บทที่ 5
“อย่าเป็นลมไปนา” ธงลักษณ์หัวเราะหึๆ แล้วขยิบตาให้กับพี่ชายฝาแฝด
“ไปหาน้องแก้มหอมได้แล้ว อีกไม่กี่นาทีก็ถึงเวลาเข้าหอแล้วล่ะ”
“ถึงฤกษ์แล้วหรือ?” ธงรามถามเสียงสั่น ขาก็สั่น
“ถึงแล้ว ผมจะได้ไปจัดการตามแผนของเรา พี่อย่าทำแผนแตกละกัน”
“โอเคๆ”
“สูดลมหายใจเข้าลึกๆ” ผู้เป็นน้องชายสั่ง ธงรามรีบทำตาม
“ดีขึ้นหรือยัง”
“อื้อ”
“งั้นก็ไปได้”
มือหนานั่นตบมาที่ไหล่ ตาของธงรามมองไปที่เจ้าสาวของเขา ก่อนจะค่อยตรงไปหาเธอ
ธงลักษณ์ยิ้มกริ่ม ก่อนจะแยกไปหามารดาเพื่อย้ำเตือนกับท่านเรื่องฤกษ์ส่งตัว
..............................................................................................................................................................................
“แม่ปิดห้องแล้วนะราม ห้ามออกมากันนะจ๊ะ บ่าวสาว”
คุณสีดาเอ่ยกำชับ แล้วหัวเราะระรื่น คุณราชเองก็อดหัวเราะขำภรรยาไม่ได้ วันนี้เธอหน้าบานมากจริงๆ ยิ้มไม่หยุดเลยแต่เช้า เขานึกดีใจที่งานวิวาห์เป็นไปอย่างราบรื่น แม้จะเป็นเหมือนการคลุมถุงชนก็เถอะ ข้างๆ เธอมีคุณบุหงาและคุณพอนไช ที่หน้าบานไม่ต่างกัน
“อยู่กับอ้ายในนั้นล่ะ แก้มหอม เรื่องงานน่ะ พ่อกับแม่จะไปม่วนกับหมู่ข้างนอก สองคนบ่ต้องออกมานะ”
ย้ำอีกรอบ เหมือนกลัวว่าใครจะหนีหอกระนั้น
มีเสียงตอบออกมาเบาๆ ว่าค่ะ/ครับให้พอได้ยิน หลังจากที่ยืนรอฟังกันสักครู่ พวกท่านก็ยิ้มหน้าบาน คุณบุหงาเอ่ยเสียงเบากับเพื่อนสนิท เมื่อเดินออกมาเกือบจะถึงลิฟต์ที่จะพาพวกเธอไปยังห้องจัดเลี้ยงอีกหน ทิ้งบ่าวสาวไว้ที่ห้องสูทของโรงแรมเพื่อจะได้ทำการ ‘เข้าหอ’ กันให้เรียบร้อย
“แผนของเธอได้ผลจริงๆ นะดา แต่...ตารามจะโกรธหรือเปล่า ที่โดนจับแต่งงานอะไรแบบนี้”
“อย่ามาเรียกว่าจับแต่งงานสิ” คุณสีดาตีแขนของเพื่อนรัก แล้วหัวเราะคิกคัก
“แหม ตารามก็เอ็นดูน้องอยู่ เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย แล้วลูกชายฉันก็ไม่มีใคร เรื่องรักน่ะ แป๊บเดียวก็รักกันแล้ว หนูแก้มหอมออกจะน่ารักน่าเอ็นดู”
“จริงๆ นะ”
คุณบุหงายิ้มแหยให้กับเพื่อนสนิท เธอรู้ว่าลูกสาวแอบชอบธงราม ถึงกับขั้นที่ว่าคลั่งเลยก็ว่าได้ จากการเพ้อยามป่วยหนักหนล่าสุดนั่น การพยาบาลลูกสาวหลายวัน ทำให้เห็นเข้ากับไดอารี่ที่ลงเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘อ้ายราม’ ไว้มากมาย พอเอามาเล่าเปรยให้กับคุณสีดาฟัง เพื่อนของเธอก็ทาบทามเรื่องแต่งงานของคนทั้งคู่มาเลย
ตัวของจันดาลีนั้นดีใจจนแทบเป็นลม...แม่ลูกสาวตัวดีอาการหนักถึงขั้นนั้นกันเลยเมื่อรู้ว่าจะได้แต่งงานกับผู้ชายในฝัน สามีของเธอก็ดีอกดีใจที่จะได้ดองกับเพื่อนรักของเธอและเขา ถึงขั้นพากันวางแผนเพื่อให้ธงรามปฏิเสธไม่ออกเรื่องการแต่งงาน สุมหัวกันเลยล่ะ ต้องเรียกว่าอย่างนั้น ทั้งการหาฤกษ์หายาม จัดฤกษ์ที่เร็วที่สุด จนเตรียมงานเตรียมการกันแทบจะไม่ทัน แต่เงินที่เนรมิตทุกอย่างได้ จึงทำให้ทุกสิ่งเรียบร้อยรวดเร็ว
ใจหวิวนึกเป็นห่วงลูกสาวอย่างบอกไม่ถูก เกรงว่าธงรามที่ถูกขอร้องกึ่งบังคับให้แต่งงานหนนี้ จะไม่รักไม่เอ็นดูลูกสาวของเธอ ชีวิตคู่อาจจะล่มลงภายในเวลาอันรวดเร็ว เพราะนิสัยใจคอของธงรามที่เธอแอบติดตาม แอบดูอยู่ ก็เรียกว่าเดายาก แต่อย่างน้อยๆ ชายหนุ่มก็เป็นคนใจดี นิสัยเอื้ออารี มีเมตตา ใช้ได้อยู่ในระดับหนึ่ง
เธอก็หวังว่าธงรามจะเอ็นดูลูกสาวตัวป่วนของเธอ ‘ตัวป่วน’ เธอเรียกจันดาลีไม่ผิดหรอก ก็เจ้าหล่อนยังไม่โต ยังเป็นแบบนั้นจริงๆ
เฮ้อ...
สู้ๆ นะอีหล้ายาใจของแม่
............
“อ้ายราม”
เสียงหวานๆ จากหญิงสาวข้างตัวทำให้ธงรามที่ตอนนี้มีสีหน้าซีดเซียว และเหงื่อของเขากำลังไหลออกมาสะดุ้ง เขาหันมายิ้มแหยส่งให้เธอ จันดาลียิ้มอย่างเอียงอาย หน้าเธอแดงไปหมด หัวใจเองก็เต้นแรงนัก เมื่อต้องอยู่กับ ‘เจ้าบ่าว’ ของเธอตามลำพัง
เข้าหอ....
โอย...
เธอจะเป็นลมไปอีกไหมนี่
แต่เป็นลมบ่ได้นะ จันดาลี
หญิงสาวร้องบอกตัวเอง ขืนเป็นลมไปล่ะก็...เธอก็จะต้องพลาดคืนแรก ไม่ได้ๆ ไม่ดีๆ เพื่อนของเธอบอกว่าถ้าคืนแรกล่ม ชีวิตมันก็จะล่มไปตลอด
“คะ...ครับ”
“เหนื่อยบ่คะ”
เธอยิ้มปากสั่น เมื่อมองสบตากับชายในฝัน อ้ายรามของเธอ จันดาลีสนิทสนมกับฝาแฝดของบ้านพัณภัช เพราะตอนในวัยเยาว์ มารดาของเธอมีบ้านอยู่ติดกับบ้านของคุณสีดา เธอจึงมุดรั้วไปมาระหว่างสองบ้าน วิ่งผมปลิวกับพี่ๆ ทั้งสอง คนหนึ่งราวกับเทพบุตร ส่วนอีกคน...ซาตานชัดๆ
แฝดนรกของพี่ราม คืนนี้เขาก็ยืนรับแขกข้างๆ พี่ชาย ธงลักษณ์ ผู้ชายที่เธอชังฝังใจ ว่าเขาช่างชอบแกล้งเธอต่างๆ นานา แม้กระทั่งตอนโต เขาก็ยังชอบที่จะล้อเลียนเธอ แกล้งเธอ...ไม่เลิก
โอ๊ย!
ทำไมจะต้องคิดถึงอีตานั่นด้วยนะ จันดาลี อ้ายรามของเธออยู่ตรงหน้าแล้วนะ ไปใจคิดถึงอีกคนทำไมกัน
“นิดหน่อยครับ”
เขายิ้มส่งให้กับจันดาลี เพิ่งได้พินิจเจ้าสาวของตนเต็มตาก็หนนี้ จันดาลีอายุเท่าไหร่แล้วนะตอนนี้ อ้อ...ยี่สิบเอ็ดปี เธอเรียนจบแล้วในระดับปริญญาตรี เธอเป็นคนฉลาด หัวก้าวหน้าคนหนึ่ง เริ่มช่วยงานบิดาบ้างเล็กๆ น้อยๆ ที่ลาว เธอมักจะข้ามไปมาระหว่างสองฝั่ง ใช้ชีวิตที่ทางฝั่งลาวเสียมากกว่าฝั่งไทย หญิงสาวเป็นคนมีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นไฮโซสาวลาว ที่มียอดการติดตามจากอินสตาแกรมหลักแสน จันดาลีเป็นหญิงสาวหน้าตาดี สะสวย และมีชีวิตที่ใครๆ ก็อยากจะมีบ้าง
เขาไม่ได้เจอหล่อนมาสามสี่ปีแล้วกระมัง ล่าสุดที่เจอกัน หล่อนยังอยู่ในชุดนิสิต หล่อนเรียนที่ลาว ชุดของทางนั้นดูแล้วเรียบร้อยน่ารัก ในชุดผ้าซิ่นที่มีเอกลักษณ์ของสาวลาว เขายังจำได้ว่ายังนั่งคุยกับเธอ เกี่ยวกับการแต่งกายที่เป็นอัตลักษณ์ของสาวๆ ชาวลาวอย่างสนใจและเขานำบางส่วนมาใช้ในงานเขียนของตนเองด้วย
เขาคุยกับหล่อนมากหน่อยก็หนนั้น เพราะสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับประเทศลาวบางอย่างมาใช้ในนิยาย จำได้ว่าตอบแทนเธอไปเป็นสร้อยคอทองคำขาว มีจี้ห้อยเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวฝังเพชรแท้ให้เธอไป แม้ในวัยเด็กจะวิ่งเล่นด้วยกัน และสนิทสนมกัน แต่พอตอนโตก็แยกกันไป เขาจดจำเรื่องของเธอได้ว่าเป็นน้องสาวที่น่ารัก แก้มยุ้ยๆ มีลักยิ้มที่สองข้างแก้ม ผิวใสๆ ผมเปียที่แกว่งไปมา เขาต้องช่วยเธอและทะเลาะกับน้องชายแฝดบ่อยๆ เพราะพ่อตัวดีชอบนักที่จะแกล้งน้องสาวคนนี้ให้ร้องไห้
เฮ้อ...
นึกถึงตรงนี้แล้วธงรามก็กลืนน้ำลาย พร้อมกับเหลือบมองใบหน้าของเธออีกหน จันดาลีสวย...เขาบอกกับตนเองแบบนั้น เด็กน้อยน่ารักแก้มยุ้ยผิวใส กลายเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง หล่อนมีใบหน้ารูปไข่ นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาล ส่งประกายหวานระยับ ลักยิ้มที่สองข้างแก้มทำให้ยิ่งเพิ่มความน่ารักเป็นเอกลักษณ์ จมูกโด่งปลายเชิดนิดๆ ริมฝีปากเป็นรูปกระจับ ผิวพรรณขาวเนียนลออตา รูปร่างแน่งน้อยน่าถนอม...
หวังว่าพ่อน้องชายตัวดีของเขาจะไม่หนักมือเอากับเจ้าหล่อนนะ
เขาไม่ได้รังเกียจเธอ...
แต่เขาก็ไม่ได้รักเธอเช่นกัน
“น้องแก้มหอมไปอาบน้ำก่อนพี่ได้เลยนะ”
เขาบอกกับเธอ จันดาลีก้มหน้าเอียงอาย แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น เธออยู่ในชุดเดรสราตรียาวแบบฟูฟ่อง ราวกับนางฟ้าก็ไม่ปาน เธอค่อยๆ เดินม้วนชายกระโปรงแล้วหายไปในห้องน้ำ เมื่อเธอปิดประตูลง ธงรามก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“พี่ราม”
เสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้น ทำให้เขาหันขวับ ธงลักษณ์นั่นเอง เขามาแอบอยู่ในห้องนี้ก่อนที่พวกผู้ใหญ่และเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะยกขบวนกันมาทำพิธีส่งตัว
“ไปได้แล้ว พี่ควรจะเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย เดี๋ยวคนจะสังเกต ผมเตรียมไว้ที่ห้องข้างๆ แล้ว”
ธงลักษณ์กระซิบ พลางบุ้ยใบ้ ธงรามพยักหน้า แล้วค่อยเดินย่องออกมาจากห้องนั้น
เขาค่อยปิดประตู
แล้วเผ่นอ้าวออกมาแบบไม่หันหลัง เพราะเกรงว่าตนเองจะเผลอใจอ่อนทำแผนแตก