07 หนี
หลายวันผ่านไป
หลังจากที่หายดีกลับมาเป็นปกติแล้วทางเดียวที่มินตรากำลังคิดอยู่ในตอนนี้ก็คือหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ เพราะเธอคิดเสมอว่าถ้ามีทางเข้ามาได้ก็ต้องมีทางออกไปเช่นกัน
แต่ไม่ว่าเธอจะมองไปทางไหนก็มีแต่ป่าและคลื่นทะเล และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
แต่มันก็ต้องมีทางออกจากที่นี่สิ!
และที่สำคัญมังกรก็กลับออกไปแล้วด้วย มันเป็นโอกาสดีเลยที่เธอจะหนีออกจากที่นี่โดยที่ไม่ให้ใครรู้ และไม่ให้มังกรจับได้
ผู้ชายคนนั้นน่าไว้ใจได้มากแค่ไหนกัน อยู่ก็อาจจะตายได้เพราะมินตราไม่สามารถความคิดของมาเฟียหนุ่มได้เลย
แต่ถ้าออกไปแล้วสามารถหนีรอดจากคนพวกนี้ได้เธอก็จะหนีไปอยู่ให้ไกลๆ จะได้ไม่ต้องมีคนตามหาเธอเจอ
แต่คนที่นี่ก็ดีกับเธอมากเช่นกัน โดยเฉพาะศรีจันทร์ภรรยาของหัวหน้าชาวบ้านที่นี่ เธอมีจิตใจที่ดีและอ่อนโยนกับมินตราไม่ว่าเธอจะดื้อหรือใช้คำพูดไม่เหมาะสมกับผู้ใหญ่แบบไหนศรีจันทร์ก็ไม่เคยโกรธหรือดุด่าเลย
“มินขอโทษนะพี่ศรีจันทร์ แต่มินไม่อยากอยู่ที่นี่จริงๆ สักวันเราคงมีโอกาสได้พบกันอีกนะ” พูดจบมินตราก็ย่องเดินออกไปจากบ้านทันที
เธอแอบหนีไปช่วงกลางดึก วิ่งเข้าไปในป่ามืดทึบโดยที่ยังไม่มีจุดหมายปลายทาง แต่เธอก็คิดว่าถ้าวิ่งไปจนสุดทางป่าก็อาจจะได้เจอกับทางออกหรือพบกับถนน
แต่เพราะทางที่มิดสนิทเลยทำให้มินตราล้มบ้างลุกบ้างไม่รู้ว่าไปวิ่งสะดุดกับอะไรบ้างเหมือนกัน
จนกระทั่งเธอวิ่งมาเจอกับหน้าผาที่ด้านล่างเป็นน้ำทะเล และมันอยู่สูงมากๆ ถ้ามองกลับเข้าไปตรงจุดที่เธอวิ่งหนีออกมาทำให้เธอได้รู้ว่าเธอวิ่งมาไกลพอสมควรเลย
มินตรามองไปรอบๆ ตัวเองแต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนเธอก็พบเพียงผืนน้ำทะเลสีคราม เมื่อกระทบกับแสงจันทร์ทำให้น้ำทะเลมีแสงระยิบระยับออกมา
ครั้งแรกของเด็กสาวที่ได้เห็นน้ำทะเลสวยแบบนี้ด้วยตาของตัวเอง เกิดมาเธอไม่เคยไปเที่ยวทะเลหรือไปเที่ยวที่ไหนเลย
“สวยจัง…” มินตราเหมือนถูกมนต์สะกดให้ต้องหยุดชะงักมองดูน้ำทะเลที่กำลังส่องแสงระยิบระยับเมื่อกระทบกับดวงจันทร์บนฟ้า
ความสวยที่เต็มไปด้วยอันตรายเบื้องหน้าของเธอ ด้านล่างคือน้ำทะเลที่กำลังซัดเข้าฝั่งอย่างแรงและก็ไม่มีใครกล้าที่จะลงไปตรงจุดนี้เลย
มินตราย่อตัวนั่งลงห้อยขามองดูน้ำทะเลที่สวยระยิบระยับอยู่เบื้องหน้าของเธอ พลางคิดถึงพ่อกับแม่ที่ไม่รู้ว่าป่านนี้ไปทำงานอยู่ที่ไหนแล้วเป็นยังไงบ้าง ถึงพ่อแม่จะไม่ค่อยได้สนใจเธอปล่อยให้เธอต้องอยู่คนเดียวบ่อยๆ แต่เธอก็รู้ว่าพ่อกับแม่ของเธอรักเธอมากแค่ไหน แต่เพราะความจนมันเลยทำให้เธอกับพ่อแม่ต้องแยกห่างออกจากกัน
“มินอยากให้พ่อกับแม่มาเห็นน้ำทะเลสวยๆ แบบนี้กับมินจัง” ความคิดถึงทำให้เธอรู้สึกหนาวเหน็บบาดเข้าไปส่วนลึกของหัวใจ ใครไม่มาเป็นเธอไม่ได้มายืนอยู่จุดเดียวกับเธอก็คงจะไม่เข้าใจว่าภายใต้เด็กสาวที่มีรอยยิ้มดูเหมือนจะมีความสุขต้องจมอยู่กับความทุกข์มากแค่ไหน ไม่มีใครอยากอยู่ห่างจากครอบครัวของตัวเองหรอก มีแต่คนอยากอยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งนั้น และเธอก็เป็นคนที่โหยหาสิ่งนี้มาโดยตลอด ถึงแม้จะรู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ก็ตาม
“อิจฉาคนที่เค้าได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาเนอะ” พูดไปน้ำตาก็ไม่รู้ว่ามาจากไหนไหลร่วงออกมาอาบแก้มเนียน
มินตรานั่งอยู่ตรงริมหน้าผาทั้งคืนเพราะไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อ รอให้เช้าแล้วถึงจะโบกเรือที่ขับผ่านไปมาและขอความช่วยเหลือออกไปจากที่นี่ อย่างน้อยเธอก็มาไกลพอสมควรที่จะทำให้คนที่นั่นไม่คิดว่าเธอจะวิ่งมาไกลถึงที่นี่ได้
เพราะกว่าจะมีคนรู้ตัวว่าเธอหายไปเธอก็คงจะหาทางออกจากที่นี่ได้แล้ว
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์จ๋า ช่วยให้มินออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยด้วยเถอะจ้ะ มินไม่เคยทำร้ายไม่เคยคิดร้ายกับใครเลยมินไม่อยากอยู่ที่นี่มินอยากกลับบ้าน”
มินตรานั่งอยู่ตรงริมหน้าผาจนกระทั่งเผลอหลับไปข้างๆ ต้นไม้ริมที่อยู่ริมหน้าผา
เช้าวันต่อมา
ศรีจันทร์ตื่นแต่เช้าทำกับข้าวให้กับผู้เป็นสามีและไม่ลืมที่จะทำเผื่อให้กับเด็กสาวด้วย ทว่า…เธอกลับไม่พบเด็กสาวในห้องนอนของเธอ และพยายามหาไปจนทั่วทั้งห้องก็ไม่เจอเลยแม้แต่เงา
“พี่ๆ พี่ชาติ!” ศรีจันทร์รีบวิ่งออกมาหาผู้เป็นสามีที่กำลังยืนเช็คเรืออยู่ด้านนอกด้วยความร้อนใจ
“ว่าไงจันทร์วิ่งหน้าตาตื่นมามีอะไรหรือเปล่า”
“คุณหนูที่นายพามาหายไปไหนก็ไม่รู้ ฉันหาทั่วห้องแล้วก็ไม่เจอเลย ไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน”
“หาดีแล้วหรือยังจันทร์ สายป่านนี้แล้วคุณหนูคงไปเดินเล่นหรือเปล่า ลองไปเดินหารอบๆ ก่อน”
“จ้ะพี่”
ศรีจันทร์เดินไปตามหามินตรารอบๆ ตัวบ้าน เพราะเธอยังไม่คุ้นชินกันสถานที่น่าจะไปไม่ไกลมาก พร้อมกับถามหาชาวบ้านที่ทำงานอยู่แถวๆ นั้น แต่ทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เจอมินตราเลย
ทำเอาศรีจันทร์ร้อนใจมากเพราะเธอได้รับหน้าที่ให้ดูแลมินตรา แต่มินตรากลับมาหายตัวออกไปแบบนี้
“เจอหรือเปล่าจันทร์”
“ไม่เจอเลยจ้ะพี่ชาติ ฉันลองถามชาวบ้านที่ทำงานอยู่แถวๆ นี้แล้วไม่มีใครเคยเห็นคุณหนูเลย เอาไงดีล่ะพี่จะโทรบอกนายหรือเปล่า”
“เดี๋ยวให้ชาวบ้านช่วยกันออกตามหาก่อน ไม่เจอยังไงค่อยโทรบอกนายอีกที บางทีคุณหนูอาจจะไปเดินเล่นแล้วพลัดหลงไปก็ได้ อย่าเพิ่งโทรไปรบกวนนายเลย ตอนนี้นายน่าจะยังทำงานอยู่”
“จ้ะพี่”
จากนั้นทั้งสองคนก็ขอแรงชาวบ้านที่กำลังทำงานกันอยู่ออกไปตามหามินตรารอบๆ เกาะ แต่ไม่ว่าจะพยายามเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววของเธอเลย มีเพียงรอยเท้าของคนที่วิ่งเข้าไปในป่าทางหลังเกาะ ซึ่งแน่นอนว่าทางนั้นไม่มีใครกล้าไปและไม่มีใครคิดจะไปเลยด้วย
“พี่ชาติคุณหนูวิ่งเข้าไปในป่าหรือเปล่าพี่ ดูสิมันมีรอยทางของคนวิ่งไป” เพราะในป่านั้นมีหญ้ารกทึบเลยสังเกตได้เลยว่ามีรอยคนวิ่งแหวกพงหญ้าเข้าไป
“เอาไงดีพี่ โทรบอกนายดีมั้ย”
“อืม…”
ชาติหยิบโทรศัพท์ของตัวเองที่มีสัญญาณติดต่อกับคนภายนอกได้เพียงเครื่องเดียวโทรออกไปหามังกรทันที
( สวัสดีครับ )
“คุณมังกร ผมเองนะครับ”
( ว่าไง )
“คือว่า…”
( มีอะไรก็บอกมาเถอะ มินตราไปก่อเรื่องให้ปวดหัวอีกแล้วหรอ? )
“เปล่าครับ คุณหนูหายตัวไปครับ ผมกับชาวบ้านช่วยกันออกตามหาแล้วครับแต่ไม่เจอเลย”
( ว่าไงนะ! )
“ไม่เจอตัวแต่เจอรอยเท้าวิ่งเข้าไปในป่าครับ”
( โอเค เดี๋ยวฉันรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ เอาเรือออกมารับด้วย )
“ครับๆ”