4. เป็นห่วง
เพียงเท่านั้นก็ได้พบเจอกับภาพต่อสู้ที่น่ากลัว ร่างเล็กหมายจะก้าวลงมา จู่ๆก็มีชายชุดดำตรงเข้ามาทำร้าย แต่ก่อนที่ดาบจะถึงตัวนั้น เขาก็ล้มลงกองกับพื้นเสียก่อน เพราะมีมีดที่พุ่งมาจากที่ใดมิรู้ปักลงกลางหลัง
"กลับเข้าไปข้างในเดี๋ยวนี้!!" ฉินเหยียนตะโกนบอก เมื่อเห็นคนตัวเล็กตั้งท่าจะเดินลงมาอีก ซีซีรีบทำตามอย่างว่าง่าย สักพักเสียงต่อสู้ก็จบลง
"แม่นางซีซีเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"
"ข้ามิเป็นไร" ซีซีกำลังจะโผล่หน้าออกมา แต่!
"กลับเข้าไป!!" อ๋องฉินออกคำสั่งอีกครั้งเพราะเกรงว่าจะมีคนร้ายดักซุ่มรออยู่ เมื่อมาถึงจวนจึงได้รู้ว่าเขาถูกคมดาบแทงตรงหัวไหล่ขวาโชคดีที่มิลึกมาก ปกติแล้วท่านอ๋องผู้นี้ น้อยนักที่จะได้รับบาดเจ็บ หากมิใช่เพราะเห็นซีซีกำลังจะถูกทำร้ายก็คงมิพลาดเช่นนี้
เขาขว้างมีดบินออกมาสกัดคนร้ายจึงทำให้มิทันระวัง ซีซีเห็นว่าท่านอ๋องบาดเจ็บ ก็อดเป็นห่วงมิได้จึงตามเข้าไปนั่งดูหมอทำแผล
"เจ็บมากไหมเพคะ" นางเอ่ยถามพร้อมกับทำหน้าเศร้า
จนฉินเหยียนอดปลื้มใจมิได้ที่เห็นเช่นนี้
"ข้ามิเป็นไร เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะดึกมากแล้ว"
เขาบอกคนตัวเล็กแต่ดูเหมือนนางจะมิฟังแม้แต่น้อย เพราะซีซีต้องการดูให้แน่ใจว่าคนตัวโตมิได้เป็นอะไรมาก จึงอยู่รอจนกระทั่งทำแผลเสร็จ เมื่อหมอกลับไปแล้วอ๋องฉินจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
"ถ้าเจ้ามิอยากกลับห้อง จะนอนที่นี่ก็ได้นะ" เอ่ยจบเขาก็ยืนขึ้นแล้วหันมาหาผู้ที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ เพราะยามนี้ซีซีเอาแต่จ้องมองลอนท้องของอีกฝ่าย ที่มันน่าสัมผัสเสียเหลือเกิน ก็เขาใส่เพียงแค่กางเกง ถึงจะมีเสื้อคลุมคาอยู่ที่เอวห้อยลงมาก็เถอะ แต่ด้านบนมันไม่มีอะไรปิดเลย
นอกจากผ้าที่พันรอบช่วงไหล่เอาไว้เท่านั้น พอได้สติซีซีก็ตั้งท่าเตรียมวิ่ง แต่ต้องหยุดชะงักในสิ่งที่อ๋องฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทักท้วงอยู่ในที
“เดี๋ยวก่อนจะมิบอก ฝันดี กันหน่อยหรือ”
"ห๊ะ! ฝันดีเหรอ" ซีซีคิดในใจอยู่สักพักจึงเข้าใจเหตุการณ์ก่อนนี้นางยิ้มส่งให้เขา ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่คนตัวโตอยากฟัง
"ฝันดี เพคะท่านอ๋อง" เสียงหวานเอ่ยบอก พร้อมกับแก้มเนียนที่ขึ้นสีเรื่อ ฉินเหยียนมองตามร่างเล็กจนลับตา พร้อมกับยิ้มออกมา คืนนี้เขาคงหลับฝันดีอย่างที่นางเอ่ยเป็นแน่ นั่นคือสิ่งที่อ๋องหนุ่มคิด
เมื่อกลับมาถึงห้องซีซีก็นึกถึงเรื่องก่อนออกจากงานเลี้ยง นางกล่าวบอกฝันดีรัชทายาทไป หลังจากนั้นน้ำเสียงของท่านอ๋องก็แสดงออกมาชัดเจนว่าไม่พอใจ นางอดคิดมิได้ว่าเขาอาจหึงหวงที่ตนสนิทกับรัชทายาท
แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการคิดเข้าข้างตัวเองเสียมากกว่าจึงสลัดทิ้งไป อีกด้านภายในห้องบรรทมโอ่อ่ากว้างขวางสมฐานะอนุชาคนเดียวของฮ่องเต้ อ๋องฉินเดินมานั่งบนเตียงกว้างของตน หลังจากชำระร่างกายเสร็จแล้ว
ในใจก็ครุ่นคิดถึงสตรีตัวน้อยที่อยู่ห้องถัดไปมิไกล นับวันเขาก็ยิ่งกลัวว่านางจะกลับไปยังที่ที่จากมา
"เจ้ามาจากที่ใด เหตุใดจึงทำให้ข้าเอาแต่คิดถึงเจ้าเช่นนี้ แล้วเจ้าจะอยู่ที่นี่ตลอดไปได้หรือไม่ซีซี" อ๋องฉินเอ่ยถ้อยคำแผ่วเบากับตนเอง ก่อนจะเดินมายืนข้างหน้าต่าง
“ท่านอ๋องต้องการสิ่งใดหรือไม่พะย่ะค่ะ”จื่อถงเอ่ยถามผู้เป็นนาย เพราะเห็นว่ายังมีแสงไฟส่องสว่างอยู่จึงเดินเข้ามาเพราะอดเป็นห่วงกับอาการบาดเจ็บของท่านอ๋องมิได้
“ข้าจะนอนแล้ว เจ้าก็ไปพักเถอะพรุ่งนี้ยังต้องเข้าไปตรวจงานในหน่วยองครักษ์อีก” เขาเอ่ยบอกกับคนของตนก่อนจะเดินกลับไปยังเตียงกว้างที่ดูอ้างว้างขึ้นมาทันที
เมื่อนึกถึงใครบางคนที่อยากให้นอนอยู่บนเตียงนี้ด้วยกัน เขาหวังว่ามันจะเป็นอย่างที่คิดในสักวัน
หลังจากที่ซีซีหลุดมาอยู่ในยุคโบราณ ก็ผ่านมาแล้วสองเดือน ในทุกๆวันเธอก็ออกไปเดินตลาด เรียนรู้การทำอาหาร พูดคุยอยู่กับไท่เฟย
แต่มิค่อยได้พบเจอกับอ๋องฉินมากนัก เพราะอีกคนต้องทำหน้าที่อารักขาฮ่องเต้และเหล่าองค์ชาย ซึ่งมักออกไปตรวจเยี่ยมราษฎรและล่าสัตว์ที่ต่างเมืองอยู่เสมอ อ๋องฉินเหยียนก็เป็นหนึ่งในราชวงค์เช่นกัน จึงมิได้เพียงแค่ออกไปทำหน้าที่เท่านั้น แต่ยังร่วมกิจกรรมที่มีมาแต่โบราณของคนชั้นสูงด้วย แต่วันนี้ในขณะที่สตรีต่างวัยกำลังนั่งทานอาหาร ท่านอ๋องและผู้ติดตามก็มาถึงพอดี
"ขอกระหม่อมทานด้วยนะพะยะค่ะเสด็จแม่ วันนี้ยังมิได้ทานอะไรเลยสักนิด" อ๋องฉินเอ่ยกับมารดาแต่สายตากลับจับจ้องไปที่คนตัวเล็กที่นั่งอยู่
"กลับมาแล้วหรือลูก แม่ได้ยินว่ามีการลอบปลงพระชนม์ มีใครเป็นอะไรหรือไม่ เจ้าบาดเจ็บหรือไม่" ไท่เฟยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ซึ่งผู้ที่นั่งข้างๆก็รอฟังเช่นกัน
"มิมีใครบาดเจ็บพะย่ะค่ะ ส่วนกระหม่อมก็สบายดีมิได้บาดเจ็บแต่อย่างใด" พูดแล้วก็หันมามองคนที่นั่งอยู่มิไกล
ไท่เฟยเห็นสายตาบุตรชายก็พอเข้าใจจึงยิ้มเอ็นดู ก่อนจะหันไปทางผู้ติดตามคนสนิทของบุตรชาย
"ลู่หาน เจ้ากลับมาแล้วหรือ "
"พะยะค่ะไท่เฟย งานที่ท่านอ๋องมอบหมายเสร็จสิ้นแล้วกระหม่อมจึงได้กลับมา" องครักษ์หนุ่มตอบ
เมื่อทานอาหารเสร็จไท่เฟยจึงกลับห้องไปพักผ่อน เหลือเพียงหนุ่มสาวที่ยังคงนั่งอยู่ท่ามกลางความเงียบที่ต่างฝ่ายก็มิรู้ว่าจะเอ่ยสิ่งใดออกมา จึงเป็นซีซีที่ทนมิไหว
"ท่านอ๋องมิได้บาดเจ็บจริงๆใช่หรือไม่เพคะ"เสียงหวานเอ่ยถาม เพราะคิดว่าเขาอาจมิอยากให้มารดาเป็นห่วง
จึงได้ตอบออกไปเช่นนั้น อ๋องฉินยิ้มออกมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงท่าทางเป็นกังวลอย่างเปิดเผย
"เจ้าเป็นห่วงข้ากระนั้นหรือ มิคิดว่าจะได้ยินเช่นนี้ ข้าดีใจนะที่เจ้าเอ่ยถาม" อ๋องฉินเอ่ยเสียงทุ้มอ่อนโยนออกมาทำเอาอีกฝ่ายถึงกับหน้าหรา
เมื่อรู้ว่าตนพลาดแล้วที่แสดงความรู้สึกออกมาจนเขาจับได้ ซีซีจึงรีบขอตัวออกมาจากสถานการณ์ที่ทำให้ตนหน้าแดงนี้ทันที
"หม่อมฉันขอกลับห้องก่อนนะเพคะ" เสียงหวานเอ่ยขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนหมายจะเดินออกไปให้เร็วที่สุด อ๋องหนุ่มรับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังอาย ที่เผยแสดงความห่วงใยออกมา จึงรีบหาทางหนีเช่นนี้
"เจ้ายังมิตอบข้าเลยนะ จะหนีไปไหนล่ะ" เขาเอ่ยเย้าอยู่ในที ทำให้คนน้องยิ่งอายเข้าไปใหญ่ นางรีบผละตัวเดินหนีออกมาโดยมิตอบอีกฝ่าย
เพราะยามนี้ใบหน้าเห่อร้อนจนลามมาถึงหู คาดว่ามันคงแดงมากแน่
"เหตุนี้เองรึพะยะค่ะที่ทำให้ท่านอ๋องรีบกลับจวน เพราะมีใครบางคนรออยู่นี่เอง" คนสนิทที่พึ่งได้เห็นรอยยิ้มของผู้เป็นนาย ซึ่งมีให้สตรีเป็นคราแรกเอ่ยขึ้น
"หากเจ้ามิพูดก็มิมีใครว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะลู่หาน ข้ามิน่าเรียกเจ้ากลับมาเลย" อ๋องฉินเอ่ยกับผู้ติดตามคนสนิท ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องของตน
"ฮ่าฮ่าข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าคิดจะพูด ข้าเห็นแววตาที่ท่านอ๋องมองแม่นางซีซี ข้าก็ดูออกว่าท่านอ๋องพึงพอใจนางมาก" จื่อถงเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะ ที่สหายมิฟังคำพูดของตนที่เอ่ยห้ามเอาไว้
"ข้าจะรู้ได้เช่นไรว่าท่านอ๋องจะเป็นเอามากถึงเพียงนี้ ข้ามิเคยเห็นท่านอ๋องจะใส่ใจใครเลย" สองสหายยังคงพูดถึงเรื่องของผู้เป็นนายกันอยู่พักหนึ่ง
เพราะยามนี้มีผู้มาอยู่ใหม่ ลู่หานจึงอยากรู้ความเป็นมาของนางจะได้ไม่ทำท่านอ๋องกริ้ว ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนยังห้องของตน
หลังจากอ๋องฉินได้กลับมาพักที่จวนได้เพียงสองวัน ก็ต้องออกไปทำหน้าที่อารักขารัชทายาทอีก เพราะวันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์ มีเทศกาลโคมไฟ
และการละเล่นพร้อมการแสดงมากมาย รัชทายาทออกไปเที่ยวเล่นตามปกติรวมถึงเหล่าองค์ชายองค์หญิง ทุกคนต่างสนุกสนาน
ซีซีได้รับอนุญาตจากไท่เฟยให้ออกมาเช่นกัน แต่ครั้งนี้มีลู่หาน คอยติดตามพร้อมสาวรับใช้และองครักษ์ที่ท่านอ๋องสั่งให้คอยดูแลอยู่ เพราะเกรงว่านางจะแอบออกไปเดินเที่ยวเตร่คนเดียว
"เจ้าก็มาด้วยหรือคิดว่าเสด็จอาจะมิปล่อยเจ้ามาเสียอีก" รัชทายาทเอ่ยขึ้นเมื่อพบเข้ากับซีซี
"ถวายพระพรเพคะ รัชทายาท" นางคำนับอีกฝ่าย
"ไปปล่อยโคมกันดีกว่า ข้าอยากปล่อยโคมกับเจ้าไปเถอะ" พูดจบรัชทายาทก็จับมือซีซีเดินไปโดยที่มิสนใจผู้ใด โดยที่มิทันได้สังเกตผู้ที่เดินตามมาคือท่านอ๋องฉิน
พร้อมบุตรีของมหาเสนา อี้เหม่ยและอ๋องหนุ่มทั้งคู่ต่างก็ชักสีหน้าที่มิพอใจ แต่ก็จำต้องเดินตามไป รัชทายาทกำลังเขียนคำอธิฐานลงบนโคมอย่างตั้งใจ จึงมิได้สังเกตว่าคนที่มาด้วยได้หายไปแล้ว