บทที่ 6
“อ้ายราม...ทำไมปิดไฟ แก้มหอมมองอะไรไม่เห็นเลย”
เสียงประตูห้องน้ำเปิด พร้อมกับเสียงหวานๆ ที่ดังขึ้น ทำให้คนที่นั่งเฝ้ารออยู่หน้าห้องน้ำ ยิ้มกริ่ม ก่อนจะเดินตรงไปรวบตัวจันดาลีเข้ามาในอ้อมแขน เธอตกใจจนตัวแข็งเมื่อเจ้าบ่าวทำแบบนั้น
โอ...
อ้ายราม
ทำไมร้อนแรงแบบนี้กันนะ
ทำไมหอมแบบนี้กัน กลิ่นกายของเขาหอมอวลจรุงใจเมื่อกอดเธอไว้แน่นแบบนี้ เอ...เขาไปฉีดน้ำหอมกลิ่นนี้ตอนไหนกันนะ ตอนที่เข้าใกล้เขาแรกๆ เขาไม่ได้มีกลิ่นแบบนี้นี่นา
ริมฝีปากของเขาประกบลงมาบนกลีบปากอิ่ม แล้วบรรจงจูบเธอ จันดาลีหลับตาพริ้ม เธอไม่ซักถามใดๆ อีกแล้ว...
เจ้าบ่าวของเธอกำลังจะพาเธอมีบทเรียนคืนแรกไปด้วยกัน
5................
วันนี้สถานการณ์ในครอบครัวของหวานใจ ดูอึมครึมอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่เป็นวันที่เธอกลับมาเยี่ยมบ้านแท้ๆ เธอมองกวาดไปยังบิดาและมารดา ซึ่งนั่งกันคนล่ะฟากโต๊ะ ทั้งที่ปรกติแล้วพวกท่านจะนั่งติดกัน กระหนุงกระหนิงคุยกัน เห็นแบบนี้แล้ว เธอไม่ชอบใจเลย
อาหารมื้อกลางวัน พ่อเพลิงของเธอก็ไม่ยอมกลับมากินข้าว เธอทั้งโทรไป ทั้งไลน์ส่งข้อความไป ท่านก็บอกว่าให้มารดาโทรมาสิ ถึงจะกลับไป แต่ตวงรักก็ทำเพียงแค่สั่นหน้า แล้วก็ไม่สนพ่อเพลิงไปเสียอย่างนั้น
‘จะได้ไม่ไร้สาระ’
มารดาของเธอว่าแบบนั้น หวานใจยังไม่ออกตัวว่าเธอเข้าข้างใคร แต่ใจน่ะเข้าข้างพ่อเพลิงไปจนเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ล่ะ
“แม่จ๋า หวานกับพ่ออยากกินแกงเขียวหวานไก่พรุ่งนี้ ฝีมือแม่นะ”
เธอว่าแล้วส่งตาอ้อนๆ ให้มารดา ตอนนี้เธอนั่งข้างบิดา ส่วนน้องชายนั่งข้างๆ กับตวงรัก
“ได้สิ”
ตวงรักตอบโดยยิ้มให้แต่ลูกสาว เธอไม่ยิ้มให้สามีที่นั่งทำหน้าขึงตึงเปรี๊ยะอยู่ข้างหวานใจเลยแม้แต่น้อย ไม่อยากให้ได้ใจ...หนนี้เพลิงไร้สาระเอามากจริงๆ
“ไม่ต้องทำก็ได้ ไม่อยากกิน เดี๋ยวเสียเวลาอ่านหนังสือ ตามติดคนโปรด”
แนะ...คนขี้งอนพูดมาลอยๆ ตวงรักปรือตาขึ้นมองสามี แล้วยักไหล่
“ก็ดี...เสียเวลาจริงๆ นั่นแหละ ว่าจะเร่งมือถักเสื้อส่งไปให้น้องเค้าสักหน่อย นี่ใกล้จะหมดหน้าหนาวล่ะ เห็นลงในไอจีว่าอยากมาเที่ยวเชียงใหม่ นี่ก็ว่าจะส่งบัตรสมนาคุณไปให้มาพักที่รีสอร์ตของเราฟรีๆ ก่อนจะหมดหนาว”
“หนาวอะไร นี่มันจะมีนาแล้ว แล้วทีของผัวของลูกไม่ถักให้เลยนะ”
อดรนทนไม่ไหวล่ะ เพลิงจึงลุกขึ้นแขวะภรรยา ตวงรักยิ้มส่งให้อย่างยียวน
“ถักให้เยอะแล้ว ใส่หมดหรือเปล่าล่ะพี่เพลิง แบ่งๆ คนอื่นไปบ้าง ลูกเราเรียนกรุงเทพฯโน่น ร้อนจนตับจะแลบ ไม่ค่อยได้ใช้หรอกของอะไรแบบนี้”
“หึ!”
เขาวางช้อนวางส้อม แล้วเดินกระแทกเท้าปังๆ หนีไปเลย ทิ้งให้ตวงรักมองตามหลังแล้วอมยิ้ม พลางเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ
“วัยทอง”
“แม่จ๋า”
หวานใจทำเสียงอ่อย เธอลุกขึ้นแล้วรีบไปนั่งเบียดกับตวงรัก พลางเอ่ยเสียงอ่อย “ทำไมไปกวนพ่อแบบนั้นละจ๊ะ”
“ก็พ่อเราน่ะบ้าบอ เป็นบ้าเหรอ หึงแม่กับสีสัน ประสาทกินประสาทกลับไปใหญ่โตล่ะ จับผิดแม่สารพัด เอ๊อ...นี่แม่จะห้าสิบล่ะนะ ไม่ใช่สิบห้าจะมาหึงอะไรก็ดูสภาพเมียบ้าง ดูสภาพกิ๊กในจินตนาการของตัวเองบ้าง ว่ามันอยู่ไกลกันตั้งกี่จังหวัด วุ้ย!”
“แหม...พ่อก็แค่เป็นคนใจร้อน ขี้หึงไปนิดหน่อยเอง แม่ก็เอาใจพ่อหน่อยนะจ๊ะ สงสัยว่าพ่อจะวัยทองจริงๆ แหละ วัยแบบนี้เราจะต้องเอาใจไว้หน่อยนะ เดี๋ยวเตลิดจะยุ่งเอา”
“วัยทอง หรือว่าวัยกลับ”
ตวงรักว่า หวานใจยังคงอ้อนมารดาต่อ เธอใจคอไม่ดีเลยที่เห็นพวกท่านทะเลาะกัน
“แม่จ๋าล่ะก็ พ่อเพลิงรักแม่จ๋ามากน่ะสิ แม่จ๋าควรดีใจน้า”
“แม่ไม่ดีใจหรอก ถ้าจะมาหูอื้อตาลายหึงอะไรแบบนี้ ขนาดจะให้แม่เลิกอ่านหนังสือของเค้า บ้าหรือเปล่า ฉันอ่านผลงาน เอ่อ...ก็แค่ชอบที่น้องเขามีข้อคิด มีอะไรน่าสนใจดี ก็เลยกดติดตาม กดไลค์ ทีพ่อเราบางทีแม่เห็นนะ ไปกดไลค์เพจสาวๆ นมโตแม่ยังไม่ว่าอะไรเลย”
“แม่อะ” หวานใจอดขำไม่ได้
“ไปบอกพ่อเราโน่น ให้เลิกประสาท แล้วแม่จะคุยดีๆ ด้วย จะกลับไปนอนด้วย”
“นี่แยกห้องกันนอนเลยเหรอจ๊ะ”
“พ่อเราเล่นใหญ่ก่อนนะ ทำเป็นหอบหมอนหอบผ้าห่มออกมานอนห้องนั่งเล่น ทำงอนประชดแม่ เอ่อดีแม่ก็เลยล็อคห้องเสียเลย กลับเข้ามาไม่ได้ นี่ก็เลยงอนป่องๆ ออกไปแต่เช้า ข้าวก็ไม่กลับมากิน นี่ก็งอนไปอีกล่ะ ตามสะดวกเลยค่ะคุณเพลิง”
มารดาทำเสียงสูง หวานใจแอบย่นจมูกกับนาวินที่อมยิ้มแล้วยักไหล่ เป็นเชิงว่าเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน กับกรณีแบบนี้
“แม่จ๋าก็นะ ง้อพ่อเค้าหน่อย แม่จ๋าอ้าปากง้อ พ่อเพลิงก็หายงอนแล้ว นะๆๆ ให้หวานสบายใจที่ได้กลับมาบ้านนะ”
“ถ้าแม่ง้อ พ่อเราต้องเลิกบ้านะ”
“เดี๋ยวหวานเจรจาให้” หวานใจรับรองแข็งขัน
“ได้” ตวงรักพยักหน้า จริงๆ เธอก็ทั้งขำและใจหายนิดๆ กับอาการ ‘งอน’ หนักครั้งนี้ของสามี เพลิงเป็นเอามากจริงๆ
“ขอเวลาหวานไปเช็คสถานการณ์ห้านาที เดี๋ยวหวานโทรมาตามนะ”
ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินแกมวิ่งไปยังทางที่เพลิงหายไปเมื่อครู่ เธอพอจะรู้ล่ะ ว่าบิดาไปยืนทำ ‘งอน’ อยู่แถวๆ ไหน
“มีอะไรกันหรือครับป้าตวง” นาวินว่า ตวงรักถอนหายใจ ก่อนจะเล่าถึงเรื่องที่เพลิงงอนเธอให้กับหลานชายฟังว่าเป็นเพราะเขาหึงเจ้าของนามปากกา สีสัน ที่มีชื่อจริงว่าธงราม
“ก็ป้าแค่ติดตาม ก็เหมือนเราชอบศิลปินคนโปรดนั่นแหละ พ่อยัยหวานก็เป็นเอามาก เป็นจริงเป็นจัง หาว่าป้าเปลี่ยนใจไม่รักเค้าแล้ว หลงเด็กไปโน่น”
“อื้อหือ”
ฟังๆ แล้วก็ชักจะขำความเป็นเอามากของลุงเพลิงเสียจริงๆ ตวงรักสั่นหน้าน้อยๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดตลก
“แหม...ทำยังกับว่าป้าจะทะลุเข้าไปหาธงรามได้อย่างนั้นแหละ ถ้าป้าเจอธงรามตัวจริงนะ ป้าจะกอดแล้วก็หอมโชว์เสียเลย เอาให้ใจขาดตาย อิอิอิ”
“ขืนป้าตวงทำแบบนั้น ลุงเพลิงมีหวังระเบิดตัวเองเพราะความหัวร้อนโมโหหึงแน่ๆ เลยล่ะครับ”
“ป้าอยากเห็นเลยล่ะ จะสมน้ำหน้าด้วย ข้อหาไม่ไว้ใจเมียและหึงไม่เข้าเรื่อง”
“แล้วนี่ป้าตวงจะง้อลุงเพลิงสักนิดไหมละครับ”
“ก็...ง้อก็ง้อ ป้าก็ไม่ได้เสียอะไรนี่ถ้าจะง้อลุงเพลิงของเรา ก็แค่ดูว่าจะออกฤทธิ์ได้ไปถึงไหนก็เท่านั้นแหละ” ตวงรักว่า เล่นเอานาวินอมยิ้ม
นึกไปถึงคำที่ตวงรักพูด ว่าแค่ติดตามยังหวงหึงเป็นเรื่องขนาดนี้ ถ้าเกิดว่าธงรามตัวจริงมาเดินแถวนี้ แล้วป้าตวงของเขากรี๊ดกร๊าดใส่ ลุงเพลิงจะมีสภาพยังไงหว่า?
แต่คู่นี้ก็น่ารักที่รักกันมายาวนาน เหมือนพ่อกับแม่ของเขา นาวินคิดไปถึงนราวิชญ์และชนิตสิรี บิดามารดา ที่ครองรักกันมาเกือบยี่สิบปีแล้ว และทุกวันนี้ก็ยังหวานกันไม่เปลี่ยน
ความรักนี่...
ดีนะ…
ชายหนุ่มคิด ใจล่องลอยไปถึงใครบางคน ที่เขาเพิ่งไปแวะหามา ปาร์ตี้ที่เพลิงตั้งใจจะจัดต้อนรับลูกสาวล่มกลางครันไปแล้ว แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยจัดใหม่ตอนเพลิงคืนดีกับตวงรักก็แล้วกัน ถึงเวลานั้นเขาจะได้อยู่ใกล้ๆ กับเธอ...
ผู้หญิงตัวเล็กตาคม ขี้อาย...ที่ทำให้หัวใจเขาอยากมาแต่ที่สวนส้มตะวันฉายทุกครั้งที่เป็นวันหยุด