EPISODE 01 / 2
“แก้วตา! เกิดอะไรขึ้นน่ะตาคิม”
หูได้ยินเสียงแม่ถามพี่คิมอย่างร้อนใจ
“สงสัยจะโดนตะปูตำครับ”
“ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้ เลือดตกยางออกในวันนี้ลางไม่ดีชัด ๆ”
แม่ห่วงฉันจริงใช่ไหมเนี่ย
“คุณน้ามียาดมไหมครับ” ใช่ ๆ ฉันจะเป็นลมอยู่แล้ว แม่ยังเอาแต่สวดอะไรไม่รู้เพราะกลัวลูกสาวจะดวงซวยรับวันตรุษจีน
“แป๊บนะเดี๋ยวน้าไปเอาให้”
‘รีบ ๆ เลยแม่’ ได้แต่บอกท่านในใจ พยายามไม่มองเลือดที่ไหลจากนิ้วมือนิ้วไหนก็ไม่รู้
“คนอะไรกลัวแม้กระทั่งเลือดตัวเอง” ไอ้พี่คิมเหน็บฉัน แต่มือเขาก็ยังหาทิชชูมาเช็ดเลือดให้
“ก็มันน่ากลัว”
ฉันเป็นโรคกลัวเลือด กลัวเข็มฉีดยามาตั้งแต่เด็กแล้ว เคยจำได้ตอนประถมปีที่ห้า มีหมอมาฉีดวัคซีนบาดทะยักหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ ฉันเป็นลมล้มพับทันทีที่คุณหมอถือเข็มเตรียมทิ่มไหล่
“แผลแค่นิดเดียว แต่คงต้องไปฉีดยากันบาดทะยักหน่อยนะ เมื่อกี้พี่เห็นว่าตะปูมันขึ้นสนิมด้วย”
รีบส่ายหน้าถอยห่างจากพี่คิมหันต์ทันที
“ไม่อะ แก้วไม่ฉีดยานะ”
“อะไรเรา กลัวทั้งเลือดทั้งเข็ม?”
“ก็คนมันกลัวอะ” ฉันเถียงเบา ๆ
“งั้นเอางี้ ถ้ายอมไปหาหมอพี่จะซื้ออมยิ้มให้” เอาขนมมาล่อ คิดว่าฉันเป็นเด็กหรือไง
“ขอไอศกรีมด้วย”
“ตะกละ” ช่วยไม่ได้ ขนมหวานและแก้วตาคือของคู่กัน
“ยาดมมาแล้ว นี่แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อกับสำลี”
แม่ยื่นของที่ว่าให้พี่คิมหันต์
โห... ตัวเองเป็นแม่แต่ใช้คนอื่นเนี่ยนะ เดี๋ยวให้เตี่ยหักเงินเดือนเลย
“เมื่อกี้น้าได้ยินว่าจะพายัยแก้วไปหาหมอ ไม่ต้องลำบากหรอกลูก แก้วตาน่ะหนังเหนียว ไม่เป็นอะไรหรอก” ขอบคุณค่ะแม่ที่คอยขัดขวางการได้ใกล้ชิดผู้ชายของลูก
“จะดีเหรอครับ”
“ทำแผลแค่นี้ก็พอ ไหน ๆ เราก็มาแล้ว เดี๋ยวรอน้าแป๊บนะ”
แม่มองฉันเหมือนคาดโทษว่าไม่ดูแลตัวเองจนเดือดร้อนคนอื่นก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน ไม่นานท่านก็กลับออกมาพร้อมซองสีแดงลายมังกรทอง
“ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ นะตาคิม”
พี่คิมหันต์รีบยกมือไหว้แม่ฉันก่อนจะรับซองแดงนั้นมาถือไว้
“ขอบคุณครับ”
“เดี๋ยวน้าไปจัดการในครัวต่อก่อนนะ ส่วนเราก็อย่าซุ่มซ่ามอีกละ”
นึกว่าจะรอด โดนดุอีกจนได้
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
ฉันส่ายหัวไปมาก่อนพึมพำเบา ๆ “อดกินหนมเลย”
“นึกว่าเรื่องอะไร เดี๋ยววันหลังพี่พาไปกินติม”
“สัญญานะ โอ๊ย! เจ็บอะ” พี่คิมหันต์เขกมะเหงกฉันหนึ่งที
“สำออย”
แบร่! แอบแลบลิ้นให้อีกคนที่รู้ทัน ก็ไม่เจ็บจริงนั่นแหละ แต่อยากให้พี่คิมมองว่าฉันเป็นผู้หญิงบอบบางกับเขาบ้าง
“อะ เสร็จแล้ว”
นิ้วนางฉันถูกคุณหมอจำเป็นแปะพลาสเตอร์ให้อย่างเรียบร้อย
“ขอบคุณค่าาา” ฉีกยิ้มหวานให้อีกคน มองพลาสเตอร์ลายการ์ตูนน่ารัก ๆ ด้วยหัวใจพองโต สัญญาว่าจะไม่แกะพลาสเตอร์ที่เป็นฝีมือพี่คิมออกเด็ดขาด!
“เออ ลืมถามเลย”
ฉันรีบเงยหน้ามองคู่สนทนาที่มองฉันอยู่ก่อนแล้ว
“วันนี้วันตรุษจีนแล้ว เราจะเอาอั่งเปาไหมครับ” พี่คิมหันต์ถามฉันด้วยเสียงทุ้มที่แสนละมุนหู ฉันรีบส่ายหน้าแล้วเอ่ย
“ไม่อยากได้อะ เบื่อพูดแต่ซินเจียยู่อี่ทุกปีแล้ว” อมลมแก้มป่องเมินหน้าไปทางอื่น ก็มันเบื่อจริง ๆ อะ ได้ซองมาไม่สู้ได้ใจอีกคน ฮิ้วววว~
“แล้วจะเอาอะไร ก็มันเป็นธรรมเนียม”
เขาทางแก้วตาล่ะ รีบกลั้นยิ้มกลั้นเขินทันทีที่ถูกถามคำถามที่รอคอย
“เบื่อแล้วซินเจียยู่อี่ ขอเป็นหว่ออ้ายหนี่ บอกรักแทนได้ไหมอะ”
โป๊ก!
“โอ๊ยยย! เค้าเจ็บนะ” อยู่ดี ๆ ก็ได้มะเหงกมากินอีกแล้ว หัวปูดหมดแล้วเนี่ย!
“แก่แดดใหญ่แล้วนะเรา” พี่คิมว่าให้
“แก่แดดที่ไหน เค้าพูดเรื่องจริงเหอะ” บุ้ยปากทำหน้างอนหันหนีไปอีกทาง
“อายุเท่าไร”
“คะ?”
“ปีนี้อะ อายุเท่าไร” จู่ ๆ ก็มาถามอายุเสียอย่างนั้น
“14 กุมภานี้ครบสิบเก้าแล้ว” ตอบเสียงแง่งอนเขาอยู่
ไม่อยากจะโม้ ฉันน่ะเป็นผู้หญิงที่เกิดมาพร้อมความรักนะ ทั้งความรักจากพ่อแม่ ครอบครัว ญาติพี่น้อง แถมยังเกิดตรงกับเทศกาลแห่งความรักที่เรียกอีกอย่างว่าวันวาเลนไทน์
“อืม งั้นก็ไม่เด็กแล้ว”
ก็แหงละ สิบเก้านี่โตเป็นสาวแล้วนะคะ แถมทรวดทรงองค์เอวฉันยัง นมเป็นนม เอวเป็นเอว ก้นก็เด้งอีก เสียอย่างเดียว ส่วนสูงที่ปีนี้ขยับขึ้นมาอีกแค่ห้าเซนฯ เอง
“ตกลงว่าจะยอมหว่ออ้ายหนี่กับเค้าแล้วใช่ปะ?”
เห็นพี่คิมไม่ด่าไม่ประชดอะไรเลยหยอดไปมุกใหญ่ พร้อมกระแซะ ๆ เข้าไปอีกนิด ชิด ๆ มัดกล้ามใหญ่ ๆ เข้าไปอีกหน่อย
โอย!! ‘แก้วกัลยา’ ใจจะละลายแล้วนะ
คนอะไรแน่นไปเสียหมดแถมกลิ่นตัวยังห้อมหอมอีกต่างหาก
“เตี้ย!” พี่คิมเรียกฉันเสียงเรียบ
“ครับ” ฉันแกล้งขานรับเป็นสรรพนามของอีกเพศ
“ไปนอนกลางวันได้แล้วนะเรา”
เฮ้! เดี๋ยวสิ... พูดแบบนี้หมายความว่าพี่คิมหันต์กำลังปฏิเสธฉันแล้วให้ไปนอนฝันกลางวันเอางั้นเหรอ?
ม่ายยยยน้า!
แก้วตาไม่ยอม แบบนี้ต้องไปศึกษาวิธีจีบหนุ่มกับป้าโบนัสแล้วละ