บทย่อ
เขาคือมหันตภัยสุดหล่อ ? ที่เข้ามาในสวนส้มตะวันฉาย ทำให้ชีวิตของเธอไม่ปรกติสุขอีกต่อไป อย่าคิดนะว่าจะมาเกาะแกะแม่ของเธอได้ ยัยตัวร้ายหวานใจ ไม่มีทางยอม! รักอลวนเกินขึ้นจากความเข้าใจผิด เรื่องราววุ่นๆ ที่ผูกหัวใจของหนุ่มนักเขียนสุดติสต์ ที่ต้องมาหลบภัยหนีงานแต่งที่ถูกคลุมถุงชน มาในสวนส้มตะวันฉาย เข้ากับแม่สาวตัวร้าย...ที่แสบ แต่น่ารักอย่างเหลือใจ เขาอยากได้เธอมาเป็นหวานใจของเขา... แต่จะทำอย่างไรนะ เมื่ออุปสรรคครั้งนี้ นอกจากความแสบอย่างเหลือร้ายของเจ้าหล่อนแล้ว ยังพ่วงมาด้วยว่าที่พ่อตา จอมหวงลูกอย่างเพลิงเข้าไปอีกน่ะสิ
บทที่ 1
แดดยามสายไม่แรงนัก อากาศกำลังสบายในยามฤดูที่ใกล้กำลังจะผลัดเปลี่ยนจากฤดูหนาวไปสู่ฤดูร้อน ท้องฟ้าสีสันสดใสยามมองขึ้นไป วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เริ่มต้นด้วยงานประจำที่เธอทำเสมอในทุกวัน คือช่วยสามีตรวจตรารีสอร์ต จัดการดูแลบัญชีบิลขายส้มและผักปลอดสารพิษ ตอนสายๆ แบบนี้คือเวลาพักจากงานของตวงรัก ภารกิจของเธอเริ่มตั้งแต่ตีห้าของทุกวัน ไม่เคยเรียกร้องขอวันหยุดใดๆ จาก ‘นายจ้าง’ ยอมเป็นทุกหน้าที่ให้เขาอย่างเต็มใจ ไม่มีเงินเดือนที่เธอเรียก เพราะเขาบอกว่าทุกอย่างของเขาก็คือของเธอ
อมยิ้มน้อยๆ เมื่อคิดถึง ‘นายจ้าง’ คนที่ว่า ป่านนี้เขาคงจะกำลังลงพื้นที่เพื่อช่วยดูแลผลผลิตของเพื่อนชาวสวนส้มด้วยกัน เพลิงกำลังมีโปรเจกต์ช่วยเหลือเพื่อนชาวสวนส้มของเชียงใหม่ รวมผนึกกำลังกันเพื่อรายได้ที่มากขึ้น ไม่โดนตัดหน้าจากพ่อค้าคนกลาง ทำผลผลิตให้มีประสิทธิภาพ และพัฒนากล้าพันธุ์อยู่เสมอ ตอนนี้สายพันธุ์ของสวนส้มตะวันฉาย ได้รับผลการตอบรับเป็นอย่างดี และเริ่มเข้าไปสู่ตลาดมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เพลิงไปเรียนเพิ่มเติมในสาขาที่มาเอื้องานของตน เขามุ่งมั่นและจริงจังกับทุกสิ่งเสมอ
เธออยู่กับเขามายี่สิบกว่าปีแล้วสินะ ตอนนี้เขาเป็นหนุ่มใหญ่วัยดึก ทว่าเนื้อยังคงหอมฟุ้งเหมือนเดิม ยิ่งอายุมากเข้า สามีของเธอก็ยิ่งหล่อคมเข้ม น่าเกรงขามตามวัย ทว่าเธอแทบไม่ต้องห่วงเรื่องเขาจะนอกใจ จะเบื่อระอาในตัวเธอ มันออกจะมากเกินไปในบางหนด้วยซ้ำ และแน่ล่ะเขาขี้หึงเสียยิ่งกว่าเธอ ก็ไม่รู้จะมาหึงอะไรกับเธอจนป่านนี้ ตวงรักในวัยสี่สิบห้าปี ก็ไม่ใช่จะสาวๆ แล้ว มีลูกโตแล้วอีกต่างหาก แม่ลูกสาวตัวยุ่งเองก็เหมือนจะสืบทอดนิสัยมาจากบิดาบางอย่าง เรียกได้ว่าแทบจะพิมพ์เดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องหวงเธอนี่ เป็นเอามากกันทั้งพ่อ...ทั้งลูก
มือของตวงรักถือหนังสือนวนิยายมาด้วย เธอมีเป้าหมายการพักผ่อนจากงานในยามสายคือการอ่านนิยายเรื่องโปรด ของนักเขียนคนโปรด ‘สีสัน’ เธอติดงานของเขาหนึบเลยก็ว่าได้ สีสัน เป็นนามปากกาที่เธอติดตามมาต่อเนื่อง เขาเขียนนิยายแนวสืบสวน และแนวพาราโนมอล ตวงรักชื่นชอบถึงขนาดไปตามติดดูว่าตัวจริงของเขาเป็นใคร กดติดตามเขาในอินสตาแกรม เพื่อดูว่าเขาจะมาอัปเดตผลงานอะไรบ้าง เธอชอบที่เขามักจะถ่ายรูปสวยๆ มาลงเป็นประจำ และมีข้อความคำคม ความคิด ให้กำลังใจ เรียกได้ว่าเป็นแฟนตัวจริงเลยก็ว่าได้
เธอเคยเห็นหน้าตาของสีสันตัวจริง เพราะเขาก็ไม่ได้หวงว่าจะต้องเป็นความลับอะไร ไม่ได้คิดจะหลบซ่อนตัวตน ยังคิดว่าเธอพลาดจริงๆ ที่ดันไปเซฟเก็บรูปของเขาไว้ เพราะตอนนี้เพลิงกำลังงอนเธอ...ก็ไม่รู้จะงอนไปทำไม สีสัน...เด็กกว่าเธอตั้งเกือบสิบปีกระมัง เธอเห็นอาการงอนของสามีเป็นเรื่องตลก ปล่อยให้อาละวาดไปให้เต็มที่ สุดท้ายเดี๋ยวก็คงจะดีเองล่ะ
ตวงรักขึ้นนั่งบนเปลญวนที่ผูกไว้ใต้ต้นไม้ใบหนา ที่แดดส่องลอดลงมาไม่ถึง ลมพัดเอื่อย หอมกลิ่นดอกส้มอ่อนๆ โชยมา กลางวันเธอปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่ครัวประจำสวนส้มอย่างอั้ม...สาวประเภทสองที่ทำหน้าที่นี้มาถึงสิบปีเต็ม ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ โดยที่เธอไม่ไปรบกวน เพราะขืนเข้าไปอีกฝ่ายก็คงจะไล่เธอออกมาอยู่ดีนั่นแหละ
พลิกหน้าปกนิยายหน้าแรกอย่างตื่นเต้น เพราะนี่เป็นผลงานเรื่องใหม่ที่เธอรอมาเกือบครึ่งปี พักนี้ดูเหมือนว่าเจ้าของนามปากกาสีสัน จะมีเรื่องส่วนตัว ทำให้เขาเขียนนิยายไม่ออก นี่เป็นงานชิ้นแรกในรอบครึ่งปี มันจะต้องทำให้เธอมีความสุขเหมือนทุกหนแน่ๆ
ตวงรักเริ่มไล่สายตา อ่านบรรทัดแรกของบทนำ เธอเพลินเพลินกับเนื้อหาในนั้น เหมือนหลุดเข้าไปในโลก ในภวังค์ส่วนตัว
ยามสายในวันนี้คือเวลาพักผ่อนแสนสุขอย่างแท้จริง...
.............................................................................................................................................................................
“แม่จ๋า...แม่!”
เสียงหวานดังขึ้นลั่น พร้อมกับร่างเพรียวสูงของคนเรียก กำลังวิ่งเข้าวิ่งออกบ้านไม้สักขนาดใหญ่ของครอบครัว ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะหงุดหงิด เมื่อไม่พบตัวคนที่กำลังเรียกอยู่ ชายหนุ่มซึ่งเดินตามมาวางสัมภาระลง แล้วกอดอก มองดูญาติผู้พี่ที่กำลังหน้าบึ้งหน้างอ
“แม่หนีพี่เที่ยวหรือเปล่านะ บอกว่าจะกลับวันนี้อะ ทำไมไม่อยู่รอ ทำไมไม่ทำแกงฮังเลของโปรดพี่รอ”
“ประท้วงเลยไหมล่ะ พี่หวาน”
เขากลั้นยิ้ม ถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นนัยน์ตาคมส่งประกายขี้เล่น หวานใจมองตวัดใบหน้าของญาติผู้น้องก่อนจะทำแก้มป่องใส่เขา เป็นกิริยาที่เจ้าตัวชอบทำเสมอ เวลาไม่พอใจ ทำโดยไม่รู้ตัวเสียด้วย
“งอนแล้ว...นี่พ่อฟ้องว่าแม่อะ ทำตัวเป็นพวกโอตาคุ ตามนักเขียนเด็กหนุ่มเป็นเงาเลย ขนาดกดติดตามในอินสตาแกรม กดไลค์ คอมเมนต์ในเฟซ ในเพจด้วยนะ พ่องอนอยู่ตั้งสามวันล่ะ แต่แม่ก็ไม่สนใจจะง้อสักนิด”
ฟังๆ แล้วหนนี้ นาวินถึงกับหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้น เล่นเอาพี่สาวทำแก้มป่องมากกว่าเดิม แล้วทำตาโตใส่เขา
“นาวิน! หัวเราะอะไรขนาดนั้นอะ นี่พี่ซีเรียสนะ ดูหน้าด้วย ซีเรียสมาก ที่จู่ๆ แม่กลายเป็นโอตะอะไรแบบนี้”
“หึๆ พี่หวาน หึๆ ผมขำ โอตาคุเลยเหรอ ไม่มั้งพี่ ป้าตวงก็แค่ชอบผลงานของเขาเท่านั้นเอง ป้าตวงชอบอ่านหนังสือ มันก็แค่นั้น พวกโอตาคุ เขาเอาไว้เรียกพวกที่คลั่งการ์ตูน ตัวการ์ตูนอนิเมะอะไรนั่นไม่ใช่หรือครับ แล้วดูลุงเพลิงไปเรียกป้าตวงแบบนั้น หมดกัน”
“แหม...แค่ชอบผลงานทำไมจะต้องไปตามกดหัวใจ กดนั่นกดนี่ แถมแอบเซฟรูปกันไว้ด้วยล่ะ”
พูดไปก็ทำหน้าเง้าหน้างอไปด้วย นาวินสั่นหน้า ยังคงหัวเราะหึๆ เพราะขำความหวงเกินพิกัดของสองพ่อลูกนี่
“พี่หวาน...กับลุงเพลิงก็คิดมาก ก็แค่ทางโซเชียลน่า แล้ว...ป้าตวงก็คงจะชอบเฉยๆ ไม่ได้จริงจังอะไรหรอกครับ เค้าเป็นนักเขียน ออกแค่งานหนังสือไม่ใช่เหรอครับ ไม่ได้เป็นดารา มีงานอีเว้นท์มีอะไร ที่ป้าตวงจะต้องไปตามกรี๊ด อดหลับอดนอนตามกดบัตรแจกลายเซ็น แล้วก็คงไม่ทำบัตรจับมือแน่ๆ ล่ะ หึๆ ไม่เห็นต้องน่าห่วงเลย”
“อืม...”
ฟังนาวินพูดแล้วก็ชักจะเริ่มคิดตาม แต่ฟังจากที่บิดาตีโพยตีพายแล้ว ดูเหมือนจะมีอะไรมากกว่านั้น หวานใจถือโอกาสที่มาเยี่ยมบ้านปิดเทอมหนนี้ เป็นโอกาสที่จะมาเคลียร์ให้พวกท่านเลิกงอนกัน แล้วถ้ามารดาจะทำอะไรแบบนั้นจริงๆ เธอก็คงจะต้องมาช่วยบิดาตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม
“พี่ว่า...”
“น้องหวาน”
เสียงเรียกชื่อเธอดังขึ้น พร้อมกับร่างอวบๆ ของอั้ม ที่วิ่งตุบตับมาจากทางสวนส้ม ทางนั้นยังคงเรียกชื่อเธอซ้ำๆ อย่างดีใจ พร้อมกับอ้าแขนทำท่าจะมากอดเธอ
“พี่อั้ม”