บท
ตั้งค่า

4. เกิดเรื่อง

หลังจากประมุขจวนเดินออกไปแล้ว ไป่อิงก็หันมาหาสองพี่น้องที่ยืนนิ่งอยู่ เหม่ยหลินมีท่าทีตื่นกลัวไม่น้อย จึงรีบเบี่ยงตัวเดินออกไปในทันที ส่วนเหวินโหรวนั้นยังคงยืนมองอย่างไม่เข้าใจ เพราะคนตรงหน้าดูไม่ใช่อิงอิงที่เคยรู้จักแม้แต่น้อย อดไม่ได้เขาจึงเอ่ยถาม

“อิงอิง ไยเจ้าถึงดูกล้าหาญเพียงนี้” เขาเดินตรงเข้ามาหาน้องสาว ซึ่งนางก็เผยยิ้มบางๆ ส่งให้ ก่อนจะเชิญให้นั่ง

“ไม่ใช่ว่ากล้าหาญอันใดหรอกเจ้าค่ะ น้องแค่ไม่อยากถูกข่มเหงรังแกเช่นแต่ก่อน หากไม่เอ่ยขึ้นมาเสียบ้างชีวิตก็คงจะไม่เหลือแล้ววันนี้ คนที่นี่ไม่ได้คิดว่าน้องเป็นคนสกุลว่านแม้แต่น้อย” เสียงตัดพ้อดังขึ้น ทำเอาคนฟังถึงกับใจเสียไปด้วย มันจริงอย่างที่นางเอ่ย คนสกุลว่านหาได้ชอบใจกับการที่มีอิงอิงอยู่ นางขี้โรค และไร้ประโยชน์ แต่ตัวของเหวินโหรวเขาไม่เคยคิดเช่นนั้น มันตรงกันข้ามด้วยซ้ำ

“นั่นสินะ แต่เจ้าไม่กลัวหรือที่เอ่ยออกเยี่ยงนี้ หากท่านพ่อคิดลงมือกับเจ้าจริงๆ ล่ะ” ถามอย่างเป็นห่วง

“ไป่อิงว่าท่านพี่น่าจะรู้นิสัยท่านพ่อดีนะเจ้าคะ คนเห็นแก่เงินเช่นนั้น จะยอมเสียทรัพย์สมบัติมหาศาลไปหรือ” ว่าแล้วก็ยิ้มบางๆ อีกครั้ง หากไม่ทำเช่นนี้นางก็จะอยู่ลำบาก ต้องจัดการให้เรียบร้อยเมื่อมีโอกาสดีเหมาะ

แต่ถ้าชิงหงไม่เอาจดหมายมารดาให้ดูก่อนว่ามีสินเดิมเท่าไหร่ ก็คงไม่อาจคิดวางแผนออกมาได้ จดหมายปิดผนึกนั้นมันก็เป็นเรื่องจริงอยู่แค่ครึ่ง เพราะมันไม่ได้ถูกฝากไว้ที่คนนอกจวนอย่างที่ไป่อิงเอ่ย ถ้าหลุดปากบอกว่าอยู่กับตัว ตอนนี้คงได้ถูกสังหารไปแล้วเป็นแน่ จึงจำต้องสร้างเรื่อง เพื่อให้ตนนั้นมีเกราะป้องกัน

“จริงเช่นที่เจ้าเอ่ย กว่าจะมีหน้ามีตาเช่นทุกวันนี้ ท่านพ่อไม่ยอมสูญเสียทุกอย่างไปเพียงชั่วพริบตาเป็นแน่ อย่างไรเจ้าก็อย่าได้ประมาทเชียวนะ” เสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยบอก ก่อนจะยื่นมือออกมายีหัวน้องสาวเช่นทุกครั้ง

ไป่อิงยิ้มเล็กน้อยส่งให้อีกฝ่าย “ไม่ต้องห่วงเรื่องพวกนี้ ข้าไม่มีทางไว้ใจผู้ใดอีกแล้ว” ตอบเขาในใจ

“เช่นนั้นเจ้าพักเถอะ พี่จะเข้าหน่วยเสียหน่อย อีกไม่นานอาจจะต้องเดินทางไปต่างเมือง” เอ่ยจบเขาก็ลุกขึ้น

“เจ้าค่ะ เดินทางดีๆ นะเจ้าคะ” เสียงหวานเปล่งออกมา ก่อนจะยิ้มสดใสเช่นเคย อีกฝ่ายก็ทำเช่นเดียวกัน ก่อนจะเดินออกไปจากเรือนพักหลังนี้ ชิงหงรีบตรงไปปิดประตู แล้วรีบเดินกลับมาพร้อมกับยกมือทาบอก

“คุณหนู! พี่เกือบหยุดหายใจแล้วนะเจ้าคะเมื่อครู่ ดูท่านายท่านคงคิดจะเอาชีวิตคุณหนูจริงๆ” ชิงหงเอ่ยเสียงตื่น

“คนเห็นแก่เงินและอำนาจเช่นนั้น ไม่ยอมตัดแขนตัดขาตนเองหรอก ยังดีที่พี่เอาจดหมายให้ข้าดูก่อน ไม่งั้นคงคิดแผนเช่นนี้ไม่ได้แน่” เสียงเหนื่อยเปล่งออกมา

“ถ้าเป็นแต่ก่อน คุณหนูคงเอาแต่ร้องไห้คิดทำสิ่งใดมิได้ คุณหนูเปลี่ยนไปมากจริงๆ” สาวใช้เอ่ยอย่างที่คิด พร้อมกับนั่งจ้องหน้าผู้เป็นนาย

“ดีหรือเปล่าล่ะ หรืออยากให้ข้าเป็นสตรีอ่อนแอเช่นเดิม เอาแต่ร้องไห้ โดนลมก็ไม่ได้ต้องล้มป่วย” ว่าก่อนจะหยิบองุ่นบนจานใส่ปาก

“เป็นเช่นนี้ดีกว่าเจ้าค่ะ อย่างน้อยคุณหนูก็ปกป้องตนเองได้” ชิงหงเอ่ยอย่างที่อยากให้เป็น

หลังจากวันนั้นว่านอิงอิงก็ไม่ถูกรบกวนจากคนในจวนอีก และดูเหมือนใต้เท้าว่านจะดูแลเป็นอย่างดี แม้การพูดจาจะยังคงดูแข็งๆ เช่นเดิม แต่ก็ไม่มีใครมาหาเรื่องเหมือนแต่ก่อน โดยเฉพาะเหม่ยหลินที่ดูสงบลงมาก

“พี่ชิงหงข้าอยากออกไปเที่ยวในเมือง มาอยู่ที่นี่เป็นเดือนแล้วยังไม่ได้ออกไปไหนเลย” ร่างเล็กของเด็กสาวเอ่ยขึ้น ไป่อิงนอนคว่ำหน้าใช้หมอนรองหน้าอก สองขายกขึ้นกระดิกไปมา ราวกับเป็นเด็กสี่ห้าขวบก็ไม่ปาน

“ไยถึงกล่าวว่าตนพึ่งมาอยู่แค่เดือนเจ้าคะ คุณหนูก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กแท้ๆ” สาวใช้ถามกลับทันทีเพราะไม่เข้าใจคำพูดของผู้เป็นนาย และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำให้ตนสงสัย

ไป่อิงฉีกยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง “ก็ข้ารู้สึกเหมือนตัวเองเกิดใหม่นี่หน่า ความทรงจำก่อนตายข้าจำไม่ได้เลย” บอกออกไปราวกับว่ามันคือเรื่องจริง

ชิงหงเดินเข้ามาหา ก่อนจะนั่งลงข้างกาย แล้วยื่นมือลูบหัวผู้เป็นนายซึ่งมีอายุน้อยกว่าตน “โถคุณหนูของพี่” น้ำเสียงนี้เจือปนความสงสารอย่างเห็นได้ชัด

“ตกลงเราออกไปข้างนอกกันนะ ข้าอยากออกไปเดินเล่น ได้ยินคนในจวนพูดเรื่องงานโคมไฟ ข้าอยากออกไปดู” ขยับนั่งดีๆ แล้วก็ทำตาเป็นประกาย

“นายท่านจะยอมหรือเจ้าคะ”

“ไม่ยอมก็ต้องยอม หรือว่าเราจะแอบออกไปดีล่ะ” เอ่ยบอกพร้อมกับทำหน้าทะเล้นมีแผน

“อย่านะเจ้าคะ ขืนนายท่านรู้มีหวังถูกโบยเป็นแน่” อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางตื่นกลัว

“เขาไม่กล้าหรอก รอให้บ่าวในจวนออกไปก่อน แล้วเราค่อยไปก็แล้วกัน” เอ่ยจบก็ยิ้มร่าเมื่อนึกถึงเรื่องสนุก

ชิงหงได้แต่ส่ายหัวให้กับความดื้อซนของผู้เป็นนาย ซึ่งดูเหมือนจะมีมากขึ้นทุกวัน กระทั่งยามซวี [19:00-20:59] สองนายบ่าวก็เตรียมตัวจะออกไปข้างนอกทางประตูหลัง แต่กลับได้ยินเสียงต่อสู้กันดังขึ้นมาเสียก่อน

“คุณหนูเกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ” สาวใช้กระซิบถามทันที ยามนี้ทั้งคู่อยู่ในสวนทางด้านหลังของจวน

“พี่ลงไปหลบในน้ำก่อน อย่าขึ้นมาเด็ดขาด”

“แล้วคุณหนูจะไปไหนเจ้าคะ”

“ข้าจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น รออยู่ที่นี่ไม่ต้องตามมา” ว่าแล้วร่างเล็กซึ่งอยู่ในอาภรณ์บุรุษก็ขยับกายแผ่วเบา เดินเลี่ยงไปยังเรือนของเหวินโหรว ซึ่งที่นั่นมีอาวุธที่นางใช้ถนัดมือ เป็นจังหวะที่ได้เจอกับคนชุดดำที่บุกเข้ามา

“หึ!..ทางนี้มีอีกหนึ่งคน” เสียงเหี้ยมดังขึ้น ทำให้สหายรีบตรงมา ไป่อิงจึงถูกล้อมทั้งสี่ด้าน

“ฆ่ามัน!! อย่าให้เหลือรอดไปได้” คำสั่งดังขึ้นอีกครั้งอย่างเย็นชา ทำให้ไป่อิงไม่อาจยืนนิ่งได้อีก

ทวนที่เสียบอยู่ใกล้มือจึงถูกดึงออกมาทันที ปลายแหลมส่องแสงวาวยามกระทบกับแสงของจันทรา แต่มันไม่ได้ทำให้คนชุดดำทั้งสี่ตื่นกลัวแม้แต่น้อย มันมีเพียงเสียงหัวเราะเย้ยหยันขบขันเสียมากกว่า

“หึหึ..ตัวแค่นี้ยกทวนขึ้นได้ก็ถือว่าเก่งแล้วเจ้าหนุ่มน้อย น่าเสียดายที่ต้องมาตายเพราะเป็นคนสกุลว่าน” เสียงหยันดังขึ้น พร้อมกับเดินตรงเข้ามาหา

“คนเหล่านี้ตั้งใจสังหารทั้งตระกูลสินะ คราแรกคิดว่าท่านพ่อส่งมาเสียอีก เช่นนั้นคงรอช้าไม่ได้แล้ว” เมื่อรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นในยามนี้ ไป่อิงก็ไม่อยู่เฉย ตวัดทวนหมุนไปมา ต่อสู้กับทั้งสี่อย่างห้าวหาญ จนพวกมันล้มตายคาลานฝึกในชั่วพริบตา ส่วนหนึ่งก็เกิดจากความประมาทนี่แหละ เห็นนางเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มตัวเล็ก ไม่คิดว่าจะมีพิษสงจนสามารถเอาชีวิตพวกตนได้

“คะ..คุณหนู” ชิงหงยืนตัวแข็งทื่อไม่คิดว่าผู้เป็นนายจะกล้าสังหารคนเช่นนี้ นางยังคงชี้นิ้วใส่ด้วยท่าทีตื่นตระหนก

“ข้าบอกให้รอที่คลองน้ำจะขึ้นมาทำไม” ไป่อิงส่งเสียงดุ พร้อมกับลากสาวใช้มาหลบยังมุมเรือน

“พี่เป็นห่วงคุณหนู” ยังคงเสียงสั่นเช่นเดิม

“เห็นแล้วใช่หรือไม่ว่าข้าเอาตัวรอดได้ เช่นนั้นพี่รีบไปแจ้งทางการเถอะ บอกว่าจวนสกุลว่านเกิดเรื่อง”

“จะ เจ้าค่ะ” รับคำเสร็จก็ตั้งท่าจะออกไปทางประตูหลัง แต่ก็ถูกคนชุดดำที่แอบซุ่มอยู่เห็นเข้าเสียก่อน นางเกือบจะถูกบั่นคอแล้ว หากไม่มีทวนพุ่งออกมาช่วยชีวิต

“รีบไป!” ไป่อิงร้องบอก เมื่อเห็นชิงหงออกไปแล้วก็กลับไปยังห้องพักเพื่อเอาอาวุธที่ประดิษฐ์ไว้ออกมาใช้งาน ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเรือนใหญ่ “หวังว่าจะไปทันนะ”

เพราะเกรงว่าคนในเรือนจะถูกสังหารไปเสียก่อน เพราะตลอดทางที่แอบซุ่มนั้นพบเห็นร่างของคนงานและบ่าวรับใช้บ้างประปราย หากไม่ใช่ในเมืองมีงาน คงได้ตายเกลื่อนกันทั่วสวนเป็นแน่ ไป่อิงหลบไปตามมุมมืดของเรือนและในสวน ยังดีที่สวมใส่อาภรณ์สีทึบจึงไม่เป็นที่สังเกต

นางกำจัดคนชุดดำไปทีละจุด จนเหลือเพียงในเรือนใหญ่เท่านั้น ซึ่งยามนี้สองสามีภรรยาและคนสนิทถูกจับมัดเอาไว้ พร้อมกับเสียงเหี้ยมดังขึ้น

“บอกมาเจ้าซ่อนแผนผังไว้ที่ใด หากไม่เอ่ยฮูหยินและบุตรสาวเจ้าจะต้องตายเดี๋ยวนี้” ร่างสูงภายใต้อาภรณ์สีดำเอ่ยขึ้นเสียงดัง พร้อมกับใช้ดาบวางที่คอว่านฮูหยิน

“ข้าไม่รู้ เจ้าคงเข้าใจผิดแล้วข้าจะมีของพวกนั้นได้อย่างไรกัน” ว่านเฉินไห่ตอบกลับเสียงหนักแน่น

“หึ! เช่นนั้นก็มองดูบุตรสาวเจ้ากับฮูหยินสิ้นใจไปเถอะ” ดาบในมือถูกง้างออกหมายจะบั่นคอสตรีตรงหน้า ซึ่งร้องคร่ำครวญอย่างน่าสงสาร แต่ว่านเฉินไห่กลับหลับตาลง

“พี่ขออภัยน้องหญิง” เขาเอ่ยเสียงสั่น

ฉึก! “อ๊ะ..อ๊าก!! ใครยิงข้า” คนที่กำลังลงมือร้องลั่น เมื่อแขนที่ง้างดาบนั้นถูกคมลูกดอกจากหน้าไม้ เข้าที่หัวไหล่พอดี จนไม่อาจแม้แต่จะยกแขนขึ้น และมันก็ไม่ได้มีแค่หนึ่งที่พุ่งเข้ามา แต่มันรัวเร็วนับสิบเลยก็ว่าได้

“หัวหน้าดูเหมือนด้านนอกจะมีพลซุ่มโจมตีขอรับ ถอยก่อนดีหรือไม่” เสียงของลูกน้องที่หลบลูกดอกพ้นเอ่ยขึ้น

“จริงด้วย ไม่แน่อาจเป็นคนของทางการนะขอรับ”

เมื่อได้ฟังเสียงของลูกน้องมากมายไปในทางเดียวกัน คนที่อยู่ในห้องโถงนี้นับสิบ จึงรีบหาทางหนีทีไล่

“ตีฝ่าออกไป” เพราะทางออกมีแค่หนึ่ง จึงได้จับเจ้าของจวนเป็นตัวประกัน เดินนำออกไปด้านนอก แต่ทุกอย่างกลับเงียบสนิท ทุกคนต่างก็พากันสอดส่ายสายตามองหาคนที่ซุ่มอยู่ ซึ่งไม่น่าจะหลบได้แนบเนียนเพียงนั้น หากมีกันหลายคน “พวกมันอยู่ที่ไหนกัน” คนเจ็บยังคงเปล่งเสียงรอดไรฟันออกมา เมื่อมองไม่เห็นผู้ใดเลย

ไป่อิงมองดูคนนับสิบยืนล้อมบิดาเอาไว้ ดาบก็ยังคงจ่ออยู่ที่คอ หากนางลงมือว่านเฉินไห่คงหมดโอกาสรอด ยามนี้ได้แต่ภาวนาให้ชิงหงตามคนมาทัน และสิ่งที่รอก็สมหวัง เมื่อประตูบานใหญ่หน้าจวนถูกเปิดออก พร้อมกับบุรุษรูปร่างกำยำไล่เลี่ยกันกว่าสามสิบนายตรงเข้ามา รายล้อมกลุ่มคนชุดดำที่ยืนตัวแข็งทื่อเพราะตกใจ ไม่คิดว่าจะมีคนมาช่วยสกุลว่านได้

“หัวหน้าทำเช่นไรดี มีคนจากทางการได้อย่างไรกัน”

“เจ้าดูดีๆ เถอะ นี่มันคนของหน่วยมังกรทอง” ผู้ที่เป็นหัวหน้าตอบกลับเสียงสั่น ทั้งที่การนี้วางแผนมาอย่างดีแล้วแท้ๆ มั่นใจว่าจะไม่มีใครล่วงรู้จนกว่าที่นี่จะมอดไหม้ไปกับกองเพลิง แต่เหตุไฉนคนของจิ่งอ๋องจึงปรากฏตัวได้

“พี่ชิงหงทำดีมาก” ไป่อิงนึกชมสาวใช้ในใจ ก่อนจะนั่งมองเหตุการณ์อยู่บนต้นไม้ราวกับลิงน้อย

“ใต้เท้าว่านมีเรื่องสนุกในจวนไยถึงไม่เชื้อเชิญข้าเลยล่ะ” เสียงทุ้มเย็นเอ่ยมาก่อนตัว ทำเอาคนชุดดำต่างก็พากันหันไปยังที่มาทันที ก่อนจะตื่นตระหนกจนตัวสั่น เมื่อเห็นผู้ที่กำลังเดินเข้ามา 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel