บท
ตั้งค่า

ตอนที่ : 9 เริ่มต้น 2

“มารับรถเหรออิ่ม” เขาถามระหว่างใช้เท้าเหยียบที่รองนอนชนิดเลื่อนได้ให้กระดกขึ้น แล้วนำไปเก็บไว้ตรงมุมด้านข้าง

“อืม ว่าแต่ค่าซ่อมเท่าไหร่ดำ?” วรดาหมุนกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กมาด้านหน้า หมายจะล้วงกระเป๋าเงินออกมาจ่ายค่าซ่อม

“ไม่คิดหรอก” แต่ดัมพ์ก็เอ่ยคำนี้ขึ้นเสียก่อน

“ทำไมล่ะ คิดค่าซ่อมมาเถอะ อิ่มเป็นลูกค้านะ” หญิงสาวถามคนที่กำลังใช้ผ้าเช็ดคราบน้ำมันเครื่องออกจากมือ ดัมพ์ค่อยๆ หันหลังกลับมามองแล้วยิ้มให้เธอ

“เราเป็นเพื่อนกัน เราไม่คิดค่าซ่อมหรอก เข้าใจนะ” พูดแล้วก็ขยิบตาให้ข้างหนึ่ง

“แต่อิ่มเกรงใจดำ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกอิ่ม ปกติอู่เราซ่อมรถใหญ่” เขาพูดประโยคนี้วรดาเลยต้องหันไปมองรอบๆ ตัวเอง มีแต่รถกระบะ รถเก๋งจอดรอซ่อมอยู่ราวสี่คัน จริงด้วยไม่ใช่อู่ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์สักหน่อย

“เอารถไปเถอะไม่ต้องเกรงใจ เราเป็นเพื่อนอิ่มนะมีอะไรก็เรียกใช้ได้ อีกอย่างเราก็เป็นเพื่อนบ้านกันแล้วด้วย มีอะไรบอกเราได้ เราเต็มใจช่วยอิ่ม...ทุกเรื่อง” ดัมพ์เน้นสองคำสุดท้ายเป็นพิเศษ แต่อีกคนก็ไม่ทันได้สนใจ วรดามัวแต่คิดกังวลต่อค่าซ่อมที่เขาไม่รับ

“ถ้างั้นก็ขอบใจดำมากนะ เรากำลังจะเข้าไปตัวอำเภอ ว่าจะไปหารถมาขุดบ่อเลี้ยงปลาท้ายบ้านสักหน่อย”

“บ่อเลี้ยงปลา”

“ใช่ เราจะทำบ่อปลาแล้วก็มีเล้าไก่ด้านบน”

“แล้วรู้จักแหล่งไหมล่ะรถขุดน่ะ” ถูกถามแบบนี้อีกคนเลยต้องส่ายหน้าช้าๆ

“อันที่จริงก็ไม่รู้เหมือนกัน” แล้วเอ่ยความจริงออกมา แม้แม่จะบอกไม่ให้คบหากับเขา แต่ดัมพ์ในวันนี้เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก วรดาคิดว่าเขาคงผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นมากกว่าที่จะเป็นนักเลงใหญ่ประจำหมู่บ้านเหมือนในอดีตเสียอีก

“งั้น...เราพาไปเอาไหม”

“ไม่ต้องๆ เกรงใจดำเปล่าๆ ซ่อมรถอยู่ไม่ใช่เหรอ” พูดแล้วก็ชี้นิ้วไปยังคันที่เขาเพิ่งออกมาจากใต้ท้องรถเมื่อครู่นี้ ดัมพ์ยักไหล่ขึ้นทั้งสองข้างพร้อมกับส่งยิ้มน่ามอง

“เสร็จแล้ว คันอื่นเดี๋ยวสักพักไอ้ตุ้มกับไอ้ก้องก็มาทำต่อ เมื่อกี้โทรมาบอกว่าจะมาสายสักหน่อย วันนี้ทั้งวันเราว่าง” ฟังเขาพูดแล้ววรดาก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อย ความจริงแล้วเธอเองก็ต้องการเพื่อนสักคนเหมือนกัน 'แม่คงไม่รู้มั้ง'

“ก็ได้ดำไปเป็นเพื่อนอิ่มหน่อยนะ”

“ได้เลย รอแป๊บนะอิ่ม เราอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน รับรองไม่เกินสิบนาที” ดัมพ์มีอาการกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันทีเมื่ออีกคนตอบรับ

“ไม่ต้องรีบก็ได้ คราบน้ำมันขนาดนั้นอาบนานๆ ไปเถอะ” เห็นความเลอะของเขาแล้ววรดาก็รีบทักท้วง

“โอเคๆ” ดัมพ์ดีใจจนออกนอกหน้าเขารีบวิ่งไปเปิดประตูที่เชื่อมกับอู่เข้าไปภายในบ้านของตนเอง

ไม่เกินสิบนาทีอย่างที่เขาบอกเอาไว้จริงๆ ดัมพ์เปลี่ยนไปใส่เสื้อยืดสีน้ำเงินกับยีนเดฟสีซีด เท้าทั้งสองข้างก็สวมผ้าใบสีดำหุ้มข้อ ผมหยักศกเล็กน้อยก็ถูกมัดรวบเอาไว้ตรงต้นคอด้านหลัง เป็นชุดโปรดที่มักถูกหยิบออกมาสวมใส่ตอนออกไปทำธุระนอกอู่

“ไปกันได้แล้ว”

“ไม่ไปมอเตอร์ไซค์เหรอดำ” หญิงสาวถามคนที่เดินไปเปิดประตูรถกระบะคันเก่า

“ไปรถเราดีกว่าแดดร้อน เดี๋ยวอิ่มจะดำก่อนถึงอำเภอนะ” เขาบอกด้วยความหวังดี วรดาคิดตามแล้วก็เป็นผลดีกับเธอเองอยู่ไม่น้อย รีบขึ้นไปนั่งบนรถกระบะคันเมื่อวานของเขา

“มองอะไร?” เห็นดัมพ์มองแล้วยิ้มวรดาก็นึกสงสัย

“ไม่คิดว่าเราจะมานั่งในรถคันเดียวกันแบบนี้ เหมือนฝันเลยนะว่าไหม” เขาเลิกคิ้วใส่ทั้งสองข้างอย่างอารมณ์ดี

“นั่นสิ”

“สมัยเรียนทำไมเราไม่คุยกันบ้างก็ไม่รู้” ยังแอบสงสัยเรื่องในสมัยก่อน มือก็เลี้ยวพวงมาลัยออกจากรั้วอู่ไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้ตุ้มและไอ้ก้องขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านเข้ามา

“ดูแลอู่ดีๆนะ! เดี๋ยวข้าจะไปทำธุระในอำเภอกับพี่อิ่มเขา” ดัมพ์ตะโกนสั่งลูกน้องทั้งสองคน ซึ่งพวกมันก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้

“ใครว่าไม่เคย” รถขึ้นมาแล่นบนถนนใหญ่แล้ววรดาก็เอ่ยขึ้น

“ตอนไหนไม่เห็นจำได้”

“ก็ตอนที่ดำปิดประตูห้องเรียนตีกันกับผู้ชายห้องหกยังไงล่ะ”

“ปิดประตูตีกันกับห้องหก...” เหมือนจะนึกออกว่าเหตุการณ์เป็นยังไง

“ใช่ ตอนนั้นห้องหกมาหาเรื่องดำ เรื่องอะไรนะ เอ...” วรดาทำท่าคิด

“อย่าไปคิดถึงมันเลย”

“นึกออกแล้ว! ไอ้ต้นห้องหกมาหาเรื่องดำ บอกว่าดำไปยุ่งกับแฟนของมัน อิ่มจำได้” หญิงสาวดีดนิ้วเปาะเมื่อนึกเหตุการณ์ในตอนนั้นออก

“ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้น” ดัมพ์ปฏิเสธเสียงอ่อย ไอ้เรื่องที่อยากให้จำก็ไม่จำ ดันไปจำเรื่องแบบนี้ได้นะยัยอิ่ม

“ไม่ใช่ได้ยังไงดำยังท้าไอ้ต้นซะเสียงดังเลย พูดว่าไรนะ เอ... อ้อ แฟนมึงแล้วไงอยากมาอ่อยกูเอง” แค่นั้นแหละ ไอ้ต้นนักเรียนเกเรห้องหกก็สั่งพวกปิดห้องเพื่อถล่มดัมพ์ แต่ปิดเร็วไปนิดหนึ่งเพราะว่าผู้หญิงคนเดียวอย่างเธอยังหนีไม่ทัน ตอนนั้นวรดาได้แต่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงโต๊ะของตนเอง มีเก้าอี้ตัวหนึ่งลอยมาเกือบจะกระแทกหน้าเข้าให้ ดีที่ว่ามีบางคนมาหยุดมันไว้ก่อน

ดัมพ์...เขาเป็นคนมาดึงเก้าอี้ตัวนั้นกลางอากาศแล้วโยนกลับไปใส่ไอ้ต้น “ออกไป!” จากนั้นก็ดึงมือของเธอไปตรงประตูรีบเปิด “พลั่ก!” วรดาไม่รู้ว่าเสียงสุดท้ายที่ได้ยินคืออะไร เหมือนมีบางอย่างผ่านอากาศมากระแทกหลังดัมพ์อย่างจัง เธอมองไม่ชัดเพราะว่าเขาดันประตูปิดลงอย่างรวดเร็ว

“เป็นอะไรทำไมเงียบไป” ดัมพ์ถามคนที่นั่งนิ่งไปสักพักหนึ่ง วรดาหันหน้าไปมองเขา 'คงจำไม่ได้ล่ะสิดัมพ์' ว่าเราได้คุยกันตั้งสองคำคำว่า ออกไป

“ไม่มีอะไรหรอก คิดแล้วก็ขำเนอะขนาดดำเกเรแบบนั้นยังมีสาวๆ รุมกรี๊ดกันทั้งโรงเรียน” เมื่อก่อนดัมพ์เป็นแบบนั้นจริงๆ หล่อ เลว แต่ก็ลึกลับจนน่าสนใจ ความจริงอาจจะมีการพูดคุยกันมากกว่านี้ตามสถานการณ์ แต่ว่าวรดากลับนึกไม่ออกเลยจริงๆ

“ผู้หญิงก็ชอบผู้ชายเลวๆ แบบเราไง ยิ่งเลวก็ยิ่งเท่” เจ้าของต้นเรื่องพูดแบบทีเล่นทีจริง ช่วงวัยรุ่นเอะอะเขาก็ใช้อารมณ์ ยอมใครไม่เคยเป็น เอะอะอะไรก็ใช้กำลังไว้ก่อน คิดแล้วก็ให้ขำ

“แหวะ ไม่อายปากตัวเองเลยนะที่พูด” วรดาเบ้ปากใส่เขา

“แต่อิ่มไม่เห็นจะกรี๊ดเราเลย ไม่เฉียดเข้าใกล้เลยด้วยซ้ำสงสัยจะรังเกียจเรามาก”

“เปล๊า! ไม่ได้รังเกียจแค่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเด็กเกเรเดี๋ยวจะโดนลูกหลงไปด้วย”วรดาเสียงสูงใส่พร้อมกับเหตุผลที่ฟังขึ้นเสียด้วย

“แล้วตอนนี้ล่ะไม่กลัวลูกหลงหรือยังไง” คนถามหันมายิ้มตรงมุมปาก

“ก็อย่าตีกันตอนที่อยู่กับเราสิ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel