8. เข้าใกล้
เหวินโหรวจูงแขนเล็กเข้ามานั่งที่โต๊ะในห้องโถงของเรือนหลังนี้ ก่อนจะหยิบกล่องไม้ทรงสี่เหลี่ยมยาวออกมาวางตรงหน้าพร้อมกับยิ้มกริ่ม
“อะไรหรือเจ้าคะ” ถามออกไปพร้อมกับขมวดคิ้วเอียงคอมองพี่ชายเพราะไม่เข้าใจ
“เปิดดูสิพี่ซื้อมาฝากเจ้า” เหวินโหรวเอ่ยบอกก่อนจะส่งสายตาหวานซึ้งให้กับไป่อิงอย่างเปิดเผย ทำเอาคนถูกมองถึงกับยิ้มแหยออกมา เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงท่าทีเช่นนี้
“เหตุใดท่านพี่ถึงส่งสายตาชนิดกับข้า คงไม่ใช่หรอกนะ” ได้แต่นึกในใจ นางไม่อยากคิดว่ามันจะเป็นจริงหรอก เพราะเท่าที่ฟังจากชิงหง คนตรงหน้าก็ไม่เคยมีท่าทีอื่นนอกจากเอ็นดูน้องสาวผู้นี้เลย ไป่อิงจึงหันมาสนใจกล่องตรงหน้าก่อนจะเปิดออกดู พอเห็นว่ามันเป็นปิ่นปักผมนางก็ยิ้มบางๆ พอเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการสื่อแล้ว
“สวยหรือไม่ เจ้าชอบหรือเปล่า” เสียงทุ้มอ่อนโยนเปล่งออกมา พร้อมกับจ้องมองสีหน้าของคนน้องไปด้วย ไป่อิงยิ้มส่งให้อีกครั้งเพื่อรักษามารยาท
“สวยเจ้าค่ะ แต่ว่ามันคงไม่เหมาะกับน้องเท่าใดนัก เหตุใดท่านพี่ไม่มอบให้กับสตรีที่พึงใจล่ะเจ้าคะ” แสร้งถามออกไป เพื่อจะได้รู้ความจริงว่าเขาทำเพราะหวังสิ่งใด
“พี่ก็แค่อยากซื้อให้เจ้าเท่านั้น เห็นว่ามันสวยดี” อีกฝ่ายตอบกลับเสียงทุ้ม และยังคงส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ “ดูท่าเราคงจะแสดงออกมากเกินไป อิงอิงคงจะตกใจแย่” เหวินโหรวคิดในใจ ก่อนจะทำทีเป็นเฉไฉบิดเบือนความรู้สึกของตน เพื่อไม่ให้คนน้องต้องถอยห่างหากรู้ว่าเขามีใจ
“เช่นนั้นน้องจะรับไว้เจ้าค่ะ” ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม มองดูแล้วก็ไร้เดียงสายิ่งนัก แต่ภายในใจกับกำลังคิดว่าคนตรงหน้า หมายจะเปลี่ยนสถานะกับนางมากกว่า
“อาหารมาแล้วเจ้าค่ะ” ชิงหงเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้อีกสองคน จานอาหารถูกยกวางบนโต๊ะมากมาย
“ทำไมวันนี้มีเยอะนัก” เพราะปกติมีอาหารเพียงแค่สองหรือสามอย่างเท่านั้น แต่วันนี้กลับมีมากกว่า เจ้าของเรือนจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“หมายความว่าอย่างไรปกติเจ้าก็ไม่ได้กินอาหารเช่นนี้หรอกหรือ” เหวินโหรวเอ่ยถามทันที
“เปล่าเจ้าค่ะ ปกติจะทานเพียงแค่อาหารสองสามอย่าง และดูเหมือนจะเป็นอาหารที่คัดเหลือมาด้วยซ้ำ” เอยแล้วก็ชำเลืองมองคนที่เดินตามชิงหงเข้ามา ทั้งคู่รีบหลบตาทันที เพราะทุกอย่างที่ทำก็ล้วนแต่เป็นคำสั่งของฮูหยินใหญ่ พวกนางเองก็ไม่กล้าขัด
“เรื่องนี้เอาไว้พี่จะจัดการให้ เช่นนั้นต่อไปพี่จะมาทานข้าวด้วยทุกวันก็แล้วกัน จะดูซิว่าอาหารที่ถูกยกมาจะเป็นเช่นที่เจ้าเคยกินหรือไม่” เมื่อพอจะเดาอะไรได้ เหวินโหรวก็แสดงท่าทีปกป้องน้องสาวต่างสายเลือดทันที ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขาไม่ค่อยกล้าเท่าใดนัก
“ช่างเถอะเจ้าค่ะน้องทานได้” ตอบกลับเสียงหวาน
“ไม่ได้หรอกพี่จะมาทานกับเจ้าทุกวัน หากไม่ได้ไปราชการข้างนอก” คนตัวโตยังคงใช้ถ้อยคำอ่อนโยนเช่นเคย ก่อนที่ทั้งคู่จะลงมือทานอาหารตรงหน้า ซึ่งดูเหมือนไป่อิงจะทานไปได้เยอะมาก เพราะกับข้าวนั้นมีแต่ของดีๆ และอร่อย เรียกได้ว่าตั้งแต่มาอยู่นางยังไม่เคยกินเลยด้วยซ้ำ
“งานโคมไฟยังจัดต่ออีกสองคืนเจ้าอยากจะไปหรือไม่” จู่ๆ พี่ชายที่แสนดีก็เอ่ยขึ้นมา ทำเอาคนที่อยากออกไปเที่ยวอยู่แล้วตาโต ก่อนจะขยับเข้าหาอีกฝ่ายเล็กน้อย
“ไปได้หรือเจ้าคะ ท่านพี่จะพาข้าไปใช่หรือไม่”
“อืม..แต่เจ้าต้องห้ามเดินเถลไถลนะ พี่เกรงว่าอาจจะมีคนคิดว่าเรื่องแผนผังนั้นไม่ใช่แค่นิทาน เจ้าอาจตกอยู่ในอันตรายได้” เอ่ยบอกอยากเป็นห่วง
“เจ้าค่ะ น้องจะเชื่อฟังท่านพี่ทุกอย่าง” ไป่อิงเผยยิ้มหวานออกมา เมื่อรู้ว่าตนจะได้ออกไปเที่ยวข้างนอกเสียที
“พี่ชอบที่เจ้าเป็นเช่นนี้นะ” จู่ๆ เหวินโหรวก็เอ่ยออกมาเพราะลืมตัว ก็คนน้องขยับเข้ามาใกล้ซ้ำยังยิ้มหวานใส่ คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ไป่อิงต้องถอยห่าง เพราะนางตั้งรับไม่ทันจริงๆ กับท่าทีของเขาที่เป็นเช่นนี้
“เอาเถอะพี่ไม่กวนเจ้าแล้ว ยามโหยว [17:00-18:59] พี่จะมารับเจ้าแล้วกันนะแต่งตัวงามๆ ล่ะ” เอ่ยจบเขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับยื่นมือมายีหัวเช่นทุกครั้ง
ไป่อิงมองตามร่างสูงของบุตรชายคนโตสกุลว่าน ก่อนจะถอนหายใจออกมาดังพอให้สาวใช้ข้างกายได้ยิน ชิงหงขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยถามเบาๆ
“คุณหนูว่าคุณชายเปลี่ยนไปไหมเจ้าคะ เหตุใดจึงสงสัยตายเช่นนั้น ทำอย่างกับบุรุษกำลังเกี้ยวสตรี”
“เก่งนะที่พี่ดูออก” ตอบเสียงเบื่อเซ็ง ก่อนจะหันมาหยิบองุ่นบนจานเข้าปาก ชิงหงตาโตขึ้นทันที
“จริงหรือเจ้าคะ นี่คุณชายคิดจะเกี้ยวคุณหนูจริงๆ หรือ ทั้งที่เป็นพี่น้องกันนะเจ้าคะ” ชิงหงถามกลับเสียงดัง
“ชู่ว! เบาหน่อยที่ชิงหง ประเดี๋ยวคนอื่นมาได้ยิน” ไป่อิงส่งเสียงดุกลับไปทันที เพราะเกรงว่าจะมีคนมาแอบฟัง
“พี่ก็รู้ว่าข้ากับคุณชายว่าน หาได้เกี่ยวดองกันทางสายเลือดไม่ เรื่องนี้ชาวเมืองก็น่าจะรู้กันแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ข้าฟื้นขึ้นมาไม่ใช่หรือ” ไป่อิงคลายความงุนงงของสาวใช้
“จริงด้วยตั้งแต่คุณหนูฟื้น คุณชายก็ดูต่างออกไปจากเดิมมาก ดูเป็นห่วงเป็นใยจนออกนอกหน้า” ชิงหงเอ่ยอย่างที่คิด ก่อนจะนั่งลงข้างผู้เป็นนาย “แล้วคุณหนูจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ” ชิงหงมองหน้าคุณหนูของตน อยากรู้ว่านางรู้สึกเช่นไรกับพี่ชายต่างสายเลือดผู้นี้
“ไม่เห็นต้องทำสิ่งใดเลย มีคนชอบก็ดีกว่ามีคนเกลียดไม่ใช่หรือ ข้าไม่นึกถึงเรื่องพวกนี้หรอก ยังมีเรื่องอื่นที่สำคัญให้ต้องจัดการ” ไป่อิงตอบคำถามของสาวใช้ พร้อมกับมองท่าทางอยากรู้อยากเห็นของนาง
“เรื่องใดกันเจ้าคะ ให้พี่ช่วยหรือไม่” เอยถามพร้อมกับตั้งใจฟัง ทำราวกับว่าตนนั้นสามารถช่วยผู้เป็นนายได้จริงๆ ไป่อิงนึกขำคนของตนอยู่ในใจ เพราะท่าทางของชิงหงนั้นดูขมักเขม้นในการสอดรู้เหลือเกิน
แต่ไป่อิงก็ไม่คิดจะตำหนิคนสนิท เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงจึงอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตนทุกอย่าง แม้บางทีชิงหงจะเก็บความลับไม่ค่อยอยู่ก็เถอะ แต่เรื่องสำคัญนางก็ยังไม่เคยเอ่ยออกมาถือว่ายังซื่อสัตย์อยู่ นับได้จากจดหมายปิดผนึกของมารดาอิงอิง หากเป็นคนอื่นคงจะมอบมันให้เจ้าของจวนไปแล้ว แต่นี่ชิงหงกลับเก็บมันไว้กับตัวจนกระทั่งมอบให้กับนาง
“เอาไว้ข้าจะบอกแล้วกันนะ ตอนนี้พี่ไปเตรียมชุดให้ข้าดีกว่า ได้ออกไปเที่ยวทั้งทีจะแต่ง งามๆ แล้วกัน” บอกเสียงใสเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงอยากจะจับนางสวมใส่ชุดสตรีเป็นแน่ ดูจากสีหน้าและท่าทางที่แสดงออกมาแล้ว
“พี่จะรีบไปจัดการเจ้าค่ะ คุณหนูของพี่จะต้องงามที่สุด เอาให้บุรุษทั่วทั้งเมืองตะลึงงันไปเลย” ว่าแล้วก็รีบลุกเดินไปยังห้องนอนของผู้เป็นนายที่อยู่ด้านใน
“หึ! เร็วเชียวนะพี่ชิงหง” เปิดเสียงหวานตามหลังอีกฝ่าย พออยู่คนเดียวไปอิงก็คิดเรื่องที่อยู่ในใจ
“หวังว่าข้าออกไปในคืนนี้จะได้เจอเจ้านะ” เสียงหวานที่เอ่ยเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น พร้อมกับนัยน์ตาแดงก่ำบ่งบอกถึงแรงอาฆาตที่มีอยู่
ยามโหยว [17:00-18:59] เหวินโหรวก็ตรงมารับน้องสาวที่เรือนหลังตามที่นัดหมาย วันนี้เขาแต่งกายดูต่างจากทุกวัน อาภรณ์ที่สวมใส่เป็นสีขาวด้านบน ไล่ลงมาเป็นสีเทาตรงช่วงเข่าดูพริ้วไหว ตัดกับเชือกผูกเอวสีเทาเช่นกัน มันเลยทำให้คุณชายว่านดูมีเสน่ห์และอบอุ่นมากขึ้น
เขาม้วนผมเพียงครึ่งหัวใช้ปิ่นปักเอาไว้ ที่เหลือก็ปล่อยยาวลงมา ปลิวไสวไปตามแรงลมดูน่ามองยิ่งนัก ยามนี้สาวใช้จึงได้แต่ชะเง้อคอยาว ตั้งแต่นายน้อยของจวนเดินผ่าน หวังเพียงเขาจะชายตาหันมาแล
“นายเจ้ายังไม่เสร็จหรือ” เขาเอ่ยถามชิงหงทันที เมื่อเห็นนางเปิดประตูออกมา อีกฝ่ายก็ได้แต่ยืนมองตาค้าง
“ข้าถามเจ้าว่าอิงอิงเสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ กำลังจะออกไป” เสียงหวานตอบกลับ
ไป่อิงเดินออกมาด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหวานที่แต่งแต้มเครื่องประทินโฉมเล็กน้อยเผยยิ้มบางๆ ออกมา เพียงเท่านั้นก็ทำให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูแทบลืมหายใจแล้ว เพราะเอาแต่ยืนจ้องไม่ยอมเอ่ยสิ่งใดเลย
“จะไปกันหรือยังเจ้าคะ” ถามออกไปเสียงหวาน พร้อมกับขมวดคิ้วใส่พี่ชายเล็กน้อย
“ปะ..ไปสิ” เสียงทุ้มเปล่งออกมาติดขัด ก่อนจะยิ้มแก้เขินออกมา จนสาวใช้อดยิ้มตามไม่ได้
“ไปกันพี่ชิงหง” ว่าแล้วก็หันมาคว้าแขนสาวใช้ ก่อนจะพากันเดินออกไปทางหน้าจวน ซึ่งมีเหม่ยหลินยืนรออยู่ เมื่อเห็นคนที่ตนไม่ชอบจึงมีใบหน้าบูดบึ้งทันที
แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ เพราะพี่ชายบอกว่าถ้าไป่อิงไม่ไป เขาก็จะไม่พานางไปเช่นกัน จึงจำต้องทนร่วมทางกับอีกฝ่าย และที่สำคัญคือคนที่เคยอ่อนแอขี้โรคเมื่อคราวก่อนกลับกลายเป็นสตรีที่งดงามราวภาพวาด อาภรณ์ที่นางสวมใส่นั้นดูแปลกตาเป็นอย่างมาก
เพราะมันพริ้วไหวเหมือนปุยเมฆ ยิ่งนางใส่ด้านในเป็นสีขาว แล้วสวมทับไล่สีฟ้าอ่อนมันก็ดูน่ามองเหลือเกิน ต่างจากเหม่ยหลิน ที่ใช้เพียงสีแดงซึ่งมันควรดูโดดเด่น แต่กลับด้อยลงไปเมื่อเทียบกับอาภรณ์ที่ไป่อิงสวมใส่
“น้องสี่ก็ไปด้วยหรือ ดีจัง” เอ่ยทักเสียงดัง ก่อนจะยิ้มยั่วไปหนึ่งที เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนกำมือแน่น ดูท่าคงสงสัยเรื่องการแต่งกายของนางอยู่นั่นแหละ “ชิ! ริอาจมาเทียบชั้นเจ้าแม่แฟชั่นยุค 2025 เหรอ สู้พี่ไม่ได้หรอกน้องเอ๊ย” หยันอีกฝ่ายในใจ ก่อนจะเดินออกจากจวนโดยไม่รอใครเลย
เหม่ยหลินได้แต่ขบกรามแน่น ไม่ชอบใจสิ่งที่ปรากฎในสายตาแม้แต่น้อย นางมองร่างเล็กของพี่สาวนอกไส้เดินไปด้วยท่าทางสง่างาม พอลมพัดมาชายกระโปรงนั้นก็พลิ้วไหวน่ามอง ผมก็สยายปลิวไสวไม่ต่างจากสตรีในภาพวาด แม้ยามนี้จะมองเห็นเพียงแค่ด้านหลัง
“เหม่ยหลินเจ้าไม่ไปหรือ” เหวินโหรวหันกลับมาถามน้องสาวของตนพร้อมกับขมวดคิ้วใส่
“ใครซื้ออาภรณ์งดงามเช่นนี้ให้นางสวมใส่เจ้าคะ” อดไม่ได้จึงเอ่ยถามในขณะที่เดินตามไป่อิงอยู่ห่างๆ
“ไม่รู้สิ ไป่อิงอาจจะมีเก็บไว้นานแล้วก็ได้ เพียงแต่นางไม่ได้ออกไปไหนก็เลยไม่ได้สวมใส่เท่านั้นเอง” ตอบออกไปอย่างที่คิดเพราะเหวินโหรวก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ที่แน่ๆ วันนี้สตรีตัวน้อยที่เดินอยู่ข้างหน้างดงามยิ่งนัก เขาสาวเท้าเพื่อให้ทันไป่อิง โดยทิ้งน้องสาวไว้กับผู้ติดตามและสาวใช้ของนาง ทำเอาเหม่ยหลินขุ่นเคืองมากกว่าเดิม
“คุณหนูดูเหมือนคุณชายจะใส่ใจคุณหนูสามมากเลยนะเจ้าคะ” เสี่ยวถู่สาวใช้คนสนิทของเหม่ยหลินเอ่ยขึ้น
“ชิ! ท่านพี่ก็แค่เอาใจเพราะเห็นแก่สกุลว่านเท่านั้นแหละ หาได้สนใจนางจริงๆ ไม่” เอ่ยจบเหม่ยหลินก็เดินกระฟัดกระเฟียดตามทั้งคู่ไป ใบหน้านั้นก็บูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด จนไป่อิงนึกขำอยู่ในใจ
“น้องหญิงถ้าเจ้าทำตัวดีๆ พี่อาจจะแนะนำเจ้าก็ได้นะ เกี่ยวกับอาภรณ์ที่สวมใส่อยู่นี้” ไป่อิงหันมาพูดดีกับอีกฝ่าย
“ชิ! ใครเขาจะสน” ว่าแล้วก็เดินสะบัดหน้าตรงไปยังสถานที่จัดงานเบื้องหน้า ซึ่งตอนนี้ครึกครื้นเป็นอย่างมาก
“อย่าถือสานางเลยนะ” เหวินโหรวบอกเสียงอ่อนโยน
“ท่านพี่อย่ากังวลเลยข้าไม่ติดใจเอาความนางหรอก” เอ่ยบอกอย่างที่คิด เพราะอย่างไรเสียเหม่ยหลินก็ทำอะไรนางไม่ได้ นอกเสียจากข่มขู่ไปวันๆ เท่านั้น
“อ้าวคุณชายว่าน ไม่คิดว่าจะมางานนี้ด้วย” เสียงทุ้มคุ้นหูเปล่งมาให้ได้ยิน ทำให้ไป่อิงต้องหันกลับไปมองในทันที มือเล็กกำแน่นภายใต้แขนเสื้อที่ยาวปรกลงมา
“หวงเส้าจื่อ” นางเรียกชื่ออีกฝ่ายในใจ