บท
ตั้งค่า

ตอนที่ : 6 เรื่องมันมีอยู่ว่า 3

“นี่ไงหลังที่เห็นหลังคาอยู่นั่นไง” วรดาชี้นิ้วไปที่บ้านหลังเดียวของตนเองที่ตั้งอยู่ตรงปากทางเข้าหมู่บ้านพอดิบพอดี ตัวเธอเองก็จำวัยรุ่นของหมู่บ้านไม่ค่อยได้เหมือนกัน จำแม่นก็แต่ผู้หญิงส่วนผู้ชายนี้หายหัวไปไหนหมดก็ไม่รู้วันๆ แทบไม่เคยเห็นหน้า

“บ้านป้าอรนี่นา”

“ใช่จ้ะ ฉันเป็นลูกสาวแม่”

“โอ้โฮ! หน้าอย่างป้าอร มีลูกสาวสวยแบบนี้เลยเหรอ” คนพูดทำตาโตมองสำรวจวรดาอย่างกับไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งที่ความจริงก็เคยพบเห็นกันมาก่อนบ้าง เพียงแต่อาจจะไม่ได้ใส่ใจที่จะจดจำเท่านั้นเอง คนเป็นลูกพี่เห็นแล้วหมั่นไส้ยกเท้าขึ้นแล้วเตะขาไอ้ก้องพอให้เจ็บ

“โอ๊ย! พี่ดำมาเตะผมทำไม” คนถูกเตะโอดครวญเสียงดัง

“ไปทำงานได้แล้วไป๊!”

“ครับผม!” ตะเบ๊ะท่าใส่แล้วมุดเข้าไปใต้ท้องรถอย่างเดิม วรดาเห็นแล้วก็อดขำให้กับลูกพี่ลูกน้องคู่นี้ไม่ได้

“เดี๋ยวเอามอเตอร์ไซค์ไปส่งนะ” เจ้าของอู่หันมาบอกลูกค้าสาวสวย

“ได้จ้ะ”

“อ้อ ขอเบอร์โทรเอาไว้ด้วย ซ่อมเสร็จแล้วจะได้โทรไปบอก” ดัมพ์ล้วงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมายื่นให้หญิงสาว วรดารับไปแบบงงๆ ก่อนจะกดหมายเลขโทรศัพท์ของตัวเองลงไปในโทรศัพท์ของเขา

“ว่าแต่จะซ่อมนานไหม?”

“ไม่หรอกแค่วันสองวันก็เสร็จแล้ว ถ้าไม่มีงานด่วนเข้ามานะ”

“อ้าว รถฉันก็ด่วนนะ”

“รู้แล้ว เดี๋ยวจะรีบทำให้” พูดจบก็ถอดแว่นตาสีดำออกเสียบคอเสื้อเอาไว้ เดินไปหิ้วกระเป๋าทั้งสองใบของวรดาขึ้นมาสะพายหน้าอันหนึ่ง และวางไว้ตรงหน้ารถอีกอัน

“เดี๋ยวก่อน” คนที่เพิ่งได้เห็นหน้าของเขาชัดๆ รีบดึงศอกของชายหนุ่มเอาไว้ จ้องเข้าไปในดวงตาคู่ดุแบบชัดๆ คิ้วหนาเข้ม จมูกโด่ง กับริมฝีปากหนาหยัก เลื่อนสายตาขึ้นด้านบนใหม่อีกครั้ง มองสบสายตาคู่ตรงหน้า...ก่อนจะอ้าปากกว้างขึ้น

“ดำ! นี่นายเองเหรอ” ดัมพ์ อัฐกรณ์ เพื่อนนักเรียนสมัยมัธยมปลายที่เกเรที่สุดในห้อง หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ อีกครั้งเพื่อเรียกความทรงจำ ใช่เขาจริงๆ ด้วย

“ใช่จริงๆ ด้วย” ย้ำตัวเองเหมือนคนละเมอ

“นึกว่าอิ่มจะจำเราไม่ได้ซะแล้ว” ดัมพ์ยิ้มบางๆ ตรงมุมปาก ยอมรับว่าตอนแรกนึกเสียใจอยู่ไม่น้อยที่วรดาจำตนเองไม่ได้

“ก็เกือบไปเหมือนกัน ถ้าไม่ถอดแว่นก็ไม่รู้” พอรู้ว่าเขาเป็นใครอาการกล้าๆ กลัวๆ ก็เกิดขึ้น สมัยนั้นดัมพ์เป็นนักเลงใหญ่ประจำหมู่บ้าน มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่เป็นประจำ แต่ใครจะคิดล่ะว่าเขาจะมาเปิดอู่ซ่อมรถอยู่ตรงนี้ ข้างๆ บ้านของเธอ ทั้งที่บ้านของดัมพ์นั้นอยู่อีกฟากหนึ่งของหมู่บ้าน

“ไม่ได้เจอกันสิบกว่าปีเลยนะ” ดัมพ์ยิ้มให้เพื่อนที่ไม่ค่อยจะสนิทอย่างวรดา ในระหว่างเรียนระดับมัธยมนั้นทั้งคู่แทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลยด้วยซ้ำ เพราะว่าวิถีการใช้ชีวิตแตกต่างกันเกินไป คนหนึ่งโดดเรียนเป็นประจำ อีกคนเข้าเรียนไม่เคยขาด คนหนึ่งชอบยกพวกตีกัน อีกคนรักความสงบเป็นส่วนตัว

“ใช่ สิบปีอิ่มไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” สวยน่ารักไม่เคยเปลี่ยนในสายตาของดัมพ์ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่มัดผมเปียในสมัยก่อน หรือตอนนี้ที่มัดแกละทั้งสองข้าง ยังเป็นคนที่ชอบทำอะไรง่ายๆ อยู่เหมือนเดิม

“แต่ดำเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ” ดูสิ เด็กชายผอมเก้งก้างที่เอาแต่เที่ยววิ่งไล่ตีกัน สิบปีผ่านมาเขากลายเป็นหนุ่มรูปร่างใหญ่โต ไม่ผอมเก้งก้างเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ดัมพ์ทำเพียงแค่ยิ้มด้วยไม่รู้ถึงความหมายของคำว่าเปลี่ยนไปของหญิงสาว

“ไปเถอะ”

“อืม” วรดาก้าวขึ้นไปนั่งบนช็อปเปอร์คันโตของเขาแบบหวั่นๆ แม่จะว่าอะไรไหมนะ ที่ต้องขึ้นรถของคนที่เมื่อก่อนแม่เคยห้ามอยู่บ่อยครั้งว่าอย่าไปข้องแวะโดยเด็ดขาด

“กอดเอวเราไว้สิอิ่ม เดี๋ยวหล่นนะ” ดัมพ์บอกคนด้านหลังที่นั่งห่างไม่พอยังไม่ยอมหาที่ยึดอีก

“เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” ปกติเคยซ้อนท้ายหนุ่มที่ไหนกันเล่า วรดาเกิดกังวลขึ้นมา

“ช่างปะไร” เขาปล่อยมือข้างหนึ่งจากแฮนด์มาดึงมือของวรดาให้จับเอวตนเองเอาไว้ หากเป็นสาวอื่นนี่คงกอดโถมมาทั้งตัวแล้ว แต่กับผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังเธอทำเพียงแค่กำเสื้อของเขาเอาไว้แน่น

เขาขี่มาได้ไม่ถึงห้านาทีรถก็เลี้ยวเข้ารั้วบ้านเปิดโล่งของวรดา หญิงสาวรีบลงจากรถแล้วยื่นมือไปถือกระเป๋าของตนเอง วรดามองหน้าของดัมพ์อีกครั้งแล้วเอ่ยคำขอบคุณออกมา

“ขอบใจดำมากนะที่มาส่งอิ่ม”

“ไม่เป็นไร เราเพื่อนกัน”

“อ้าว อิ่มมาแล้วเหรอลูก” นางบังอรรีบถอดหมวกปีกออกจากศีรษะแล้วเดินตรงเข้ามาหาลูกสาว วรดายกมือไหว้แล้วโผเข้ากอดแม่ด้วยความคิดถึง

“สวัสดีครับน้าอร” ดัมพ์ยกมือไหว้แม่ของเพื่อน นางบังอรรีบดันตัววรดาออกจากอ้อมอกด้วยความแปลกใจ

“ทำไมอิ่มมากับดำได้ล่ะลูก”

“เอ่อ คือรถมอเตอร์ไซค์ของอิ่มเสียน่ะแม่ พอดีดำมาเจอเข้าเลยมาส่งแล้วรถก็อยู่ที่อู่ของดำด้วย” คนเป็นลูกรีบอธิบายเพราะเกรงว่าแม่ของตนจะเข้าใจผิด

“เสียเหรอแล้วไปเสียอยู่แถวไหนล่ะ”

“ก็เลยป่าช้ามาหน่อยน่ะแม่ อิ่มไม่มีเบอร์ช่างแถวนี้ด้วย แม่เองก็โทรติดแต่ไม่มีคนรับสาย มีมือถือแต่ไม่ถือล่ะแม่อย่างนี้เวลามีธุระเดือดร้อนจะรู้เรื่องกันไหม” พูดไปก็บ่นให้ผู้เป็นแม่ไปด้วย

“มือถือแม่ชาร์จแบตอยู่บนบ้าน ไม่ได้เอาลงมาเลย”

“แล้วไป”

เห็นสองแม่ลูกพูดคุยกันอย่างสนิทสนมแล้ว คนไร้ญาติขาดมิตรแบบดัมพ์เลยพลอยรู้สึกอิจฉาเล็กๆ เขามองสองแม่ลูกแล้วยิ้มอย่างสุขใจไปด้วย

“เออ ไอ้ดำขอบใจเอ็งมากนะที่มาส่งยัยอิ่มมัน” นางบังอรหันไปพูดกับคนที่ยังนั่งอยู่บนช็อปเปอร์คันเท่ของตนเอง

“ไม่เป็นไรครับน้าอร ผมกับอิ่มเราเป็นเพื่อนกันครับ”

“เออๆ เอ็งก็กลับไปได้แล้วล่ะ ขอบใจมาก” หัวอกคนเป็นแม่ไม่ต้องการให้นักเลงใหญ่ประจำหมู่บ้านต้องมาข้องแวะกับลูกสาวของตน ดัมพ์รู้สึกได้ว่ากำลังถูกกีดกันออกจากพวกเขา

“ผมไปก่อนนะน้าอร ไปแล้วนะอิ่ม” เขายินยอมที่จะจากไปแต่โดยดี

“อืม” วรดายิ้มให้เขาเล็กน้อย ดัมพ์จึงสตาร์ตรถแล้วขี่กลับอู่ของตนเองไป ทันทีที่ดัมพ์ขี่รถออกไปพ้นบริเวณหน้าบ้าน นางบังอรก็รีบดึงมือลูกสาวเข้าไปนั่งใต้ถุนบ้านอย่างรวดเร็ว

“มีอะไรแม่” เมื่อเห็นท่าทีเคร่งเครียดของผู้เป็นแม่วรดาก็นึกสงสัย

“อิ่ม! เอ็งอย่าไปสุงสิงกับดำให้มากนักนะทีหน้าทีหลังก็อย่าขึ้นรถมากับมันอีก แม่ไม่ไว้ใจ” นางบังอรเสียงเครียดขึ้นไม่ต่างจากท่าทางที่แสดงออกมา

“แม่! ดำเป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกับอิ่มนะ” วรดาไม่เห็นด้วยต่ออคติที่มีมาก่อนหน้านี้

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ได้ข่าวว่ามันหายไปสิบปีไม่รู้ไปทำชั่วอะไรไว้บ้าง กลับมาปีที่แล้วก็มาเปิดอู่ซ่อมรถอยู่ตรงที่ดินของกำนันสันต์ ชาวบ้านเขาก็งงกันนะว่าทำไมมันถึงเปิดอู่ตรงนั้นได้” คนคิดลบยังไงก็ยังมองแง่ลบอยู่วันยังค่ำ

“แล้วทำไมดำถึงมาเปิดอู่ตรงนั้นได้ล่ะแม่”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel