บทที่ 4
“ไปเอาข่าวบ้าๆ นี่มาจากไหนวะ ดูตัวเลขในบัญชี ที่เค้าแบ่งหุ้นกำไรเมื่อเดือนก่อนรึเปล่า?”
ธงรามสั่นหน้า
“ไม่ได้ดู นายก็รู้ว่า...ฉันไม่ค่อยสนใจตัวเลขอะไรแบบนี้”
“เอ่อ...เกือบลืม พี่มันพวกติสท์ ใช้เงินไม่ค่อยเป็น”
ธงลักษณ์ยิ้มกว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวที่มุมปากทั้งสองข้าง นัยน์ตาของเขาเป็นสีดำสนิท บางหนดูดุดัน บางคราวดูเจิดจ้า คิ้วเข้มทอดจรดนัยน์ตาคม จมูกโด่งเป็นสัน ตรงปลายจมูกมีรอยแผลเป็นเล็กน้อย แต่ไม่อาจทำลายความหล่อเหลาของเขาได้เลย ริมฝีปากของเขาหยักหนาได้รูป มันเป็นริมฝีปากที่สาวๆ อยากจะให้ประทับลงมาบนริมฝีปากของพวกหล่อน เพราะมันช่างเซ็กซี่เหลือเกิน
“แล้วตกลงว่า สถานการณ์ทางการเงินของพวกเรา มันแย่ถึงขั้นไหน”
คำถามจากพี่ชายฝาแฝด ที่หน้าตาไม่เหมือนเขาเลย เพราะเป็นแฝดจากไข่คนล่ะใบยังคงเอ่ยถามอีกหน มีสิ่งเดียวที่สองพี่น้องคล้ายกันคือสีนัยน์ตา ที่ดำสนิทเหมือนกัน หากสายตาของธงรามดูแล้วให้ความรู้สึกอ่อนหวาน อ่อนโยน ขณะที่น้องชายกลับให้ความรู้สึกอีกแบบโดยสิ้นเชิง เวลายิ้มธงรามก็มีเขี้ยวแต่เป็นเขี้ยวแค่ข้างเดียวคือข้างซ้าย จมูกของเขางุ้มปลายเล็กน้อย อีกอย่างหนึ่งที่พวกเขาสองพี่น้องเหมือนกัน นั่นก็คือริมฝีปากที่ดูแล้วเซ็กซี่น่าจูบ คางของธงรามบุ๋มลงไปเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าของเขามีเอกลักษณ์และมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร
แฝดของครอบครัวพัณภัช เรียกได้ว่าหน้าตาดีแบบกินกันไม่ลง มีเสน่ห์กันทั้งคู่ ทั้งที่เป็นแฝด แต่พี่น้องคู่นี้นิสัยไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย คนหนึ่งคือน้ำ ส่วนอีกคนคือไฟดีๆ นี่เอง...เนื้อหอมทั้งคู่ เพราะโสดทั้งคู่เสียด้วย
“ไม่แย่เลย” ธงลักษณ์ผายมือ
“พี่อยากตรวจสอบงบบัญชีไหม ตอนนี้สินค้าใหม่กำลังทำกำไรดีเลยล่ะ เพราะเราเป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำไปขาย”
“แล้วทำไมแม่จะต้องให้ฉันแต่งงานเพื่อใช้หนี้ด้วยวะ”
“หะ!” ธงลักษณ์ทำเสียงสูง เขามองหน้าพี่ชายที่ดูเครียดมาก ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“เฮ้ย...ฮ่าๆๆ อะไรนะพี่ราม อีกทีสิ”
“แม่จะให้ฉันแต่งงาน...ล้างหนี้”
“เฮ้ย...” เขาตบบ่าพี่ชายด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างกำลังปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะหัวเราะมาก
“แม่สีดาของพวกเรา เป็นอะไรไปล่ะนั่น แม่ล้อพี่เล่นหรือเปล่า”
“ไม่ได้ล้อเล่น แม่บอกว่า...ขอให้ฉันแต่งงานเพื่อเป็นการชำระหนี้ ถ้าไม่อย่างนั้น ทางนั้นจะเริ่มเข้ามายึดทุกอย่างของเรา”
“เฮ้ย”
ธงลักษณ์อุทานออกมาอีกหน เขามองหน้าธงรามอีกหน พี่ชายถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงขรึมๆ
“แม่เอาสัญญาเงินกู้มาให้ดู เราเป็นหนี้เขาสามร้อยล้านบาท เอ่อ...แม่บอกว่าเราไม่มีเงินให้เขา เพราะว่ากิจการไม่ค่อยดีนัก”
“อืม...” ธงลักษณ์หรี่ตา ดูเหมือนว่าคุณสีดาน่าจะเล่นตลกอะไรสักอย่างกับพี่ชายของเขาแล้วแน่ๆ แต่ว่า...ใครเป็นคนร่วมมือด้วยกันนะ
“แม่ไปกู้เงินใครมาล่ะพี่ราม ใครที่นายจะต้องเป็นเจ้าบ่าว หึๆ ขอโทษมันอดขำไม่ได้จริงๆ ไอ้เรื่องมาบีบไปแต่งงานขัดดอกนี่ ส่วนใหญ่มันต้องเป็นผู้หญิงไม่ใช่หรือยังไง หึๆ”
“ฉันจะต้องแต่งงานกับ...” ธงรามกลืนน้ำลาย “น้องแก้มหอม”
“อ้อ...”
ใบหน้าของใครบางคนวาบขึ้นมาในห้วงนึก ธงลักษณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วยักคิ้วให้กับพี่ชาย เขาโอบไหล่ของธงราม แล้วบีบมันเบาๆ
“เอาแบบนี้...ผมมีวิธีที่จะช่วยพี่จากการเป็นเจ้าบ่าวขัดดอกอะไรนี่ พี่ราม แต่พี่จะต้องตกลงทำตามวิธีของผม พี่จะว่ายังไง?”
“นายช่วยฉันได้จริงๆ น่ะเหรอ”
ธงรามดีใจจนกอดน้องชายฝาแฝดไว้แน่น ธงลักษณ์ตบหลังเขาเบาๆ แล้วหัวเราะ นัยน์ตาคมยังคงส่งประกายเจ้าเล่ห์
“ได้สิ...หึๆ พวกเขาจะได้เจ้าบ่าวขัดดอกแน่นอน แต่...จะถูกใจน้องแก้มหอมไหม ก็คงจะต้องว่ากันอีกทีล่ะ”
............
งานแต่งงานวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นงานใหญ่ระดับสองประเทศก็ไม่ผิดนัก เพราะฝั่งเจ้าสาว คือลูกสาวของคุณพอนไซ แสงสะหวัน นักธุรกิจของลาว กับคุณบุหงา ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกับคุณสีดาและคุณราช ไปมาหาสู่กันตลอด มีธุรกิจบางอย่างร่วมกัน ล่าสุดก็เปิดโรงงานส่งออกอาหารกระป๋องด้วยกันที่หนองคาย กิจการเรียกว่ากำลังดีวันดีพรุ่งเลยทีเดียว
แขกเหรื่อเกินร้อย ที่มาอำนวยอวยพรในวันนี้ ทั้งผู้ใหญ่จากฝั่งไทย และฝั่งลาว เจ้าบ่าวเจ้าสาวดูสวยสมกันมาก เจ้าสาวอย่างจันดาลี ยิ้มแก้มปริตั้งแต่เช้าที่เป็นงานพิธีหมั้น จนมาเป็นงานรดน้ำ และฉลองสมรส เธอยังคงยิ้มค้างแบบนั้น ด้วยความอิ่มอก ปลื้มใจ ขณะที่เจ้าบ่าวอย่างธงราม กลับยิ้มเพียงนิดๆ ที่มุมปาก ยิ้มเหมือนเสียไม่ได้ ข้างกายเขาขนาบด้วยน้องแฝด อย่างธงลักษณ์ ที่ดูเหมือนจะมีรอยยิ้มมากกว่าพี่ชายผู้เป็นเจ้าบ่าวเสียอีก
เขามองใบหน้าด้านข้างของจันดาลี นัยน์ตาคมกริบส่งประกายเจ้าเล่ห์ พี่ชายที่ยืนข้างกันแตะมือเขาเบาๆ มือของธงรามเย็นเชียบเลยทีเดียว เจ้าสาวถูกมารดาของหล่อนเรียกไปรับแขกเหรื่อชั่วคราว เลยเปิดโอกาสให้ธงรามได้คุยกับน้องชาย
“นายลักษณ์”
“ครับ”
“แน่ใจนะว่าเราจะทำแบบนี้”
“แน่ใจสิพี่ ว่าแต่พี่รามเหอะ ไปถึงแล้วก็อย่าโผล่มาทางโซเชียล ทางไหนๆ เชียวจนกว่าผมจะติดต่อไป” สองพี่น้องกระซิบคุยกันไปมา
“พี่...”
ธงรามตื่นเต้นจนเหงื่อแตกซิกแล้วตอนนี้ เขาไม่ชอบโกหก นี่มันคือการวางแผนโกหกครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตสามสิบสองปีของเขาเลยก็ว่าได้