ท่านเสนาบดีเล่า อยู่ด้านในหรือ”

“ขอรับ ท่านเสนาบดีรอคุณหนูอยู่นานแล้วขอรับ”

“จากไปเสียนานเลยนะ”

หลางเย่หลินมองดูประตูจวนที่มีชื่อนามสกุลหลาง และแหงนมองป้ายคุณธรรมจอมปลอมซึ่งพระราชทานโดยฝ่าบาท “ความดีแข็งแกร่งดุจหินผา” แขวนตั้งอยู่ด้านบนของของโถงใหญ่ก่อนที่นางจะเดินเข้าไป เสนาบดี “หลางฮุ่ย” บิดาของนางนั่งอยู่พร้อมกับลูบเคราแพะของเขาอย่างไว้ท่ารออยู่สุดปลายทางเดิน ท่าทีนั้นยังหยิ่งผยองเช่นเดิมแม้แต่สายตาที่มองนางก็ยังไม่เปลี่ยนไป

ถัดไปอีกที่หนึ่งเป็นบุตรสาวคนสุดท้องของเสนาบดี แม้ว่านางจะมีวัยที่อ่อนเยาว์กว่าแต่ก็มิได้ให้ความเคารพนาง “หลางเสี่ยวหง” ยังนั่งที่ประจำตำแหน่งของบุตรสาวคนโตของนางอยู่เช่นนั้นโดยที่เสนาบดีหลางมิได้เอ่ยตักเตือนแต่อย่างใดแต่ไร้เงาของหลางฮูหยิน ผู้ที่ทำให้หลางเย่หลินต้องออกจากจวนสกุลหลางเมื่อหลายปีก่อน

“หลางเย่หลินคารวะ…เสนาบดีหลาง”

“เหตุใดไม่เรียกข้าว่าท่านพ่อ”

เสียงไม่พอใจจากเก้าอี้ของหลางเสี่ยวหงดังขึ้นแต่ทั้งเสนาบดีหลางและเย่หลินมิได้สนใจแต่อย่างใดกับความไร้มารยาทนี้ของนาง

“ข้ามิทราบว่าสมควรทำหรือไม่เจ้าค่ะ”

“เจ้าเป็นบุตรคนรอง เป็นบุตรสาวคนโตของสกุลหลางไม่ว่าจะก่อนหน้านี้ ตอนนี้และจากนี้ตลอดไป ลุกขึ้นเถอะ”

“เย่หลิน…ขอบคุณท่านพ่อ”

“อืม…มานั่งตรงนี้เถอะ”

เย่หลินมองใบหน้าผู้เป็นบิดาที่ผุดยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นหน้านางที่ยังคงใช้ผ้าขาวผูกเอาไว้จนเขานึกสงสัย แม้ว่าพ่อบ้านเฒ่าและแม่บ้านเก่าแก่จะนึกสงสัยตั้งแต่นางลงมาจากรถม้าแล้วก็ตาม

“ใบหน้าเจ้า….เหตุใดจึงต้องปกปิดเอาไว้”

“ท่านพ่อ นั่นมิใช่ที่นั่งที่ถูกต้องของลูก หากจะให้นั่งในเมื่อท่านกล่าวเองว่าข้าคือบุตรสาวคนโตสกุลหลาง ดังนั้น….”

สายตานางมองไปยังหลางเสี่ยวหง ที่หันหน้ามามองนางอย่างเกลียดชัง ความคับแค้นใจแต่หนหลังยังคงไม่ทำให้นางมองหลางเย่หลินในทางที่ดีได้

“เช่นนั้นเจ้าก็มานั่งที่นี่เถอะ”

“ท่านพ่อ!! นั่นมันที่ของท่านแม่”

“น้องสาม เจ้าว่าอย่างไรนะ”

“ข้าพูดชัดเจนแล้วเจ้าไม่ได้ยินหรือ ที่นั่งตรงนั้นเป็นที่ของท่านแม่ซึ่งเป็นฮูหยิน…”

“แค่อนุในเรือน”

“นังเย่หลิน!!”

“เงียบ!!”

“ท่านพ่อ นางก้าวเข้ามาในจวนก็สร้างความเดือดร้อน แม้แต่มารยาทก็ยังไม่รู้แล้วยังจะบังอาจไปนั่งที่นั่งของท่านแม่ท่านจะให้ข้ายินยอมได้เช่นไรเจ้าคะ”

หลางเย่หลินยิ้มอย่างยินดี สุดท้ายหลางเสี่ยวหงก็ไม่ต่างไปจากเดิม “โง่และอวดดี” เช่นเดิม เมื่อนางหันไปและพูดกับน้องสาวต่างมารดาด้วยเสียงที่เรียบที่สุด

“น้องสาม เจ้าบอกว่าข้าไร้มารยาท แม้แต่เก้าอี้ที่นั่งก็มิได้มีความรู้ว่าควรนั่งที่ใดงั้นหรือ”

“ใช่ เจ้าควรจะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร บังอาจอย่างไรมานั่งตรงที่นั่งของท่านแม่ เจ้าเป็น….”

“บุตรสาวคนโตของสกุลหลาง หากนับตามฐานะ ข้าเป็นพี่ของเจ้าและที่นั่งที่เจ้ากำลังนั่งอยู่…คือที่นั่งของข้า เช่นนี้เจ้าเองก็ไร้มารยาทขาดการอบรมแม้แต่ที่นั่งยังนั่งไม่ถูกใช่หรือไม่”

“ท่านพ่อ!!….นาง…”

“น้องสาม ข้าก็แค่กล่าวถามเจ้าเท่านั้น ข้ามิเพียงมอบเก้าอี้ให้เจ้านั่งโดยมิได้ต่อว่าและยอมนั่งในที่อื่น ๆ แต่ว่าท่านพ่อแค่เสนอที่นั่งนี้ให้กับข้า นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะแล้งน้ำใจเช่นนี้”

“เช่นนั้นเจ้าก็คงต้องหาที่นั่งใหม่แล้วล่ะ”

เสียงนั้นเย่หลินจำได้ดี สตรีสูงวัยที่เดินเข้ามาด้านหลังห้องโถง นางเดินเชิดจมูกขึ้นเล็กน้อย สายตามองต่ำราวกับไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาเมื่อเดินมานั่งที่นั่งของตนเองท่ามกลางความสะใจของหลางเสี่ยวหง เย่หลินหันไปนางมอง “หลางเยี่ยน” ฮูหยิน ของเสนาบดีหลางในขณะนี้ นางยืนมองเฉย ๆ ด้วยสายตาที่ยังนิ่งอยู่

“เย่หลิน เหตุใดจึงไม่กล่าวทักทาย….”

“ทักทายงั้นหรือ ท่านพ่อท่านคงสติเลอะเลือนจนลืมไปสิ้นแล้ว…จะให้ข้ากล่าวทักทายสตรีที่ไร้คุณธรรมแย่งสามีผู้ที่ช่วยชีวิตนางมาจากที่ต่ำตมที่สุดและมาเผยอหน้านั่งแทนที่มารดาข้าหลังจากที่นางสิ้นไปแล้วงั้นหรือเจ้าคะ ขออภัยที่ข้า…ทำไม่ได้”

“หลางเย่หลิน เจ้า!!”

สายตาของหลางเย่หลินมิได้เกรงกลัวเสนาบดีหลางเลยแม้แต่น้อย หากนี่มิใช่ราชโองการฝ่าบาทสั่งให้เขาพานางเข้ามาเมืองหลวงเพื่อเข้ารับการคัดเลือกพระชายาองค์ชายทั้งสิบของฝ่าบาท มีหรือเขาจะอยากยุ่งกับนาง

แต่เพราะผู้คนในเมืองหลวงต่างก็รู้จักไป๋ฮูหยินของเสนาบดีหลางก่อนหน้านี้ซึ่งชาวเมืองหลวงต่างให้ความเคารพนางเพราะนางช่วยเหลือคนทุกข์ยากในเมืองหลวง คุณงามความดีมากล้นจนฝ่าบาทพระราชานยศท่านหญิงแต่งตั้งพิเศษให้นางทำให้เขาขัดราชโองการครั้งนี้ไม่ได้

“คุณหนูรอง เห็นท่านกลับมาอย่างปลอดภัย ข้าเองก็ยินดียิ่งนัก”

สายตาของหลางเยี่ยนที่มองมาที่เย่หลินนั้นต่างอยากจะฉีกแต่ละฝ่ายหลุดออกเป็นชิ้น ๆ เพียงแต่พวกนางยังทำไม่ได้ หลางเย่หยินเริ่มกล่าวขึ้นมาหลังจากที่นางนั่งที่นั่งของพี่ใหญ่ของนางแทน

“งั้นหรือ แต่ข้ามีเรื่องไม่น่ายินดีเท่าใดมาเล่าให้ท่านพ่อฟังเจ้าค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel