บทที่ 4
“โอ๊ย ปวด ปวดจังเลย”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากปากของกันตธร ชายหนุ่มที่ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง หนำซ้ำยังมีโรคหัวใจอีกโรคหนึ่งด้วย เสียงร้องแสนทุกข์ทรมานจะเป็นจะตายดังไม่หยุด และเสียงนั้นก็ดังไปเข้าหูของแก้วกาญจน์ ที่เพิ่งกลับมาจากขายของ
“โอ๊ย ปวดหัว ปวดที่สุดเลย”
ความเจ็บปวดของกันตธรเพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ ลำพังแค่ยาแก้ปวดนั้นเอาไม่อยู่ หากไม่ผ่าตัดตามที่แพทย์แนะนำ เขาก็จะทุกข์ทรมานเช่นนี้ไปตลอด ยิ่งเนื้องอกโตมากขึ้น ก็อาจเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง และนั่นอาจทำให้การรักษายากขึ้น
แก้วกาญจน์ทิ้งตะกร้าขายของลงบนพื้น ก่อนจะวิ่งเข้ามาในบ้าน ตรงไปหาร่างของกันตธรที่นอนกุมศีรษะ สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“พี่หนึ่ง แก้วมาแล้ว พี่หนึ่งใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวแก้วไปเอายามาให้กิน” พูดจบเธอก็หันไปคว้าตะกร้ายา รื้อค้นหายาแก้ปวดที่บังเอิญว่ามันหมดพอดี “ตายแล้วยาหมด”
“พี่แก้ว หนึ่งปวดหัว ปวดมาก มากกว่าทุกวันด้วย” คนปวดศีรษะบอกแก้วกาญจน์ ที่ยังคงรื้อหายาแก้ปวด เผื่อว่ามันจะหลงเหลืออยู่ในตะกร้ายาสักเม็ดสองเม็ด
“ยาหมดจริงๆ ด้วยพี่หนึ่ง” เธอพูดเมื่อหายาแก้ปวดหลายรอบแล้วไม่พบ “ไปหาหมอดีกว่า ท่าทางพี่หนึ่งไม่ดีเลย” แก้วกาญจน์รีบรุดประคองร่างของกันตธร เพื่อพาชายที่ตนรักไปพบแพทย์
“พี่แก้วไม่ต้องพาผมไปหรอก เปลืองเงินเปล่าๆ ผมทนได้” ปากบอกว่าไม่เป็นอะไร ทว่าสีหน้าของ ผู้พูดไม่ได้บ่งบอกว่าทนได้แม้แต่น้อย
“พี่หนึ่งไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะ ไปหาหมอกันก่อนเถอะ
หน้าตาพี่หนึ่งไม่ดีเลย ไปจ้ะพี่หนึ่งไปหาหมอ”
เธอพยุงร่างของชายที่ตนรักให้ลุกขึ้นยืน แล้วพาเดินไปยังประตูบ้าน จุดหมายคือโรงพยาบาลรัฐบาลที่กันตธรรักษาตัวอยู่
สามชั่วโมงต่อมา
บุรุษพยาบาลเข็นร่างของกันตธรออกมาจากห้องตรวจ หลังจากที่นายแพทย์ตรวจอาการของเขาเสร็จสิ้น ทว่าแก้วกาญจน์ที่อยู่ไม่ห่างกายผู้ป่วยไม่ได้เดินตามออกมาด้วย เป็นเพราะเธอต้องอยู่คุยกับนายแพทย์เจ้าของไข้
“อาการพี่หนึ่งเป็นยังไงบ้างคะหมอ” แก้วกาญจน์เอ่ยถามนายแพทย์อุดม ที่ชักสีหน้าไม่สู้ดี จนเธอนึกหวั่นใจ “อาการพี่หนึ่งหนักขึ้นเหรอคะ”
อุดมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนตอบ “ใช่ครับ จากผลเอ็กซเรย์ ทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้เนื้องอกในสมองของคนไข้โตขึ้นอีกหนึ่งเซนติเมตร คนไข้จึงปวดหัวมากขึ้น และจะมากขึ้นกว่านี้ หากไม่รีบผ่าตัด”
ดวงหน้าของแก้วกาญจน์ซีดเผือดกับคำตอบของอุดม อาการปวดศีรษะที่รุนแรงมากกว่าเดิม สาเหตุมาจากเนื้องอกในสมองโตขึ้น หากไม่ได้รับการผ่าตัด อาการอาจทรุดหนักกว่านี้
“ถ้าหากไม่ผ่าตัด พี่หนึ่งต้องปวดไปอย่างนี้ตลอดใช่ไหมคะคุณหมอ”
เธอถาม ในใจหวาดหวั่น
“อย่างที่ผมบอกไปนั่นแหละครับ อาการปวดจะเพิ่มมากขึ้นตามขนาดของเนื้องอก และมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นมะเร็ง ผมแนะนำว่าให้ผ่าครับ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายแพทย์อุดมพูดเช่นนี้ เขาพูดหลายครั้งหรืออาจจะพูดว่า พูดทุกครั้งที่กันตธรมาตรวจร่างกายตามนัด แต่ทว่าแก้วกาญจน์ไม่ตัดสินใจให้กันตธรผ่าตัด ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เชื่อมั่นในการรักษาของแพทย์ เธอติดปัญหาอยู่เรื่องเดียวคือ เงิน
การผ่าตัดของกันตธรต้องใช้เงินหลายหมื่นบาท แม้ว่าจะใช้บัตรสามสิบบาทรักษาทุกโรค แต่ส่วนต่างคือเงินจำนวนไม่น้อย ซึ่งแก้วกาญจน์ยังหาไม่ได้ และนั่นทำให้การผ่าตัดดูห่างไกลจากความเป็นจริงมาก
“ถ้าไม่รีบผ่า คนไข้จะแย่นะครับ” อุดมย้ำ “อาการแบบนี้ ผมคิดว่ามีความเสี่ยงสูงจะเป็นมะเร็ง มีโอกาสหายก็น่าจะรีบรักษานะครับ เพราะถ้าเป็นมะเร็งโอกาสหายอาจจะติดลบ”
อุดมไม่ได้คิดขู่ให้เธอหวาดกลัว แต่เขาพูดตามความจริง โอกาสเสี่ยงที่กันตธรจะเป็นมะเร็งนั้น มีมาก หากรีบรักษาตัดเนื้อร้ายออกไป ความเสี่ยงนั้นจะลดฮวบลงทันที
แก้วกาญจน์มีสีหน้าหนักใจอย่างเห็นได้ชัด ความเป็นห่วงกันตธรเพิ่มพูน เธอรู้ดีว่าก้อนเนื้อในสมองไม่อาจสลายตัวไปเองได้ มีแต่จะโตขึ้นเรื่อยๆ จะให้มันหมดไป มีวิธีเดียวคือต้องผ่ามันออก อาการของกันตธรก็จะหาย คงเหลือเพียงโรคหัวใจที่ไม่ร้ายแรงเท่า
เธอย้อนนึกถึงเรื่องราวในอดีต บิดามารดาของกันตธรเป็นคนอุปการะเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าจะมีฐานะปานกลาง แต่ก็เลี้ยงลูกนอกไส้อย่างดีที่สุด เท่าเทียมกับที่เลี้ยงกันตธรลูกของตัวเอง ให้ความรัก ความอบอุ่น อบรมสั่งสอน ให้การศึกษา
จนกระทั่งวันที่เลวร้ายของครอบครัวแสนอบอุ่นก็เกิดขึ้น เมื่อพ่อแม่บุญธรรมของแก้วกาญจน์เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่งผลให้ชีวิตของกันตธรและแก้วกาญจน์เปลี่ยนไป บ้านที่เคยอาศัยอยู่ถูกธนาคารยึด เพราะทั้งสองไม่อาจหาเงินมาผ่อนชำระได้ตามกำหนด ทั้งคู่ที่อยู่ในวัยยี่สิบปีจึงย้ายมาอยู่บ้านเช่า ในชุมชนห้วยสวรรค์ ทำงานหาเลี้ยงตัวเอง
และดูเหมือนโชคร้ายยังไม่หมดไป กันตธรที่ป่วยมาโดยตลอดมีอาการหนักขึ้น ปวดศีรษะมากขึ้น หัวใจเต้นแรงผิดปกติบ่อยครั้ง หยุดงานบ่อยจนถึงขั้นถูกไล่ออกจากงาน เนื่องจากร่างกายของเขาไม่เหมือนก่อน อ่อนแอ ทำงานหนักไม่ได้ แก้วกาญจน์จึงเป็นคนเดียวที่รับผิดชอบทุกอย่างในบ้าน
ทว่าเธอก็ไม่เคย ย่อท้อ หรือสิ้นหวัง ทำงานอย่างแข็งขันและหนัก เพื่อหาเงิน หาเลี้ยงชีพ และรักษากันตธร นัยหนึ่งถือว่าตอบแทนบุญคุณพ่อแม่บุญธรรมที่ชุบเลี้ยงตนมา ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่แต่อย่างใด แล้วเหตุใดเธอจะทำทุกอย่างให้กันตธรไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นผ่าค่ะ ผ่าเลยค่ะ” แก้วกาญจน์ตัดสินใจในที่สุด เพราะคิดว่านี่คงจะเป็นโอกาสเดียวที่กันตธรจะหาย หากคิดและทำอะไรช้าไปกว่านี้ โอกาสนั้นอาจจะหลุดมือไป
“แล้วเรื่องเงินล่ะครับ ไหวหรือเปล่า” อุดมที่รู้ปัญหาของแก้วกาญจน์ดี อดเป็นห่วงไม่ได้
“ไหวค่ะ ตราบใดที่แก้วยังมีแรง มีลมหายใจ แก้วจะหาเงินมารักษาพี่หนึ่งให้ได้ค่ะ”
เป็นคำมั่นที่เธอจะต้องทำให้จงได้ แม้ว่าจะหนักและเหนื่อยมากเพียงใด “แล้วคิวผ่าจะได้วันไหนคะคุณหมอ”
การรักษาพยาบาลโรงพยาบาลของภาครัฐไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่ว่านึกจะผ่าก็ผ่า หากเคสนั้นไม่เร่งด่วนจริงๆ แล้วยิ่งโรคของกันตธรจะต้องใช้ทีมผ่าตัดมืออาชีพ ใช้ผู้ชำนาญการเป็นพิเศษ และเกี่ยวข้องหลายฝ่าย ต้องมีความพร้อมหลายประการ ที่สำคัญต้องรอตามคิวด้วย