บทที่ 3
ธงรามถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขณะที่พับหน้าจอโน๊ตบุ๊คตรงหน้าลง สมาธิของเขาไม่มีเลยแม้จะรับปากกับกองบรรณาธิการแล้ว ว่าจะพยายามออกงานใหม่ให้ได้ก่อนสามเดือนข้างหน้านี้ แต่เขาทำงานได้เพียงสองบรรทัด สมาธิก็กระเจิงเตลิดไปไกล จนกู่ไม่กลับ งานเขียนเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งสมาธิจินตนาการเป็นอย่างสูง ถ้าไม่มีสองอย่างนี้ เปิดหน้าจอทิ้งไว้ มีทุกสิ่งมากดดัน งานที่ได้ก็คือความว่างเปล่า
ว่างเปล่า...
หัวของเขามันว่างเปล่าตั้งแต่เรื่องเมื่อสองวันก่อน ทำเอาเขาช็อคไปชั่วคราว จนหมกตัวอยู่ในห้องไม่ยอมลงมารับประทานอาหารกับครอบครัว อ้างว่ากำลังเร่งงาน มารดาของเขาให้เด็กรับใช้ยกถาดอาหารมาให้ แต่ธงรามก็กินไม่ลง ตักเพียงคำสองคำแล้วก็เรียกให้เด็กรับใช้ยกกลับคืน เขายัดเงินไปให้ด้วยว่าให้เอาข้าวไปจัดการ ก่อนที่จะเอาลงไปเก็บในครัว เพราะไม่อยากให้มีคนรู้ว่าเขาไม่ยอมกินข้าว แน่ล่ะ...เขากลัวว่าคุณสีดาจะเป็นห่วงเขา ก็ทั้งที่ท่านเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาเครียดจัดจนเป็นแบบนี้แท้ๆ
เขาเดินเตร่ออกมาตรงสวนของบ้าน เดินเล่นสูดอากาศยามราตรี บ้านของครอบครัวพัณภัชเป็นบ้านเดี่ยว กินเนื้อที่เกือบสามร้อยตารางวา ในย่านกลางเมืองแบบนี้ ราคาของมันพุ่งทะยานเกินหลายสิบล้านแล้วตอนนี้ นอกจากบ้านแล้วครอบครัวของเขายังมีคอนโดมิเนียม และที่ดินตรงปริมณฑลอีกสิบไร่...ไหนจะโรงงานอีก เท่าที่จำได้คือสองแห่ง โรงงานของบิดา และโรงงานของมารดา
เขาคิดถึงสมบัติของครอบครัวไปทำไมกันนะตอนนี้? ทั้งที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสิ่งที่ทางครอบครัวได้ครอบครอง รวมถึงธุรกิจมีมูลค่าทรัพย์สินขนาดไหน จะว่าไปเขาก็แทบไม่สนใจอะไรเลยด้วยซ้ำ งานทุกวันนี้คนที่ออกหน้าทำคือน้องแฝดอย่างธงลักษณ์ ทำหน้าที่ในการจัดการธุรกิจอย่างคล่องแคล่ว
ส่วนเขาได้ทำงานส่วนตัวที่เขารักอย่างเต็มที่อย่างงานเขียน มารดาทั้งบ่น ทั้งว่าในตอนแรก ว่ามันไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้อะไรมากมาย ไม่ถึงครึ่งกับธุรกิจของครอบครัวเลยด้วยซ้ำ ไม่อยากให้เขาทำและเสียเวลากับตรงนี้ ให้ไปช่วยเหลือกัน แต่เพราะธงลักษณ์น้องแฝดที่ยืดอกกับมารดาว่าจะทำงานให้เท่ากับคนสองคนทำ และให้ท่านปล่อยให้เขามาทำงานที่เขารัก นั่นแหละคุณสีดาถึงยอม เมื่อเห็นว่าธงลักษณ์ทำทุกอย่างได้ดีจริงๆ จนตำหนิอะไรไม่ได้เลย ส่วนกิจการของบิดาอย่างคุณราช ท่านยังดูแลควบคุมอยู่ด้วยตนเอง ยังไม่ได้ปล่อยมือให้ใคร และนั่นวันหนึ่งเขาอาจจะต้องไปสืบทอดต่อ ซึ่งธงรามก็ไม่อยากให้ถึงวันนั้นไวนัก เขาไม่ชอบจริงๆ เรื่องงานกำไร ขาดทุนอะไรแบบนั้น...
จริงสิ...
บางทีเขาอาจจะต้องปรึกษาน้องชายฝาแฝด ว่าเกิดอะไรขึ้น มารดาถึงได้มายื่นข้อเสนอนี้กับเขา หรือว่ากิจการของครอบครัวเกิดมีปัญหากันนะ ธงรามถอนใจเฮือก เขาเสยผมที่ปรกลงมาระใบหน้า ก่อนจะใช้ยางรัดผมที่คล้องแขนไว้ จัดการรวบผมที่ยาวระต้นคอเสียให้เรียบร้อย เขาล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบบางอย่างออกมา แล้วจุดไฟ สูดควันของมันเข้าไป...เขาเคยเลิกมันไปหนหนึ่งแล้วหลายเดือน แต่นี่...เขากำลังเครียดจริงๆ
เขาเดินเรื่อยไปจนถึงชิงช้าไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งไว้ใต้ต้นหูกวาง เอนพิงเสาของมันที่มีไม้เลื้อยสีสวยอย่างพวงแสดขึ้นปกคลุม ตามองเหม่อไปบนท้องฟ้าที่มีพระจันทร์กำลังส่องแสงอยู่บนนั้น
กลิ่นของบุหรี่ลอยเจือจางมาตามลม ทำให้คนที่เดินลงจากรถแล้วกำลังก้าวอาดๆ จะเข้าบ้านชะงักกึก แล้วสูดมันเข้าไปอีกนิด บ้านนี้ไม่มีคนสูบบุหรี่ มีอยู่คนเดียวและก็เลิกไปเกือบหกเดือนแล้ว ต้องมีอะไรแน่ๆ ขาของเขาเปลี่ยนเป้าหมายจากประตูบ้าน มาเป็นในสวนแทน ไฟแดงวาบๆ ที่เห็น พร้อมกับร่างสูงที่ยืนตะคุ่มอยู่ตรงนั้น มันทำให้ธงลักษณ์กระตุกริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม เขาเดินตัวตรง เอามือล้วงกระเป๋าสบายๆ ค่อยเดินเอื่อยๆ ไปใกล้ แต่ดูเหมือนคนที่กำลังปล่อยอารมณ์จะยังไม่รู้ตัวถึงการมาของเขา
“นายลักษณ์”
เขาชะงักเท้า เมื่อเสียงเรียกชื่อของเขาดังขึ้น พร้อมกับพี่ชายที่ผินหน้ามาทางเขาพร้อมกับรอยยิ้ม ธงลักษณ์ยักไหล่ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“เฮ้...พี่มีกุมารคอยกระซิบหรือเปล่านะพี่ราม รู้ได้ยังไงว่าผมเดินมา”
“กลิ่นของนาย”
คำตอบนั้นทำให้ธงลักษณ์หัวเราะ แล้วยกแขนตนเองขึ้นสูดดม อาจจะเพราะเขาคุ้นกับกลิ่นที่พี่ชายแฝดบอกกระมัง เลยไม่เข้าใจว่ามันผิดแผกจนทำให้ธงรามรู้ตัวได้ยังไง
“อาบน้ำแล้วนะโว้ย ถึงจะเป็นการอาบตอนเช้าก็เหอะ”
ผู้เป็นพี่ชายหัวเราะหึๆ พลางอัดบุหรี่เข้าไปเป็นหนสุดท้าย ก่อนที่จะดับมันกับเสาชิงช้า เขาไม่ได้ทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นแม้จะเป็นบริเวณในบ้าน พอดับแล้วธงรามก็เอาถือเอาไว้ในมือ เพื่อที่เข้าบ้านไปจะได้เอาไปทิ้งลงขยะ มันเป็นนิสัยรักสะอาดและรักธรรมชาติของธงราม ซึ่งน้องแฝดมองทีไรก็อดคันหัวใจไม่ได้ ว่าทำไมจะต้องละเอียดละเมียดขนาดนั้นด้วย
“เป็นอะไรหรือเปล่า ถึงได้มาเดินท่อมๆ ตอนดึกๆ แบบนี้ แล้ว...พี่เลิกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมกลับมาสูบอีก เครียดเรื่องงานหรือยังไง บอกแล้วว่าไม่ต้องไปดูหรอก นิยายของพี่ที่เอาไปทำหนังน่ะ หนก่อนก็เครียดทำใจไม่ได้ที่เขาเปลี่ยนดัดแปลง จนไปนอนทำใจ นอยด์ เขียนไม่ออกตั้งครึ่งปีไปโน่นยังไม่เข็ดหรือไง”
“คือ...”
ธงรามถอนใจอีกหน แล้วสั่นหน้า น้องแฝดดึงให้พี่ชายนั่งด้วยกันที่ชิงช้า ก่อนจะเอ่ยถามเสียงจริงจัง
“มีอะไรวะพี่ราม”
“บ้านเรากำลังจะล้มละลาย หรือเปล่าวะ”
คำถามนั้นทำให้ธงลักษณ์ขมวดคิ้ว ก่อนจะมองหน้าของพี่ชายฝาแฝดเขม็ง