7. สตรีร้ายกาจ
"ยาพวกนี้มิทำให้ตายใช่ไหมเพคะ" เสียงหวานเอ่ยถามอย่างกังวลเพราะกลัวว่าตนนั้นจะกลายเป็นฆาตรกร คิดแผนฆ่าผู้อื่นเสียมากกว่าจะช่วยคน
"ไม่หรอกถ้าหนักก็แค่หลับไปสามวันเท่านั้น" องค์ชายสี่ตอบเสียงอ่อนโยน ก่อนจะยิ้มเอ็นดูคนตัวเล็ก
“สามวันเลยหรือเพคะ” ซีซีร้องเสียงหลงทันที
"อย่าห่วงเลยขอแค่ให้มันได้ผลก็พอ ข้าเป็นห่วงเสด็จอามากกว่า" องค์ชายเอ่ยบอก เมื่อได้ยินชื่อของใครอีกคนซีซีก็หน้าเศร้าทันที เพราะอดเป็นห่วงอ๋องฉินมิได้
"ป่านนี้ท่านจะเป็นอย่างไรบ้างนะ" ซีซีคิดในใจหลังจากกลับลงมาจากเขาแล้ว นางก็มิได้อยู่ในกระโจมอย่างที่ควรจะเป็น แต่ออกไปทำสิ่งประดิษฐ์บางอย่างเพื่อใช้เป็นเครื่องทุ่นแรงในการลอบเข้าไปด้านใน
แต่ภายในกระโจมยังมีการวางแผนขั้นต่อไป หากทำการครั้งนี้สำเร็จ ขณะนั้นทหารก็เข้ามารายงาน
"องค์ชายสี่ รัชทายาทมาถึงแล้วพะยะค่ะ" รัชทายาทซึ่งถูกลู่หานพาไปยังค่ายทหาร ที่ตั้งห่างออกไปทางทิศใต้ได้เดินทางกลับมาอีกครั้ง เพื่อมาช่วยเหลืออ๋องฉินเหยียน
"เจ้ามาถึงนานแล้วหรือน้องสี่" รัชทายาทเอ่ยถามทันที ยามนี้เขารู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ทำให้ผู้เป็นอาถูกจับ
“กระหม่อมมาถึงเมื่อเช้า ตอนนี้กำลังรอเวลาอยู่พะยะค่ะเสด็จพี่” องค์ชายสี่เอ่ยตอบ ทำเอารัชทายาทเกิดความสงสัยเป็นอย่างมากจึงเอ่ยถามทันที
“เจ้ามีแผนอันใดหรือถึงได้ดูใจเย็นเยี่ยงนี้"
“ใส่ยานอนหลับในน้ำพะย่ะค่ะ” คำตอบของอีกฝ่าย ทำให้รัชทายาทประหลาดใจขึ้นมาอีก เพราะไม่คิดว่าจะสามารถเข้าไปได้ง่ายเพียงนี้ ทั้งที่ตนและอ๋องฉินตั้งค่ายอยู่เกือบเดือน แต่ก็ยังหาช่องทางเข้าไปมิได้
"เจ้าให้คนลอบเข้าไปในเมืองงั้นหรือ” รัชทายาทเอ่ยถามพร้อมกับสีหน้าที่บ่งบอกว่ามิอาจเชื่อได้ องค์ชายสี่นึกขันกับความใคร่รู้ของพี่ชาย อีกทั้งสีหน้าที่ดูแปลกใจนี่อีก
"มิใช่หรอกพะย่ะค่ะ แต่มีผู้ที่คิดแผนนี้ขึ้นมากระหม่อมจึงรอดูว่าจะได้ผลหรือไม่" หลังจากนั้นองค์ชายสี่ก็ได้เล่าแผนการณ์ทั้งหมดให้รัชทายาทฟัง แต่ก็ยังมิได้เอ่ยบอกว่าผู้ใดที่คิดแผนนี้ขึ้นมา จนกระทั่งนางเดินเข้ามาพร้อมกับชูของในมือที่พึ่งทำเสร็จใหม่ให้คนในกระโจมดู
"หม่อมฉันทำเสร็จแล้วเพคะ แต่เพราะเป็นเหล็กชนิดเล็ก คงมิสามารถรับน้ำหนักคนที่ตัวโตได้นะเพคะ" ซีซีประดิษฐ์ตะขอและหน้าไม้สำหรับยิงขึ้นไปเพื่อยึดเกาะ จะได้ปีนขึ้นกำแพงได้ นางเอ่ยบอกอย่างภูมิใจจนมิทันสังเกตว่ามีผู้ใดอยู่ในห้องบ้าง
"เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร” รัชทายาทเอ่ยขึ้นเสียงดัง ทำเอาซีซียิ้มแห้งทันทีก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา
"ตามองค์ชายสี่มาเพคะ" นางตอบก่อนจะทำหน้ารู้สึกผิด องค์ชายสี่จึงเอ่ยให้พระเชษฐาเพิ่มความงุนงงไปอีก
“มิต้องตกใจไปเสด็จพี่ หากแผนนี้สำเร็จ ยังมีเรื่องให้ท่านแปลกใจอีก” คนน้องบอกเพียงเท่านั้น ก่อนจะออกไปรอดูผลด้านนอก เพราะผ่านมากว่าสองชั่วยามแล้ว{4ชั่วโมง} คาดว่าหากแผนนี้ได้ผล ก็น่าจะได้รู้ในไม่ช้า เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ ทุกคนต่างก็แปลกใจที่มิมีการจุดคบไฟเหมือนที่ควรจะเป็น จึงคาดเดาได้ว่าแผนนี้ได้ผลแล้ว
กองทหารตั้งแถวที่หน้าเมืองเพื่อรอคำสั่งบุก พลธนูเตรียมยิงหน้าไม้และธนู ซีซี ก็ได้ขอยิงหน้าไม้ที่ตัวเองออกแบบเช่นกัน แม้จะถูกห้ามแต่นางก็ดื้อรั้นมิยอมฟัง จนสุดท้ายตะคอก็ถูกยิงขึ้นไปเกาะเกี่ยวกำแพงด้านบน
เมื่อแน่ใจแล้วว่าแน่นหนาสตรีตัวน้อยก็รีบปีนขึ้นไปทันที โดยที่ทหารและองค์ชายพร้อมรัชทายาทห้ามมิทัน ทุกคนต่างแปลกใจ
เพราะหญิงสาวปีนขึ้นไปด้วยความชำนาญ และยังรวดเร็วราวกับว่าเดินอยู่บนพื้นราบปกติ
"ปลอดภัย รีบขึ้นมาเลย หลับกันหมดแล้ว" นางตะโกนลงมาแจ้งข่าวเมื่อถึงด้านบนของกำแพง เมื่อได้ยินเช่นนั้นทหารซึ่งมีหน้าที่ปีนต่างก็รีบไต่ขึ้นไป รวมทั้งลู่หานที่ปีนขึ้นมาสมทบกับซีซีก่อนแล้ว แต่ถึงจะแปลกใจมากก็มิใช่เวลาถาม ซีซีและลู่หานรีบลงไปเปิดประตูเมืองให้ทหารเข้ามาทันที ทุกคนต่างก็จ้องมองมายังสตรีตัวน้อย พร้อมกับเสียงชื่นชมตามมา ก่อนจะรีบทำหน้าที่ของตน
"มัดกบฎรวมกันไว้ สำหรับชาวบ้านและเด็กพาแยกไปไว้ต่างหาก" องค์ชายสี่ออกคำสั่งในทันที
"ลู่หานคุกที่ขังท่านอ๋องอยู่ที่ไหนกัน" ซีซีรีบถามลู่หาน แต่เขาเองก็มิอาจรู้ได้ จึงทำได้เพียงออกตามหาไปทุกที
"ดูถ้าแล้วคงจะดื่มน้ำกันทุกคน พวกเจ้าก็อย่าเผลอไปดื่มน้ำในเมืองเข้าล่ะ" องค์ชายบอกทหารของตนให้ระวัง
"สองวันนี้คงต้อง ลำบากไปตักน้ำบนเขามาไว้ดื่มกินกันก่อน ออกตามหาท่านอ๋องฉินให้พบ"
“พะย่ะค่ะ” ทหารรับคำสั่งก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ศาลไต่สวน เพราะที่นั่นน่าจะมีคุกไว้คุมขังผู้คนรอการลงโทษ อีกกลุ่มก็แยกย้ายกันจับกบฎที่หลับไหลไปมัดไว้รวมกัน ทุกอย่างดูง่ายไปถนัดตาเพราะมีต้องออกแรงต่อสู้กัน ทำให้ทหารต่างก็ชื่นชมในแผนการนี้เป็นอย่างมาก
ด้านอ๋องฉินหลังจากถูกคุมขังอยู่เกือบสี่วัน เขาและเหล่าทหารผู้ติดตามต่างก็อิดโรยไปตามๆกัน เพราะได้กินอาหารเพียงวันละมื้อเท่านั้น แต่วันนี้กลับต่างออกไป เพราะไม่มีผู้คุมหรือคนส่งข้าวเลย
"เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้เงียบผิดปกติเช่นนี้" อ๋องฉินเอ่ยขึ้นเมื่อทุกอย่างแปลกไปกว่าทุกวัน
“นั่นสิพะย่ะค่ะ ไยป่านนี้พวกมันยังมิมาส่งข้าวส่งน้ำพวกเราอีก หรือว่าจะมีคนมาช่วยพวกเราแล้ว”
จื่อถงเอ่ยแต่มินานความสงสัยก็คลายลงเมื่อเสียงเรียกคุ้นหูดังขึ้น
"เสด็จอา เสด็จอาพะยะค่ะ" เสียงเรียกจากองค์ชายสี่และรัชทายาทดังขึ้น ทำให้อ๋องฉินรีบขานรับ
“ข้าอยู่นี่” เมื่อทุกคนได้ยินเสียงก็รีบตรงมาหาทันที และเปิดประตูห้องขังออก ภาพที่เห็นคือเหล่าทหารซึ่งถูกขังรวมกันอย่างแออัด แทบจะไม่มีที่ให้ขยับตัว
"กระหม่อมขอประทานอภัยที่ทำให้เสด็จอาต้องลำบากเช่นนี้พะย่ะค่ะ" จิงหลินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นอายามนี้ หนวดเคราขึ้นเขียวครึ้ม อีกทั้งยังซูบผอมอีก
“ข้ามิเป็นไร เจ้าอย่าโทษตัวเองเลย” อ๋องฉินเอ่ยกับพระนัดดาของตน ที่ดูเหมือนเขาจะรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
"พวกเจ้ามาได้อย่างไร แล้วต้าเฉิงล่ะ" อ๋องฉินเอ่ยถามถึงหัวหน้าโจรกบฎทันที เพราะมิคิดว่าคนผู้นี้จะถูกปราบได้ง่าย ตอนถูกจับได้เห็นแล้วว่าการป้องกันแน่นหนามาก
"เราจับกบฎและต้าเฉิงขังไว้ในคุกอีกด้านเรียบร้อยแล้วพะย่ะค่ะ" องค์ชายสี่เอ่ยบอก
“พวกเจ้านี้เก่งกันจริงๆ มิคิดว่าจะสามารถตีเมืองได้สำเร็จเร็วถึงเพียงนี้” อ๋องฉินเอ่ยชมพระนัดดาของตนโดยหารู้ไม่ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือสตรีที่ตนหมายจะแต่งานด้วย
"พวกกระหม่อมมิเก่งพอจะตีเมืองได้เร็วถึงเพียงนั้นหรอกพะย่ะค่ะ คนที่เก่งรออยู่ด้านนอก ยามนี้คงเป็นกังวลมากแล้วเป็นแน่ พวกเราออกไปกันเถอะเสด็จอาคงหิวแล้ว" องค์ชายสี่เอ่ยบอกก่อนจะพยุงผู้เป็นอาเดินออกมา อ๋องฉินอดแปลกใจกับคำพูดขององค์ชายสี่มิได้
“ยังมีผู้ใดคิดแผนตีเมืองได้เร็วเช่นนี้อีก” อ๋องหนุ่มคิด
“นั่นสิ บอกให้รออยู่ที่จวนเจ้าเมืองก็มิฟัง” รัชทายาทเอ่ยถึงใครบางคนที่ยามนี้คงเดินไปมาราวหนูติดจั่นไปแล้ว มีแต่คนที่มิรู้ว่าอะไรเป็นอะไร จึงยังทำหน้าสงสัยอยู่เช่นนั้น