8. คิดถึง
เมื่อออกมาพ้นประตูความสงสัยนั่นก็หายไป มีแต่ความปลื้มปิติและดีใจเข้ามาแทน ใครจะคิดว่าถูกขังจนมิเห็นเดือนเห็นตะวัน มิรู้ว่าจะมีชีวิตรอดกลับไปเจอกันอีกหรือไม่ แต่อยู่ๆคนที่โหยหาก็มายืนอยู่ตรงหน้าซะได้ ซีซีวิ่งเข้าหาอ้อมกอดแกร่งทันที มิมีคำพูดใดที่หลุดออกมาแม้แต่น้อย มีเพียงอ้อมกอดที่คิดถึงกันและกัน
ที่ส่งผ่านบอกความรู้สึกที่มีให้รับรู้ เนิ่นนานจนองค์ชายสี่ต้องเอ่ยบอก เพราะกังวลว่าผู้เป็นอาจะอาการแย่ เพราะดูท่าคงยังมิได้เสวยสิ่งใดเลย
"ซีซี ข้าว่าพาเสด็จอาไปพักเถอะ พระองค์คงหิวแย่แล้วกระมัง” เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งคู่จึงได้ปล่อยอ้อมแขนออกจากกัน โดยมีจิงหลินมองตาละห้อย
แต่ยามนี้เขาได้รู้แล้วว่าสตรีตัวน้อยผู้นี้มีใจให้ใคร จึงได้แต่บอกให้ตนเองทำใจเพราะทั้งต่างก็เป็นคนที่เขารัก
ก่อนที่ทั้งหมดจะตรงไปยังเรือนรับรองท่านเจ้าเมือง อ๋องฉินแยกตัวไปชำระร่างกาย ก่อนจะเข้ามาทานอาหารจนแล้วเสร็จ อาหลานและเหล่าผู้ติดตามก็ได้นั่งพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมิอยากเชื่อว่าเป็นความคิดของซีซี
"แผนนี้เจ้าเป็นคนคิดขึ้นมาจริงๆหรือ" อ๋องฉินยังคงมิอยากเชื่อจึงได้เอ่ยถามอีกครั้ง
"หากกระหม่อมมิเห็นด้วยตาว่า แม่นางซีซีปีนกำแพงด้วยความชำนาญ กระหม่อมก็คงจะมิเชื่อเช่นกันพะย่ะค่ะท่านอ๋อง" ลู่หานเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเยินยอ
"ห้ะ! อะไรนะ เจ้าจะบอกว่าแม่นางซีซีไต่เชือกปีนกำแพงขึ้นมาเปิดประตูเมืองพร้อมกับเจ้าเช่นนั้นหรือ" จื่อถงร้องถามอย่างตกใจ เพราะมิเคยได้ยินว่าสตรีที่ใดจะทำเช่นนั้นได้ อีกทั้งรูปร่างก็ตัวเล็กนิดเดียว
"มิได้ไต่ขึ้นไปพร้อมข้า แต่ไต่ขึ้นไปก่อนข้าต่างหากล่ะ" ลู่หานเอ่ยอีกครั้ง
ส่วนคนที่นั่งฟังถึงวีรกรรมของตัวเองก็ยิ้มแห้งออกมา มองคนที่นั่งฟังเรื่องราวของตนนิ่ง
“แบบนี้อ๋องฉินจะยังอยากแต่งงานกับเราไหมนะ" ซีซีคิดในใจ ส่วนอ๋องฉินก็นั่งมองหญิงอันเป็นที่รักด้วยใจที่พองโต พร้อมกับคิดเช่นกัน
"อยากช่วยข้าจนมิคำนึงถึงสิ่งใดเลยหรือนี่" อ๋องหนุ่คิดพร้อมกับมองคนตัวเล็กอย่างชื่นชม
"เอาล่ะ ดึกมากแล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีก” องค์ชายสี่เอ่ย
“เสด็จอาพักผ่อนให้มากๆนะพะยะค่ะ”รัชทายาทเอ่ยกับผู้เป็นอาอีกครั้ง อ๋องฉินจึงพยักหน้ารับ ทุกคนจึงแยกย้ายกันเข้าห้องพัก ทันทีที่อ๋องฉินเหยียนได้อยู่ตามลำพังกับซีซี ก็เริ่มดุอีกฝ่ายที่ทำเรื่องมิห่วงตนเองเลยสักนิด
"เจ้าคิดบ้างหรือไม่ฮึ หากเจ้าเป็นอะไรไป ข้าจะทำเช่นไร ต่อไปอย่าทำเช่นนี้อีกรู้หรือไม่"
เสียงทุ้มตำหนิออกมาด้วยความเป็นห่วง แต่คนน้องก็ย้อนกลับทันที
“แล้วท่านอ๋องมิคิดบ้างหรือ ว่าหากท่านเป็นอะไรไป หม่อมฉันจะอยู่อย่างไรหากมิมีพระองค์” เสียงหวานเอ่ยก่อนจะทำใบหน้างอง้ำใส่อีกฝ่าย พอได้ยินเช่นนั้นอ๋องฉินก็ดึงหญิงสาวเข้ามาหา ก่อนจะรั้งท้ายทอยคนตัวเล็กให้เงยขึ้นมารับจูบจากตน
ลิ้นชื้นดุนดันสอดแทรกเข้าไปควานหาความหวานละมุนที่เคยได้สัมผัสมาก่อน สำหรับเขามันยังคงรสชาติเช่นเดิม หวานละมุนยิ่งปลายลิ้นเกาะเกี่ยวกัน เสียงลมหายใจก็ดังหอบถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนเขามิอยากผละออกแม้แต่น้อย แต่สุดท้ายก็ต้องยอมถอยเพื่อให้คนน้องได้สูดเอาอากาศเข้าปอด
"พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน" เสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยขึ้น พร้อมกับลูบแก้มเนียนไปด้วย
“หม่อมฉันก็คิดถึงท่านอ๋องเพคะ คิดถึงมากเป็นห่วงมากๆเลยด้วย” ซีซีเอ่ยทั้งน้ำตา จู่ๆนางก็อ่อนแอขึ้นมาเสียดื้อๆ ทำเอาคนตัวโตรีบกอดปลอบในทันที
“พี่อยู่นี่แล้วมิได้บาดเจ็บอันใดด้วย เช่นนั้นพี่นอนห้องเจ้าแล้วกันจะได้สบายใจอย่างไรล่ะ" อ๋องหนุ่มเผยความเจ้าเล่ห์ออกมาเมื่อได้โอกาสดีเช่นนี้
“แต่เรายังมิได้แต่งงานกันจะนอนห้องเดียวกันได้อย่างไรเพคะ” ซีซีเอ่ยท้วงก่อนจะรีบปิดประตูหนี แต่ก็มิทันเสียแล้ว อ๋องฉินเข้ามาในห้องพร้อมกับใส่กลอนประตูทันที ซีซีจึงได้แต่มองเท่านั้น
"ท่านอ๋อง จะนอนที่นี่จริงๆหรือเพคะ เรายังไม่ "
“พี่แค่อยากนอนกอดเจ้ามิได้หรือ” ถ้อยคำออดอ้อนถูกอ๋องเจ้าเล่ห์เอื้อนเอ่ยออกมาจนคนตัวเล็กใจอ่อน
"นอนเถอะ พี่เหนื่อยแล้ว" ฉินเหยียนเอ่ย ก่อนจะจูงมือคนน้องให้เดินมาที่เตียง แล้วรั้งลงมานอนซบอกตนดื้อๆ
"ฝันดี ว่าที่ชายาของพี่" เขาเอ่ยเสียงอ่อนโยน ก่อนจะจุมพิตลงที่หน้าผากมน ซีซีเมื่อได้ยินดังนั้นก็เขินจนมุดหน้าลงที่อกหนาและตอบกลับไป
"ฝันดีเพคะ"
เช้าของอีกวัน สองสหายต่างก็ออกตามหาอ๋องฉิน เพราะกลัวว่าอาจจะมีกลุ่มกบฏที่ยังหลงเหลืออยู่ทำร้าย
"เจ้าตามหาดีแล้วหรือ” รัชทายาทเอ่ยถามเมื่อเห็นคนสนิทของผู้เป็นอาออกตามหาอย่างร้อนรน
"ข้าว่าเจ้ามิได้หาอยู่ที่หนึ่งนะ” องค์ชายสี่เอ่ยขึ้น
"ที่ไหนรึพะยะค่ะ" ลู่หานเอ่ยถามทันที
“ก็ห้องของแม่นางซีซีอย่างไรเล่า”องค์ชายสี่เอ่ยก่อนจะยิ้ม สองคนสนิทต่างก็จ้องมองไปยังห้องที่ยังปิดเงียบอยู่ และแยกย้ายไปปฎิบัติหน้าที่ตามเดิม เพราะคงเป็นจริงดั่งองค์ชายกล่าว พวกเขาจึงเบาใจและรออยู่เงียบๆ เวลาผ่านไปไม่นานนักพอซีซีตื่นออกมาจากห้องพัก
มินานอ๋องฉินก็เดินออกมาเช่นกัน แต่สตรีตัวน้อยแยกไปเข้าครัวเพื่อดูการเตรียมอาหาร
"ท่านอ๋องมิได้นอนอยู่ในห้องพักหรือพะยะค่ะ"
“เจ้าก็เห็นแล้วจะถามทำไม” ฉินเหยียนเอ่ยเสียงเรียบ เพราะเขาเองก็รู้สึกไม่ชินกับสายตาที่ทุกคนจ้องมาเช่นกัน เมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้นลู่หานก็ยิ้มขึ้นมาทันที
"อีกมินานก็คงจะมีงานมงคลสินะ" ลู่หานและจื่อถงต่างก็พูดในสิ่งที่คิดพร้อมกัน แล้วก็อดยิ้มดีใจมิได้ที่จะได้เห็นผู้เป็นนายมีชายา
"อาหารเสร็จแล้วพี่ทั้งสองช่วยยกอาหารที" ซีซีส่งเสียงเรียกผู้ที่อยู่ด้านนอกให้ช่วย
"เจ้าเป็นคนทำเองหรือ” อ๋องฉินเอ่ยถามคนรัก ซีซียกทุกอย่างออกมาตั้งโต๊ะ อ๋องฉินได้แต่มองว่าที่ชายาอย่างภูมิใจ มิคิดว่าอีกคนจะทำอาหารเป็นด้วย
"ข้าอยากกลับเมืองหลวงในเร็ววัน"อ๋องหนุ่มเอ่ยขึ้น
“มีอะไรรึเปล่าเพคะ รึว่าไท่เฟยทรงประชวร ถ้างั้นเรารีบกลับกันเถอะเพคะ" เพราะก่อนมาซีซีเห็นว่าไท่เฟยอาการมิดี เลยกังวลว่านางจะป่วย
“เสด็จแม่มิได้เป็นอันใดหรอก พี่เพียงแค่อยากกลับไปแต่งงานกับเจ้าเร็วๆ” อ๋องฉินเอ่ยเสียงหวานใส่คนตัวเล็ก ทำเอาซีซีอายจนหน้าแดงเพราะคำพูดของคนตรงหน้า
จึงทำให้ผู้ที่เดินมาทีหลังเกิดความสงสัย
"แม่นางซีซีเจ้ามิสบายหรือ ทำไมหน้าแดงเยี่ยงนั้น" รัชทายาทเห็นแก้มอีกฝ่ายแดงจึงรีบถามด้วยความเป็นห่วง
"หม่อมฉันสบายดีเพคะมิได้เป็นอะไร" ซีซีรีบตอบ
“รีบทานอาหารกันเถอะยังต้องไปจัดการกับพวกกบฏพวกนั้นอีก" องค์ชายสี่กล่าว เขาพอจะเข้าใจว่าที่นางเป็นเช่นนี้เพราะใครที่ทำ ก็เสด็จอาเอาแต่นั่งยิ้มใส่คนตัวเล็กเช่นนี้ คงมีเรื่องยินดีจนทำให้ซีซีอายเป็นแน่