บท
ตั้งค่า

ตอนที่ : 8 เริ่มต้น

3

เริ่มต้น...

เสียงไก่ขันเจื้อยแจ้วกับเสียงดังกุกกักในห้องครัว ไม่สามารถปลุกคนนอนหลับให้ตื่นขึ้นมาได้ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวที่นอนได้ดังขึ้น วรดาปรือตาขึ้นอย่างลำบากยากเย็นเหยียดแขนขึ้นสูงจนสุด ก่อนจะบิดตัวไปซ้ายทีขวาทีเพื่อยืดเส้นยืดสาย จากนั้นค่อยเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือมาเลื่อนหน้าจอรับสาย

“ใครคะ? ฮ้าว...” ถามเสร็จก็หาวเสียงดังใส่โทรศัพท์

“อิ่มยังไม่ตื่นหรือไง นี่ดำนะ” เสียงจากปลายสายติดจะหัวเราะหญิงสาวนิดๆ

“ดำ”วรดาทวนชื่อของเขาใหม่อย่างงุนงง ก่อนจะนึกได้ว่าเธอให้เบอร์เขาไว้เมื่อวานนี่เอง

“ก็ใช่น่ะสิ เราจะโทรมาบอกว่ารถซ่อมเสร็จแล้วมารับด้วย”

“อ้าวเหรอ กี่โมงแล้วนี่”

“แปดโมงครึ่งแล้ว โทษทีนะที่โทรมาปลุก ไม่คิดว่าจะนอนตื่นสายขนาดนี้” ดัมพ์ไม่ได้คิดตำหนิจริงๆ แต่ปากเขาก็ไวพอตัว

“อืม เดี๋ยวสายๆ จะเดินไปเอา” ระยะทางแค่นี้เดินได้สบายอยู่แล้ว

“ให้เราไปรับที่บ้านไหมจะได้ไม่ต้องเดิน” ดัมพ์อาสาด้วยความหวังดีไม่อยากให้เพื่อนเดินมาร้อนๆ แถมเหนื่อยอีกต่างหาก แต่วรดาก็รีบปฏิเสธกลับมาอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องหรอก เราเดินได้แค่นี้เอง”'ขืนมาแม่ก็ไม่สบายใจอีก ยิ่งบอกว่าอย่ายุ่งกับดำอยู่ด้วย' ไม่กล้าที่จะบอกเขาออกไปตรงๆ จึงทำได้เพียงแค่คิด

“งั้นเหรอ เราจะรอนะ” เสียงสดใสของเขาเปลี่ยนไปเหมือนคนผิดหวัง แต่เอ๊ะ! ทำไมดัมพ์ถึงบอกว่าจะรอ?

“แค่นี้นะอิ่ม” ยังไม่ทันได้ถามต่อเขาก็ชิงวางสายไปเสียก่อน รอทำไม?อยากถามคำนี้ใจแทบขาด แต่ก็ช่างเถอะคงไม่มีอะไรหรอก คิดแล้วก็บิดตัวไปซ้ายทีขวาทีอีกรอบก่อนจะลุกจากที่นอนได้

หญิงสาวเดินออกมาจากห้องนอนลงบันไดมาข้างล่าง เพราะว่าห้องน้ำอยู่ด้านล่างข้างบ้านนั่นเอง ครั้นอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว วรดาเลือกที่จะทำทุกอย่างเหมือนแม่ตนเอง คือนุ่งผ้าถุงแล้วใช้ผ้าขนหนูคลุมไหล่ขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้าบนบ้าน จะเป็นไรไปก็นี่บ้านเธอ มีเพียงเธอกับแม่แค่สองคน

“อิ่ม! ผีเข้าหรือไงลูกถึงได้เอาผ้าถุงแม่มาใส่” นางบังอรทักลูกสาวที่เพิ่งออกมาจากห้องนอน ใส่ชุดเสื้อยืดผ้าถุงลายตีนจก

“ผีไม่ได้เข้าหรอกแม่ แค่อยากทำตัวให้สมกับเป็นสาวชนบท”

“พูดไป สาวชนบทสมัยนี้เขาไม่ใส่ผ้าถุงกันแล้ว แล้วนั่นใส่ดีหรือเปล่า ไม่ใช่ผ้าถุงไปหลุดให้ใครเห็นเข้าล่ะ”

“แอ่น...แอ๊น!”ลูกสาวคนสวยเลิกผ้าถุงขึ้นสูง

“ว้าย!” นางบังอรกรีดร้องด้วยความตกใจ แต่ว่าสิ่งที่มองเห็นกลับเป็นกางเกงขาสั้นที่อยู่ข้างใน ไม่เพียงเท่านั้นตรงขอบเอวของผ้าถุงก็ยังมีเชือกฟางรัดเอาไว้อีกที

“ตกกะใจหมดเลยยัยอิ่ม แล้วนั่นมันดูลำบากไปไหม” คนพูดยกมือทาบอกมองลูกสาวเชิงตำหนิเล็กน้อย

“ไม่หรอกแม่จิ๊บๆ” วรดาดึงผ้าถุงลงที่เดิมจัดแจงให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เดี๋ยวแม่จะติดตะขอให้ถ้าอยากใส่จริงๆ มีอยู่หลายผืนเลย” นางบังอรเริ่มจะรับสภาพของเชือกฟางที่ใช้แทนเข็มขัดไม่ได้ จึงต้องหาวิธีจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

“จริงเหรอแม่ เอาสักเจ็ดผืนนะ จะได้ใส่ให้ครบทุกวัน”

“ได้เดี๋ยวแม่จะรีบทำให้เลย”

“แม่น่ารักที่สุดในโลกเล้ย!”หญิงสาวกระโดดเข้าไปหอมแก้มแม่เสียฟอดใหญ่ จากนั้นสองแม่ลูกก็ลงมือกินข้าวเช้าบนบ้าน ถาดสังกะสีใบหนึ่งซึ่งข้างในมีจานกับข้าวอยู่สองอย่าง น้ำพริกปลาทูกับต้มยำปลาช่อนที่เหลืออุ่นจากเมื่อเย็นวาน กับข้าวพื้นๆ ที่กินกับแม่แค่สองคน ทว่าบรรยากาศแบบนี้กลับทำให้วรดาสุขใจเป็นที่สุด จะมามัวเสียใจให้ผู้ชายคนนั้นทำไมกัน ดูแม่ของเธอสิ ตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าวให้กิน เขาคนนั้นเคยไหม แทบจะไม่เคย ไม่สิ ไม่เคยเลยต่างหาก!

กินข้าวมื้อเช้าเสร็จวรดาก็บอกแม่ว่าจะไปรับรถที่อู่ของดัมพ์ นางบังอรชักสีหน้าเล็กน้อย ด้วยไม่ค่อยอยากจะให้ลูกสาวไปมาหาสู่กับเจ้าของอู่แห่งนั้นมากนัก

“แม่ อิ่มแค่ไปเอารถ แล้วก็จะขี่เข้าอำเภอไปติดต่อรถมาขุดบ่อ”เดือดร้อนคนเป็นลูกต้องอธิบายให้เข้าใจ

“แต่ว่าแม่ไม่อยากให้อิ่มไปยุ่งกับไอ้ดำมันเลยลูก”

“ไม่ได้ยุ่งเลยแค่ไปเอารถแม่ ไปจ่ายตังค์ค่าซ่อมด้วย อย่าห่วงไปเลยนะ” กระแซะผู้เป็นแม่ระหว่างพูดสายตาก็ออดอ้อนเข้าไว้

“เออๆ รีบไปรีบกลับนะ”'เห็นไหมได้ผลในทันที'

“ถ้าแม่เป็นห่วงก็โทรหาอิ่มสิ”

“ไม่ เอ็งนั่นแหละต้องโทรมาหาแม่ แม่ไม่ได้เติมตังค์มือถือ” วรดาถึงกับหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ ปกติโทรศัพท์มือถือของแม่เป็นแบบรายเดือนซึ่งบิลจะไปเรียกเก็บกับเธอเอง แต่ล่าสุดแม่เพิ่งบอกให้ยกเลิกสามเดือนก่อน บอกว่ามันเปลือง เพราะยังไงวรดาก็เป็นฝ่ายโทรไปหาอยู่แล้วในแต่ละวัน

“ได้จ้า คุณแม่สุดที่รักของลูก”

“อย่าลืมไปเปลี่ยนผ้าถุงด้วยล่ะ ขี่มอ'ไซค์เข้าอำเภอเดี๋ยวเขาตกใจกัน เอาไว้ใส่เฉพาะตอนอยู่บ้านกับแม่ก็พอนะอิ่ม”

“ดีเหมือนกันนะแม่ ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาคนเหมือนกัน” แม้จะอยากอนุรักษ์ผ้าถุง แต่ให้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปด้วยก็คงจะไม่สะดวกเท่าที่ควร ผ้าถุงก็คงได้ปลิวว่อนไปตามสายลม วรดาจึงรีบเดินขึ้นบันไดไปเปลี่ยนเป็นกางเกงยีนแทน

“หมวกกันน็อกก็อย่าลืมใส่นะ แม่ซื้ออันใหม่มาให้แล้ว” แค่รู้ว่าลูกสาวจะกลับมาอยู่ด้วย นางบังอรก็เตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมสรรพ

“ไม่ลืมค่าแม่ ไปแล้วนะ” วรดาหยิบหมวกกันน็อกแบบครึ่งศีรษะมาถือเอาไว้ โบกมืออำลาแม่แล้วเดินออกจากรั้วบ้านขึ้นไปบนถนนใหญ่ มุ่งหน้าไปยังอู่ดัมพ์เซอร์วิส ระหว่างเดินทางไปก็เหวี่ยงหมวกกันน็อกในมือไปมาอย่างคนอารมณ์ดี มองดูทิวทัศน์ร่มรื่นข้างทางด้วยสีหน้าสดชื่น

สะเก็ดไฟแลบออกมาจากการอ๊อกเชื่อมโลหะใต้ท้องรถ ทำให้หญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาภายในอู่ซ่อมรถหยุดยืนดู วรดาเห็นแค่ปลายเท้าที่โผล่พ้นออกมา จึงไม่อาจรู้ได้ว่าคนใต้ท้องรถนั้นเป็นใคร หญิงสาวเลือกที่จะยกมือขึ้นป้องปาก

“ดำอยู่ไหม!” แล้วตะโกนเสียงดังลั่นอู่ แต่ด้วยเสียงของการอ๊อกเชื่อมค่อนข้างดังจึงไม่มีใครได้ยินเธอสักคนเดียว หญิงสาวจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปบริเวณมุมข้างในอู่

“ดำอยู่ไหม!” เป็นจังหวะเดียวกับที่ทุกเสียงในอู่เงียบลงจากการหยุดอ๊อกเชื่อม คนที่อยู่ใต้ท้องรถเลื่อนตัวออกมาอย่างรวดเร็ว หน้าตาของเขามอมแมมไปด้วยคราบสีดำของน้ำมันเครื่อง แต่กระนั้นวรดาก็จำเขาได้ไม่ใช่ใครอื่นไกลก็คนที่ช่วยเหลือเธอไว้เมื่อวานนั่นเอง วันนี้ดัมพ์ใส่เสื้อกล้ามสีดำเผยให้เห็นกล้ามเนื้อตรงแขนทั้งสองข้าง 'ใหญ่ไม่ใช่เล่น'ไม่ได้ใส่เดฟแต่เป็นกางเกงยีนตัวเก่ามีรูขาดโหว่เต็มไปหมด คงเอาไว้ซ่อมรถชุดเลยเก่าๆ เข้าไว้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel