6.ถูกจับ
หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วที่อ๋องฉินไปเมืองจิ้ง ในแต่ละวันของซีซีก็มิมีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ความคิดช่างประดิษฐ์ที่ติดมาจากยุคปัจจุบัน ทำให้คิดสร้างสิ่งของมากมายที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริงในยุคนี้
จึงเริ่มกลายเป็นที่สนใจของผู้คนชั้นสูง เช่นกระดาษ พู่กันแบบเก็บหมึกได้ สบู่ ครีมจากสมุนไพร ยาสระผมที่มีกลิ่นหอม ทำให้ทุกคนต่างเริ่มรู้จักนางมากขึ้น
วันนี้ก็เช่นกันหญิงสาวยังคงงวนอยู่กับการปรุงน้ำหอมและสบู่จากกลีบดอกไม้ ซึ่งมีชาวบ้านนำมาขายให้ตามคำบอกเล่าของผู้คนปากต่อปาก ยามนี้เรือนด้านหลังในจวนเลยกลายเป็นแหล่งผลิตของใช้ปทินโฉมไปแล้ว
"เหนื่อยหรือไม่ซีซี" ไท่เฟยเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน
"ไม่เพคะ หม่อมฉันกำลังสนุกเลย" อีกฝ่ายตอบกลับเสียงใส เพราะยามนี้กำลังปรุงเครื่องหอมและทำสบู่
"พักบ้างนะ หากฉินเหยียนกลับมาจะต่อว่าข้าใช้งานเจ้าหนัก" ไท่เฟยเอาบุตรชายมาอ้าง เพราะเห็นว่าซีซีทำมิยอมหยุดเลยในแต่ละวัน
"อย่าทรงตรัสเช่นนั้นสิเพคะ หม่อมฉันทำเองทั้งนั้น หาได้มีใครบังคับหม่อมฉันทำเสียหน่อย ดีกว่าอยู่เฉยๆเดินไปเดินมานะเพคะ" เสียงหวานเอ่ยตอบเจื้อยแจ้ว พร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มที่บ่งบอกว่ามีความสุขที่ได้ทำ ไท่เฟยมองดูสตรีตรงหน้าอย่างรักใคร่ แต่คนตัวเล็กกลับชะงักไปเมื่อได้เอ่ยถึงใครบางคนขึ้นมา
"ป่านนี้ท่านจะเป็นเช่นไรบ้างนะ"
เมืองจิ้งยามนี้ทหารยังคงเฝ้าอยู่ด้านนอก รวมถึงรัชทายาทและอ๋องฉิน ที่ยังคงมิอาจตีเข้าเมืองนี้ได้อย่างที่หวัง เพราะภูมิทัศน์ฝ่ายนั้นเป็นต่ออย่างมาก
"เสด็จอาหากเรามิโจมตีตอนนี้เห็นทีจะมิมีโอกาสอีกแล้วนะพะย่ะค่ะ"
รัชทายาทเอ่ยอย่างร้อนใจเมื่อเห็นช่องทาง
"หากเข้าไปตอนนี้เราอาจจะถูกมันซุ่มโจมตีได้ เงียบเกินไปดูเหมือนฝ่ายนั้นจงใจทำให้เป็นเช่นนี้นะพะย่ะค่ะ" อ๋องฉินเอ่ยกับพระนัดดาของตน ที่หมายจะตีเมืองให้ได้โดยเร็ว มันก็ไม่ต่างจากความคิดเขานัก เพียงแต่โจมตีไปคราใดก็พลาดพลั้งทุกที จนเสียไพร่พลไปมากแล้ว
"นั่นสิพะยะค่ะ เหตุใดจึงมิมีคนเฝ้าเลยแม้แต่น้อย เช่นนี้เรายิ่งมิควรบุกเข้าไปนะพะย่ะค่ะ" จื่อถึงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าสิ่งตรงหน้านั้นดูแปลกไปเช่นกัน
"พวกมันอาจจะกำลังฉลองกันอยู่ก็ได้ ที่ปล้นเสบียงมาได้ เราอาศัยช่วงเวลานี้อาจทำให้เราชนะนะพะย่ะค่ะ" รัชทายาทเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าศัตรูมิได้มีท่าทีป้องกัน
"อย่าประมาทดีกว่าพะย่ะค่ะ"อ๋องฉินกล่าวค้าน
แต่รัชทายาทมิฟังคำจึงสั่งทหารบุกโจมตี
"บุกเข้าไปใครตัดหัวต้าเฉิงได้ รับหนึ่งร้อยตำลึง” เมื่อผู้เป็นนายเอ่ยเช่นนั้นกองทหารก็บุกไปทันที อ๋องฉินที่ทำได้เพียงรับคำสั่ง และต้องอารักษ์ขารัชทายาทก็ต้องรีบตามไป เมื่อบุกมาถึงก็เจอกับกลุ่มธนูที่พวยพุ่งออกมานับร้อย ทำให้ทหารล้มตายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
"จงหลิน เจ้าบาดเจ็บหรือไม่" อ๋องฉินเอ่ยถามพระนัดดาตนทันทีด้วยความเป็นห่วง
"กระหม่อมมิเป็นอันใดเสด็จอา"
"ลู่หานพารัชทายาทออกไป จื่อถงเจ้ามากับข้า" อ๋องฉินต่อสู้กับโจรกบฏเพื่อยื้อเวลาให้ จื่อถงพารัชทายาทหนี
แต่เพราะกำลังมีน้อยกว่าแม้จะสู้เก่งกาจเพียงใด ทั้งยังมีห่วงกังวลคนใต้บังคับบัญชา ท้ายที่สุดจึงต้องยอมจำนนอ๋องฉินถูกจับรวมกับเหล่าทหารที่บาดเจ็บ แต่อีกฝ่ายมิมีผู้ใดล่วงรู้ว่าผู้ที่ตนจับได้นี้เป็นใครจึงถูขังรวมทั้งหมด
"ท่านอ๋อง พวกกระหม่อมทำให้ต้องลำบากแล้ว หากทรงหนีไปก็คงมิถูกจับเช่นนี้" ทหารนายหนึ่งเอ่ยขึ้น
"ข้ามิเป็นไรจะให้ข้าทิ้งพวกเจ้าไปได้เช่นไรกัน" อ๋องฉินหันมาเอ่ยกับเหล่าทหารของตน ส่วนรัชทายาทเมื่อนำกำลังถอยร่นมาจนถึงนอกเมืองก็ตั้งรับรออยู่ที่นั่น
"เจ้าว่าอะไรนะเสด็จอาถูกจับ รวมกับทหารอย่างนั้นรึ ข้าจะกลับไปช่วยเสด็จอา" รัชทายาทตกใจหลังได้รับข่าวจากสายลับที่ยังแฝงตัวอยู่ในเมือง จึงหมายจะกลับไปช่วยแต่ลู่หานก็เอ่ยเตือนสติเสียก่อน
"เป็นเพราะข้า เสด็จอาถึงได้ถูกจับไปเช่นนี้ รีบส่งม้าเร็วไปที่เมืองหลวงแจ้งข่าวให้เสด็จพ่อรู้"
"พะย่ะค่ะ"รับคำสั่งทหารม้าเร็วก็รีบเดินทางทันที ใช้เวลาสองวันก็มาถึงและได้กราบทูลเรื่องราวที่อ๋องฉินถูกจับไปขณะช่วยรัชทายาทออกมา ทำให้ฮ่องเต้พิโรธ สั่งให้องค์ชายสี่นำทหารออกไปปราบกบฏอีกแรง
เมื่อข่าวที่อ๋องฉินถูกกักขังเป็นนักโทษในเมืองจิ้งมาถึงจวนอ๋องฉิน ก็ทำให้ไท่เฟยเกิดร้อนพระทัยเป็นอย่างมาก ด้านซีซีเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็คิดอยากไปช่วยอ๋องฉิน จึงขอพระสนมติดตามทหารไปที่เมืองจิ้ง
"ขอให้หม่อมฉันไปที่เมืองจิ้งเถอะนะเพคะ"
"เจ้าเป็นหญิงเจ้าจะไปได้อย่างไรกัน หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะตอบฉินเหยียนเช่นไร” ไท่เฟยเอ่ยขึ้น เพราะยามนี้นางเองก็ร้อนใจมิน้อย
"หากท่านอ๋องกลับมามิได้ หม่อมฉันก็มิอาจอยู่ต่อได้ต่อไปเช่นกันเพคะ" ซีซีเอ่ยขึ้นแม้จะทำให้ไท่เฟยขุ่นเคือง แต่นี่คือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นก็เป็นได้ หากสุดท้ายแล้วก็มิอาจเปลี่ยนใจไท่เฟยได้แม้จะเอ่ยเช่นนั้น
"เจ้าคิดว่าไปแล้วจะช่วยอะไรได้ พาแม่นางซีซีไปพักเถอะ" ไท่เฟยเอ่ยเสียงเหนื่อย ทำให้ซีซีจำต้องเดินกลับห้องของตนไปพร้อมกับหน้าตาที่ผิดหวัง
แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าซีซีอยู่ในห้อง อันที่จริงนางได้ปีนต้นไม้ขึ้นหลังคาหนีออกมาแล้ว เพราะสมัยเรียนทั้งแก่นทั้งดื้อ แต่เธอก็เป็นนักเรียนที่ดีและเล่นกีฬาเก่ง ซีซีเป็นนักกีฬา เทควันโดเหรียญทองของภาค เรื่องความแข็งแรงมิต้องห่วง เมื่อหนีออกมาได้เธอก็มุ่งไปยังกองทหารที่กำลังออกเดินทางทันที
"คงต้องตามห่างๆสินะ ดีนะที่เราขี่ม้าเป็น มิเสียแรงที่แอบไปฟาร์มม้าบ่อยๆ" เสียงหวานเอ่ยในขณะที่บังคับม้าตามขบวนทหารไป โดยมิให้ผู้ใดสังเกตเห็น
เมื่อมาถึงเมืองจิ้ง ซีซีซึ่งแอบตามมาก็หลบขึ้นไปบนภูเขา เพราะเธออาศัยอยู่ที่นี่ในยุคปัจจุบันจนกระทั่งแม่เสียไป จึงได้ย้ายตามพ่อไปอยู่อีกเมือง
"ถ้าจำมิผิด เมืองนี้มีทางน้ำใต้ดินที่ไหลผ่านตรงกลางแน่ๆ ดีที่ไม่โดดคาบวิชาโบราณคดี"
หลังจากที่เฝ้าดูลาดเลาแล้วก็ลงจากเขาหาที่พักทันที ดีที่เธอใช้ชีวิตมาแบบสมบุกสมบันเลยนอนที่ไหนก็ได้ เพียงแต่ในใจก็อดกลัวไม่ได้เหมือนกัน เพราะที่นี่เป็นป่าใหญ่ล้อมรอบเมือง แม้จะเห็นคบไฟด้านล่างที่เป็นของกองทหารก็เถอะ แต่ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงอยู่ดี แต่เพราะเมื่อยล้าเลยทำให้หลับไปโดยง่าย
ค่ายทหาร รุ่งเช้าองค์ชายสี่ก็ตื่นขึ้นมาวางแผนเข้าโจมตี แต่จู่ๆทหารก็เข้ามารายงานว่ามีคนต้องการพบ เมื่อเขาเห็นว่าเป็นซีซีก็มีท่าทีประหลาดใจเป็นอย่างมาก
"เจ้ามาได้อย่างไรกัน" คิ้วเรียวผูกกันเป็นปม
"หม่อมฉันตามพระองค์และขบวนทหารมาเพคะ"
"ได้อย่างไรกันมันอัตรายมิรู้หรือ ข้าจะให้ทหารส่งเจ้ากลับเมืองหลวงเดี๋ยวนี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าข้าจะตอบเสด็จอาได้เช่นไรกัน" องค์ชายสี่เอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ แต่คนตัวเล็กตรงหน้าก็หาได้มีท่าทางจะกลับไม่
“มิกลับเพคะ หม่อมฉันคิดว่าอาจจะพอช่วยได้บ้างจึงตามมาเช่นนี้ หม่อมฉันขึ้นไปสำรวจบนเขา ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าแล้ง แม่น้ำแห้งขอดใช่หรือมิเพคะ" ซีซีเอ่ยขึ้น ทำให้องค์ชายสี่แปลกใจมิน้อย เพราะเขาก็ศึกษามาเช่นนั้น
“เจ้ารู้ได้เช่นไรในเมื่อเจ้าพึ่งมาถึงที่นี่”
"อย่าทรงประหลาดใจในตัวหม่อมฉันเลยเพคะ เพราะยังมีสิ่งสำคัญที่เราต้องรีบจัดการอีก ได้ยินว่าในเมืองต้องใช้น้ำจากบ่อที่ขุดใช่หรือไม่เพคะ"
“คงเป็นเช่นนั้น เพราะแม่น้ำสายหลักเหือดแห้งบ้างแล้ว จึงใช้เพียงน้ำในบ่อสำหรับดำรงชีพชีวิตประจำวัน”
"ถ้าหม่อมฉันเดาไม่ผิด หากเราค้นหาตาน้ำใต้ดินพบ เราก็สามารถใช้ยานอนหลับผสมไปในน้ำได้ใช่หรือไม่เพคะ เช่นนั้นแล้วยามที่คนในเมืองดื่มกินก็คงจะหลับไปเช่นกัน" ซีซีเอ่ยในสิ่งที่นางคิด เพราะกลอุบายเช่นนี้น่าจะใช้ได้แหละ เพราะอย่างไรปัจจัยหลักก็คือน้ำ
คำบอกเล่าของสตรีตัวน้อยทำเอาผู้ที่ร่วมหารืออยู่ถึงกับนิ่งไป เพราะมิคิดว่านางจะสามารถคิดแผนได้แยบยลเช่นนี้ องค์ชายสี่จึงเอ่ยสนับสนุนแต่ก็ยังมีที่ติอยู่
"ก็น่าจะได้ผล แต่ถ้าหาตาน้ำมิพบล่ะ ก็เปล่าประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้น เพราะเรามิสามารถบุกเข้าเมืองที่ปิดตายเช่นนี้ได้" เขาเอ่ยก่อนจะหันมาหาคนที่ยืนยิ้มอยู่มิไกล
“แต่หม่อมฉันคิดว่าหม่อมฉันเจอแล้วนะเพคะ”
"อยู่ที่ใดกัน เจ้ารีบนำข้าไป" องค์ชายสี่เอ่ยอย่างเร่งรีบ
“บนเขาเพคะหม่อมฉันคิดว่าน่าจะเป็นที่นั่น เพราะมีน้ำไหลลงในช่องที่ดูเหมือนถ้ำ และมิมีทางออกจนถึงกำแพงเมืองเพคะ หม่อมฉันสำรวจแล้วมิมีแหล่งน้ำบริเวณนั้นเลยเพคะ คาดว่ามันน่าจะเป็นต้นน้ำที่ไหลลงดินและตรงเข้าเมือง ถ้าหม่อมฉันคิดไม่ผิด" นางร่ายยาวถึงแผนการ
“เมืองจิ้งมิเคยขาดน้ำอาจจะเป็นเพราะน้ำใต้ดินมีมากก็เป็นได้พะยะค่ะ”นายกองเฉินเสริมคำพูดของซีซี
"ถ้าเช่นนั้นก็ลองดู อย่างน้อยถ้าเจ้าคิดมิผิด ทำให้ฝ่ายนั้นลดกำลังลงบ้างก็ถือว่าดีแล้ว”องค์ชายสี่หันมายิ้มให้กับหญิงสาวที่ตนแอบพึงใจ แต่เพราะมิเคยได้พบปะพูดคุยเป็นการส่วนตัวเลยสักครั้งจึงมิมีโอกาสได้ทำความรู้จักกัน
"พวกเจ้าไปหายานอนหลับหรือสมุนไพรที่ทำให้หลับเอามาให้มากมี่สุด" เขาออกคำสั่งทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา
“พะย่ะค่ะ” ทหารรับคำก่อนจะเกณฑ์คนออกไปหาของตามคำสั่ง สายของวันก็ติดตามองค์ชายพร้อมซีซีขึ้นไปที่ต้นน้ำบนเขา หลังจากนั้นก็ใส่ยาสลบและสมุนไพรลงไปในน้ำที่ไหลลงช่องที่เป็นโพรง