บท
ตั้งค่า

6.มีจริงหรือไม่ [แผนผัง]

ไป่อิงนั่งอยู่ในสวนเพียงลำพัง เมื่อนึกถึงใบหน้าของใครบางคนนางก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา เมื่อหวนคิดถึงการกระทำของเขามันช่างร้ายกาจเย็นชาไร้หัวใจ นัยน์ตาคู่นั้นที่จ้องมองนางไป่อิงยังคงจดจำมันได้ดี

“ดูจากการแต่งกายเจ้าคงจะมารับราชการที่นี่เป็นแน่ ก็ดีแค้นของเราจะได้สะสางกันเสียที” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้น จนผู้ที่พึ่งเดินตรงมาอดสงสัยไม่ได้

“คุณหนูพี่ต้มถั่วแดงมาให้นะเจ้าคะ พอดีหากุญแจห้องเย็นไม่พบ เลยไม่รู้จะทำสิ่งใดให้” เอ่ยบอกเสียงเบา สายตาก็ยังคงจับจ้องใบหน้าของผู้เป็นนาย ซึ่งมันดูบูดบึ้งและเศร้าหม่นในบางครา

“ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ดีแล้ว” ไป่อิงยิ้มบางๆ ส่งให้ ก่อนจะมองไปยังเรือนหลัก ซึ่งยามนี้ดูเหมือนทุกอย่างจะคลี่คลาย เพราะเหล่าทหารที่มาต่างก็ทยอยกลับออกไป

“คงไม่มีอะไรแล้ว เรากลับเข้าห้องกันเถอะ” หันกลับมาเอ่ยกับคนของตน เพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นคนที่ทำให้ใจเจ็บเดินออกมาในอีกไม่ช้า

ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงอย่างที่คิด หนึ่งเค่อ [=15นาที] เส้าจื่อก็เดินออกมาพร้อมกับปิงเหอ เพราะเขาเองก็พึ่งเข้ามารับตำแหน่งที่เมืองหลวงเมื่อสิบวันก่อน หลังจากสร้างผลงานจับกบฎค้าเกลือได้ ราชสำนักจึงเรียกตัวเข้าเมืองหลวง และมอบตำแหน่งรองหัวหน้ากรมยุติธรรมให้

กรมถิงเว่ย

“ใต้เท้าคิดว่าว่านเฉินไห่จะพูดความจริงหรือไม่ขอรับ” เส้าจื่อเอ่ยขึ้น เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้ว

“ดูท่าคงเป็นแค่เรื่องเล่าอย่างที่เอ่ย” ปิงเหอนึกถึงคำบอกเล่าของว่านเฉินไห่ก่อนที่เขาจะออกมา “เรื่องนั้นหาได้มีมูลขอรับ ไป่ถิงก็แค่เล่านิทานให้บุตรสาวฟังเท่านั้น คงมีคนได้ยินแล้วเอาไปพูดต่อกันกระมัง จะมีใครสำรวจแผ่นดินได้ละเอียดเพียงนั้นขอรับ”

“แต่ข้าน้อยว่ามันต้องมีมูลอยู่บ้างนะขอรับ เพียงแต่ใต้เท้าว่านคงคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องตลก” เส้าจื่อยังคงแนะผู้เป็นนาย เพราะตำแหน่งเขายังต่ำกว่าอีกฝ่ายมาก ซ้ำยังต้องพึ่งบารมีของหยวนปิงเหอจนกว่าจะเป็นใหญ่เป็นโตได้

“เรื่องนี้เอาไว้เราค่อยสืบอีกที ว่าแต่เจ้าจัดการเรื่องท่านเจ้าเมืองจิงซูเรียบร้อยหรือไม่ อย่าให้สาวมาถึงพวกเราได้เด็ดขาด” ปิงเหอเอ่ยถามถึงเรื่องเมื่อเดือนก่อน เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะทำพลาดหลงเหลือหลักฐานเอาไว้

“เรื่องนั้นใต้เท้าไม่ต้องห่วงขอรับข้าน้อยจัดการเรียบร้อยทุกอย่าง เจ้าเมืองจิงซูคบหากับพวกค้าเกลือเถื่อนต่อมาก็ขัดแย้งกัน จนถูกฆ่ายกตระกูล ความผิดมีให้เห็นเด่นชัดเรื่องนี้ไม่อาจสืบถึงเราได้แน่” เส้าจื่อเอ่ยถึงแผนการที่ตนได้วางเอาไว้และรายงานมาก่อนหน้านั้นแล้ว

ปิงเหอยิ้มพอใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็พอจะรู้ว่าคนตรงหน้ามีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเพียงใด ได้ร่วมมือกันถือว่าเป็นเรื่องดีการใหญ่ในวันข้างหน้าคงสำเร็จในไม่ช้า

“เจ้าไปพักเถอะ พึ่งกลับมาจากต่างเมืองไม่ใช่หรือ” เขาเอ่ยบอกเสียงเรียบ ก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม

“ขอรับเช่นนั้นข้าน้อยขอตัว” เส้าจื่อเอ่ยก่อนจะคำนับแล้วกลับไปยังบ้านพักของตน ซึ่งมันใหญ่จนเรียกว่าจวนได้เลย เพียงแต่พยายามทำตัวไม่ให้โดดเด่น เพราะพึ่งย้ายมาอยู่ใหม่ รอให้ทุกอย่างเข้าที่กว่านี้ค่อยว่ากันอีกที

“นายท่านคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล่าหรือไม่ขอรับ”

จงจวิ้นเอ่ยถามผู้เป็นนายพร้อมกับรินชาให้ ร่างสูงของเส้าจื่อนั่งลงก่อนจะนึกถึงคำพูดของคนที่ตนสังหาร

“เจ้าจำเรื่องทางน้ำใต้ดินของเมืองจิงซูเมื่อสิบปีก่อนได้หรือไม่ ครานั้นท่านเจ้าเมืองเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง เพราะเกิดภัยแล้งหนัก แต่พอเขากลับไปก็สั่งให้คนงานขุดบ่อใกล้กับศาลเจ้า จนตอนนี้ที่นั่นกลายเป็นบึงใหญ่มีน้ำใช้ไม่เคยขาด” เส้าจื่อเอ่ยขึ้น

“จำได้ขอรับ ครานั้นท่านเจ้าเมืองได้รับปูนบำเหน็จมากมายเลย ข้าน้อยยังได้ไปช่วยขนหินดินทรายอยู่เลย”

“นั่นแหละ พอข้าสนิทกับคนในจวนเจ้าเมืองในเวลาต่อมา ข้าก็แอบสืบถามถึงเรื่องนี้ จึงได้รู้ว่าท่านเจ้าเมืองหาได้มีญาณวิเศษอันใดไม่ เพียงแต่มีสตรีนางหนึ่งบอกเล่าให้ฟังว่าเมืองนี้มีแหล่งน้ำใต้ดิน ให้ลองขุดดูก็จะเจอ”

“จริงหรือขอรับ หรือว่านายท่านคิดว่าสตรีผู้นั้นจะเป็นฮูหยินที่ตายไปของใต้เท้าว่าน” จงจวิ้นเอ่ยสิ่งที่คิด

“จากคำบอกเล่าของนิทานที่ว่า มันมีอยู่ช่วงหนึ่งไม่ใช่หรือที่นางเอ่ยถึงน้ำใต้ดิน ข้าว่าเรื่องแผนผังนี้ต้องมีมูลเป็นแน่ เพียงแต่ใต้เท้าว่านคงคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องเล่า”

“หากเป็นเช่นนั้นคนที่น่าจะรู้เรื่องดีที่สุดก็คงเป็น”

“บุตรสาวของฮูหยินรอง ผู้ที่ฟังนิทานของมารดามาตั้งแต่ต้น นางต้องรู้แน่ว่าแผนผังนั้นอยู่ที่ใด หรือไม่ก็อาจจะอยู่ในหัวนางนั่นแหละ” น้ำเสียงของเส้าจื่อฟังดูมาดร้ายเสียเหลือเกิน ก่อนที่ทั้งคู่จะหารือวางแผนกันจนดึก

“หึ!เป็นอย่างที่คิดจริงๆ” ใครบางคนบนหลังคานึกในใจ ก่อนจะเหาะไปตามหลังคามุ่งหน้ากลับเรือนของตน

ผ่านไปแล้วสามวัน ภายในสวนก็ยังมีการจับกลุ่มคุยกันเช่นเดิม เพราะคนที่รอดชีวิตในคืนนั้นยังคงหวั่นวิตกอยู่บางคนก็กลัวไม่กล้าจะทำงานกันเลยทีเดียว

“เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าจะให้หมอผีมาปัดรังควานก็แล้วกัน” เสียงประมุขจวนดังขึ้น จึงทำให้ทุกคนคลายความตื่นกลัวลงบ้าง ก่อนที่เขาจะเดินตรงมาหาบุตรสาวที่เรือนเล็ก

“พ่อมีเรื่องจะคุยกับเจ้า” เอ่ยบอกเสียงเรียบ

“คงเป็นเรื่องนิทานของท่านแม่” ถามกลับเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของบิดา ซึ่งมันดูต่างออกไปมาก

“อืม พ่อไม่อยากให้เจ้าเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก หากผู้ใดถามก็ตอบไปว่าจำไม่ได้ เข้าใจหรือไม่”

“เพราะเหตุใดเจ้าคะ” ถามกลับทันที

“เรื่องนี้เป็นอันตรายต่อเจ้าและคนสกุลว่าน เจ้าเห็นแล้วว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเมื่อคืน ต่อไปต้องระมัดระวังอย่าได้เอ่ยถึงมันอีก ผู้คนจะเข้าใจผิดเอาได้” น้ำเสียงนั้นดูเย็นลงมาก ต่างจากคราก่อนที่มักจะขู่บังคับ

“เอาเถอะ ไป่อิงรู้ว่าต้องทำสิ่งใดเจ้าค่ะ ท่านพ่ออย่ากังวล ข้าจะไม่ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นอีกเป็นแน่” เอ่ยจบก็ยิ้มบางๆ ออกมา ว่านเฉินไห่มองหน้าบุตรสาวนอกไส้เล็กน้อย ก่อนจะหันหลังให้แล้วเดินกลับไปยังเรือนใหญ่

“ดูท่านายท่านคงกังวลมากนะเจ้าคะ จู่ๆ ก็มีกลุ่มคนบุกเข้ามาสังหารบ่าวในจวนตายมากมาย” ชิงหงเอ่ย ทั้งคู่เดินมานั่งยังศาลากลางสวน ซึ่งวันนี้มีคนงานน้อยกว่าเคย

“อืม ดูท่าเราคงต้องรับคนที่มีฝีมือเข้ามาไว้ในจวนบ้างแล้วแหละ ไม่งั้นยามที่เกิดเรื่องเช่นนี้คงได้ตายกันหมดแน่”

“ดีเลย พี่ก็คิดอยู่เหมือนกัน” เหวินโหรวเอ่ยในขณะที่เขาเดินเข้ามาพอดี ก่อนจะนั่งลงข้างน้องสาว ซึ่งวันนี้ก็ยังคงอยู่ในอาภรณ์บุรุษเช่นเคย

“วันนี้ไม่เข้ากรมหรือเจ้าคะ” ถามพร้อมกับรินชาให้

“พี่ลาสามวัน อยากอยู่จัดการเรื่องในจวนก่อน และคงต้องจัดหาคนมีฝีมือมาคอยดูแลจวนเช่นที่เจ้าว่า” เสียงทุ้มเปล่งออกมา ก่อนจะสำรวจอีกฝ่ายอย่างเปิดเผย

“ก็ดีนะเจ้าคะ แต่คงต้องเลือกที่น่าไว้ใจหน่อย เกรงจะเป็นเส้นสายของคนชั่วเอา” ไป่อิงแนะจากประสบการณ์ของตนที่เคยเจอมา สี่ปียังสังหารกันได้อย่างเลือดเย็นเลย

“อืม แต่ระยะนี้มีคนของทางการมาตรวจทุกคืน คงไม่มีอะไรน่าห่วง จิ่งอ๋องก็ส่งคนของหน่วยมังกรทองมาด้วยนะสามคน จะเดินยามให้ในตอนกลางคืน เจ้าอย่าตื่นตกใจไปล่ะ ท่านพ่ออนุญาตแล้ว” เสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยขึ้น เพราะเขาคิดว่าน้องสาวคนรองคงตื่นกลัวไม่น้อยเมื่อคืนนี้

“หึ! ส่งมาสอดแนมสิไม่ว่า” นึกในใจก่อนจะยิ้มออกมา มือขาวยกจอกชาในมือขึ้นดื่ม เป็นจังหวะที่มองไปเห็นร่างสูงของคนที่พี่ชายกำลังพูดถึงเดินเข้ามาในจวน

“น้องรู้สึกปวดหัว ขอกลับเข้าเรือนก่อนนะเจ้าคะ” เอ่ยจบไป่อิงก็รีบลุกเดินตรงไปด้านหลังทันที เหวินโหรวจึงได้แต่มองตามอย่างสงสัย “อะไรกันเมื่อครู่ก็ยังดีอยู่แท้ๆ”

“คุณชายจิ่งอ๋องเสด็จมาขอรับ” คนสนิทรายงาน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันที ไม่คิดว่าท่านอ๋องจะมาที่นี่อีก

เขาจึงต้องรีบไปต้อนรับ เพราะถือว่าอีกฝ่ายมีบุญคุณต่อสกุลว่านมาก หากไม่ได้ท่านอ๋องช่วยไว้คงเหลือแต่ชื่อ

ด้านไป่อิง เดินมาพ้นแล้วจึงหลบออกไปนอกจวนทางประตูหลัง ซึ่งอยู่ติดกับป่าไผ่ นางมักจะแอบหลบมาฝึกอาวุธที่นี่ โดยเฉพาะหน้าไม้ที่ทำขึ้นมาเองจนใช้ถนัดมือ

“คุณหนูหิวหรือเปล่าเจ้าคะ”

“อืม!..ขอขนมหวานนะพี่ชิงหง” ตอบกลับก่อนจะยิ้มร่า มองตามร่างของสาวใช้จนลับตา เพราะระยะทางถือว่าเกือบลี้ [=500 เมตร] อยู่เหมือนกัน

“ถ้าลองปิดตายิงจะเป็นไงนะ” เอ่ยกับตนเองแล้วก็ยิ้มกริ่ม ก่อนจะดึงปมผ้าบนหัวจนหลุดลงมา ทำให้ผมที่ม้วนอยู่สยายปลิวไสวตามแรงลม “คิดถูกหรือผิดเนี่ยะ ไม่เป็นไรพี่ชิงหงมาค่อยให้มัดใหม่แล้วกัน” เอ่ยอยู่คนเดียว ก่อนจะเอาขาหนีบหน้าไม้ไว้ แล้วผูกผ้าปิดตาตนเอง ริมฝีปากอิ่มยิ้มเล็กน้อย นางจำทิศทางของกระดานได้ดี ก่อนจะยืนเฉียงแล้วตั้งท่าเล็ง

ลูกแรกถูกยิงออกไปก็เข้าเป้าทันที แต่นางก็ยังไม่เปิดตาออก เพราะหน้าไม้สามารถยิงได้ถึงห้าครั้งโดยไม่ต้องใส่เข้าไปอีก แต่บางสิ่งกับดึงความสนใจให้นางหยุดนิ่ง เสียงฝีเท้าที่มากกว่าหนึ่งและหนักกำลังเคลื่อนเข้ามาช้าๆ

“ไม่ใช่พี่ชิงหง” เมื่อคิดได้แบบนั้นหน้าไม้ก็หันไปทิศทางของเสียง พร้อมกับดึงผ้าที่ปิดตาตนออก เป็นจังหวะที่อีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัว แล้วจับข้อมือนางไว้ดันหน้าไม้ขึ้นฟ้า

“คิดจะฆ่าข้าหรือ” ซานหลางเอ่ยถามเสียงเย็น ยามนี้ไป่อิงตกอยู่ในอ้อมกอดแกร่ง แต่นางไม่ได้มีท่าทีตื่นกลัวอย่างที่คิดเลย ทำเอาจิ่งอ๋องนั้นชอบใจอยู่ไม่น้อย

“พระองค์มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเองนี่เพคะ” ตำหนิอีกฝ่ายดังพอให้ได้ยินทั้งหมด ก่อนจะดันอกแกร่งเพื่อให้เขาปล่อย

“ใครจะรู้ว่าที่นี่จะมีเด็กแอบมาเล่นซนแถวนี้ล่ะ”

“ถึงจะเล่น แต่หม่อมฉันก็เล่นในเขตของตน ท่านอ๋องเถอะมาทำอะไรแถวนี้เพคะ ที่นี่ไม่มีอะไรให้สืบเสียหน่อย” ย้อนกลับอีกครั้งแล้วก็ตั้งท่าดันคนตัวโตให้พ้นตัว

แต่ยามนี้จิ่งอ๋องกลับรั้งนางเอาไว้แน่นกว่าเดิม เพราะบางสิ่งในตัวสตรีผู้นี้มันทำให้เขาไม่อยากปล่อย ใบหน้าที่เคยเห็นซีดเซียวตอนที่ฟื้นจากความตาย มันกลับสดใสต่างออกไปมาก อีกทั้งริมฝีปากอิ่มยามที่นางขยับเอ่ยถ้อยคำ มันช่างดึงดูดให้เขาอยากทำอย่างอื่นมากกว่าปล่อยให้นางพ่นเสียงท้วงติงออกมา

“ปล่อยสิเพคะ เป็นถึงท่านอ๋องมาฉวยโอกาสกับบุตรสาวขุนนางต่ำต้อยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” ตำหนิเขาเสียงดัง จนคนสนิทต่างก็พากันหน้าถอดสี เพราะไม่เคยมีใครเอ่ยกับผู้เป็นนายด้วยถ้อยคำเช่นนี้เลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel