ตอนที่ 4 เริ่มรุกทีละนิด
“เฟิร์นโทรศัพท์แกดัง จะไม่รับหรอ” ลิลลี่ที่ได้ยินเสียงเรียกเข้าจากกระเป๋าเพื่อนดัง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเจ้าของจะรับสาย
“ไม่อ่ะ ไม่มีอะไรจะคุย ถ้าแกรำคาญ แกรับให้ฉันหน่อยละกัน” พิศลดาหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายส่งให้ลิลลี่ เมื่อเห็นรายชื่อที่เด่นหราบนหน้าจอลิลลี่ก็ต้องตาโต มองหน้าพิศลดาสลับกับมือถือในมือ
“คุณมาร์ตินโทรหาแกทำไมอ่ะ ถ้าแกไม่รับฉันรับเลยนะอยากรู้” ลิลลี่รีบรับสายทันทีเพราะกลัวว่ามาร์ตินจะวางไปซะก่อน แล้วเธอจะไม่ได้รู้ว่าเขาโทรหาเพื่อนเธอทำไม แต่ลิลลี่ยังไม่ทันพูดอะไรมาร์ตินก็พูดขึ้นมาซะก่อน
“ทำไมหนูรับสายพี่ช้า” เสียงห้วนดังมาตามสายอย่างไม่พอใจ แต่ที่ทำให้ลิลลี่ทึ่งก็คือคำว่าหนูที่มาร์ตินใช้เรียกพิศลดา ทำไมเขาถึงเรียกเพื่อนเธออย่างสนิทสนมขนาดนั้น
“เอ่อ นี่ลิลลี่เองค่ะ ไม่ใช่ใบเฟิร์น” ลิลลี่ตอบกลับไปเสียงแผ่ว สลับกับมองหน้าพิศลดาที่ไม่สนใจอะไรนอกจากกินขนม
“อ้าว แล้วใบเฟิร์นไปไหน ทำไมไม่รับโทรศัพท์เอง ไลน์ไปก็ไม่ตอบ แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน” กระแสเสียงที่ห้วนหนักกว่าเดิมเริ่มดังขึ้นเมื่อคนที่รับโทรศัพท์ไม่ใช่คนที่เขาต้องการจะคุยด้วย
“เฟิร์นทานขนมอยู่ค่ะคุณมาร์ติน แล้วตอนนี้เราก็อยู่ที่มหาลัยแล้ว ที่ไม่รับโทรศัพท์หรือตอบไลน์อันนี้ลิลลี่ไม่ทราบค่ะ แล้วเอ่อ คุณมารฺ์ตินมีธุระอะไรรึป่าวคะ เดี๋ยวลิลลี่บอกยัยเฟิร์นให้” ลิลลี่ตอบไปตามความจริง ก็เธอไม่รู้ว่าทำไมเพื่อนเธอถึงไม่อยากจะรับสายเขา แต่ถ้าจะให้เดาคงไม่อยากจะคุยด้วย เรื่องแค่นี้ทำไมคุณมาร์ตินคิดเองไม่ได้นะ ลิลลี่ได้แต่ค่อนขอดในใจไม่กล้าเอ่ยออกมา
“ผมขอคุยกับเขาหน่อย”เขาอยากคุยกับหนูน้อยของเขาเองไม่ได้อยากคุยผ่านใคร
“สักครู่ค่ะ”
“เฟิร์นคุณมาร์ตินเขาจะคุยด้วยแกคุยๆ กับเขาหน่อยไปไม่งั้นเขาไม่ยอมแน่” ลิลลี่ยัดโทรศัพท์ใส่มือให้พิศลดา
พิศลดากรอกตาแล้วก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดสายกับเขา “ค่ะพี่มาร์ติน มีอะไรรึเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรโทรหาไม่ได้รึไง กว่าจะรับได้นะ บอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าโทรไปหรือไลน์ไปให้ตอบด้วย”
“ก็หนูไม่ว่างหนิแล้วตกลงพี่มาร์ตินมีอะไรกันแน่” พิศลดาเหลือบมองลิลลี่ที่นั่งท้าวคางมองเธอคุยโทรศัพท์อย่างจริงจังตางี้แทบไม่กระพริบเลยดีนะที่ตอนนี้ชมพูไปเข้าห้องน้ำไม่อย่างนั้นจะต้องมีอีกหนึ่งคนที่นั่งกดดันเธอแน่ๆ
“ไม่มีอะไร คิดถึง วันนี้เลิกเรียนกี่โมงพี่จะไปรับ”
“ไม่ต้องมารับค่ะ หนูกลับเองได้ ไม่รบกวนพี่มาร์ตินหรอก” พิศลดารีบตอบปฏิเสธไปอย่างรวดเร็ว ยังจำวันที่เขาขโมยหอมแก้มเธอได้ดีเลยไม่อยากจะเจอเขาแบบสองต่อสองอีก แค่คิดใบหน้าก็ร้อนผ่าวแล้ว ทำไมชีวิตเธอต้องมายุ่งวุ่นวายอยู่กับเขาด้วยก็ไม่รู้
“ห้ามปฏิเสธ บอกมาซะดีๆ ว่าเลิกกี่โมง แล้วก็ห้ามบอกเวลาผิดๆ เพื่อหลอกพี่ด้วย ไม่อย่างนั้นพี่จะบุกไปที่คอนโดลงโทษเด็กจอมโกหก หนูก็รู้ว่าพี่ไม่ได้แค่ขู่เล่นๆ” มาร์ตินเอ่ยอย่างรู้ทัน
“ขู่จริง เลิกสี่โมงค่ะ” พิศลดาตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้
“แล้วเจอกัน ถึงแล้วพี่จะโทรหา แล้วห้ามชิ่งหนีพี่ไปก่อนนะสาวน้อย พี่ขอตัวก่อนนะครับ อีกสิบนาทีพี่มีประชุม คิดถึงหนูมากนะ” มาร์ตินวางสายไปแล้วพิศลดาก็เก็บมือถือ พยายามครุ่นคิดหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้เจอหน้าเขา
“เล่ามาซะดีๆ ทำไมคุณมาร์ตินถึงโทรหาแก แถมยังเรียกแกว่าหนูอีก” ลิลลี่จ้องหน้าเพื่อนรักเขม็ง ถึงแม้ว่าพวกเธอสามคนเพิ่งจะเป็นเพื่อนกันได้ไม่นานแต่พวกเธอก็รัก และสนิทสนมกันได้เร็วมาก มีอะไรก็จะเล่าสู่กันฟังเสมอ
“นี่ฉันพลาดอะไรไปรึเปล่า” ชมพู่ที่เพึ่งเดินเข้ามาถาขึ้นหลังจากที่ได้ยินที่ลิลลี่พูด
“เล่าก็เล่า” พิศลดายักไหล่ และเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนทั้งสองคนได้ฟัง แต่ไม่ได้เล่าถึงเรื่องที่มาร์ตินหอมแก้มเธอ เมื่อทั้งสองสาวได้ฟังก็ตาโตแล้วช่วยกันคิดวิเคราะห์ไปต่างๆ นานา
“ฉันว่าคุณมาร์ตินต้องเป็นโคแก่ที่อยากเคี้ยวหญ้าอ่อนแน่ๆ” ลิลลี่พูดขึ้น
“แต่ว่าคุณมาร์ตินเขายังไม่แก่นะ ยังหนุ่มยังแน่น แถมยังหล่อมากอีกต่างหาก ห่างไกลจากคำว่าแก่เยอะเลย”
“ฉันแค่เปรียบเปรยชมพู่ แล้วแกคิดว่ายังไงเฟิร์นดูท่าแล้วเขาต้องไม่ปล่อยมือจากแกง่ายๆ แน่” ลิลลี่ถามพิศลดาที่นั่งเงียบมานานหลังจากปล่อยให้เธอกับชมพู่พูดกันอยู่แค่สองคน
“ไม่รู้” ก็เธอไม่รู้จริงๆ นี่นา
“ฉันว่าแกรู้แต่แกไม่พูด ถ้าให้ฉันเดาเขาต้องชอบแกแน่ๆ ฟังจากที่แกเล่ามันก็ชัดแล้วละทีนี้ก็รอดูกันต่อไป”
“ฉันเห็นด้วยกับลิลลี่แกก็ตั้งรับไว้ให้ดีละกัน”
“เฮ้อ...” พิศลดาถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจ
“คุณมาร์ตินจะไปไหนครับ เรายังประชุมไม่เสร็จเลยนะครับ” สุธีร์เลขาหนุ่มสาวเท้ายาวๆ เดินตามหลังเจ้านายเมื่อมาร์ตินสั่งให้พักการประชุมแล้วตัวเจ้านายเขาก็ทำท่าจะออกไปข้างนอกอีก
“เดี๋ยวฉันมา นายกับลีโอคอยอยู่ดูแลให้ก่อนละกัน แล้วเดี๋ยวฉันจะกลับมา” มาร์ตินตบไหล่สุธีร์แล้วรีบลงลิฟต์ไปทันที
หลังจากเลิกเรียนพิศลดาก็รีบเก็บของเข้ากระเป๋าแล้วรีบลงจากตึกเรียน รีบถึงขนาดไม่รอลิลลี่กับชมพู่ สายตากลมโตกวาดมองรอบตัวเมื่อไม่เห็นมาร์ตินพิศลดาก็ระบายลมหายใจออกมา แต่ก็ไม่ได้วางใจซะทีเดียว ขาเล็กๆ รีบก้าวยาวไปตามฟุตบาทเพื่อออกไปขึ้นรถที่หน้ามหาวิทยาลัย
Mclaren สีแดงคันหรูของมาร์ตินวิ่งเข้ามาในมหาวิทยาลัย มือหนาก็คอยกดโทรศัพท์หาพิศลดา เพราะนี่ก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว ได้เวลาที่หนูตัวน้อยของเขาเลิกเรียนแล้ว สายตาคมคอยกวาดมองไปข้างทางที่รถวิ่งผ่าน ก็สะดุดเข้ากับร่างบางที่คุ้นตา ในชุดนักศึกษากำลังจะเดินออกไปนอกมหาวิทยาลัย มาร์ตินจึงรีบจอดรถที่ข้างทางเปิดกระจกเรียกเด็กดื้อของเขา
“น้องเฟิร์น” พิศลดาชะงักแล้วหันกลับไปมองตามเสียงเรียกแล้วก็เห็นว่าเป็นมาร์ติน
“พี่มาร์ติน” พิศลดาพึมพำด้วยความตกใจ
“ขึ้นรถค่ะ” มาร์ตินพูดเสียงเรียบกวาดตามองคนตัวเล็กตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่พอใจที่หนูน้อยของเขาใส่กระโปรงสั้นอีกแล้ว เห็นทีว่าจะต้องพาไปซื้อใหม่ซะแล้ว
“ไปไหนคะ” พิศลดาไม่ยอมขึ้นไปง่ายๆ เพราะไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหน
“ไปบริษัทพี่ หนูขึ้นมาก่อนเถอะ ตอนนี้คนมองเราใหญ่แล้วนะ” มาร์ตินบอกคนตัวเล็กใช้ข้ออ้างเพื่อให้หนูน้อยของเขารีบๆ ขึ้นรถ พิศลดาหันไปมองรอบๆ กายก็เห็นว่ามีคนมองจริงๆ จึงจำต้องเปิดประตูรถก้าวขึ้นไปนั่งเคียงคู่มาร์ติน ไม่เช่นนั้นเธอและเขาก็จะตกเป็นเป้าสายตาอยู่อย่างนี้
“ไปบริษัทพี่มาร์ตินทำไมคะ” เมื่อขึ้นมานั่งบนรถคันหรูของมาร์ตินอย่างไม่มีทางเลือก พิศลดาก็หันหน้าไปถามพลขับอย่างสงสัย
“พี่ยังประชุมไม่เสร็จเลยออกมารับหนูก่อน แล้วเดี๋ยวต้องกลับไปประชุมต่อ” มาร์ตินตอบคำถามคนช่างสงสัย
“ยังประชุมไม่เสร็จแล้วจะออกมารับทำไมคะ เสียเวลางานหมด” พิศลดามองค้อนกึ่งหมั่นไส้
“ไม่เสียเวลาหรอกน่าคนสวย” มาร์ตินโยกศีรษะเล็กขณะที่ติดไฟแดง รั้งคนสวยของเขาเข้าไปไว้ในอ้อมกอด พิศลดาดิ้นขลุกขลักไปมาเพื่อให้หลุดออกจากพันธนาการที่แน่นหนา
“ปล่อยนะ” พิศลดาทั้งทุบทั้งหยิกแต่คนหน้ามึนก็ไม่สะทกสะท้านแถมยังยิ้มหน้าตายอีกต่างหาก
“ขอหอมหน่อยนะน้องเฟิร์น” พูดจบจมูกโด่งก็กดลงบนแก้มนุ่มสูดดมความหอมเข้าปอดฟอดใหญ่อย่างชื่นใจ
“หอมจัง”
มาร์ตินจุ๊บที่แก้มนวลหลายทีติด พิศลดาเบี่ยงหน้าหลบเป็นพัลวันแต่ก็หนีไม่พ้นจนตอนนี้ใบหน้าสวยซุกอยู่ที่อกกว้าง จอมฉวยโอกาสอมยิ้ม กดจมูกลงบนผมหอมของหนูน้อยที่ซุกอกเขาแน่นอย่างเอ็นดู
“หึๆ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบา ๆ เมื่อเห็นคนสวยของเขาเงยหน้างอง้ำขึ้นมามองเขาตาเขียวปั๊ด แต่เขามองยังไงมันก็ดูน่ารักมากกว่าน่ากลัวเสียอีก
“ไม่ต้องหัวเราะเลยคนบ้า กล้าดียังไงมาหอมแก้มเขาอีกแล้ว” พิศลดาหยิกหมับเข้าที่หน้าท้องแกร่งเต็มแรง
“โอ๊ย! พี่เจ็บนะน้องเฟิร์น” มาร์ตินทำหน้าเย่ลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ
“สมน้ำหน้า” พิศลดาแลบลิ้นใส่มาร์ติน ก่อนจะสะบัดหน้าออกไปมองด้านนอกรถแทนการมองหน้าเขา
“น้องเฟิร์น น้องเฟิร์น” มาร์ตินสะกิดแขนเรียวสวยเพื่อที่จะให้เธอหันมาคุยกับเขา และก็ได้ผลเมื่อพิศลดาเริ่มรำคาญ
“มีอะไรคะ” พิศลดาหันกลับมามองมาร์ตินที่สะกิดแขนเธอยิกๆ
ฟอด
มาร์ตินที่ยื่นหน้าเข้ามารออยู่ก่อนแล้วหอมเข้าที่แก้มบางเต็มๆ อย่างตั้งใจ
“พี่มาร์ติน! อีกแล้วนะคะ” พิศลดาตวาดแว๊ดเสียงดังลั่นรถ พร้อมยื่นมือไปบีบคอมาร์ตินอย่างโมโห
“น้องเฟิร์นจ๋า โอย ปล่อยพี่ก่อนค่ะพี่ขับรถอยู่นะคนดีเดี๋ยวรถคว่ำ” มาร์ตินพยายามแกะมือบางที่บีบคอเขาอยู่ออก
“ฮึ่ย!” พิศลดายอมปล่อยมือออกเพราะกลัวจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ
เมื่อแม่หนูน้อยของเขาปล่อยมือ มาร์ตินก็ลูบฝ่ามือไปตามลำคอแกร่งของตัวเอง ไม่คิดว่าพิศลดาจะดุอย่างนี้ถ้าเกิดเขาทำอะไรให้ไม่ถูกใจบ่อยๆ ได้ถูกแม่เสือขย้ำตายแน่ เกิดมาจนกระทั่งตอนนี้ยังไม่เคยมีใครทำกับเขาแบบนี้มาก่อน มีแต่แม่เสือสาวคนสวยคนนี้แหละที่กล้าและเขาก็ยอมเสียด้วยสิ
มาร์ตินมาถึงบริษัทแล้วก็เดินนำแม่หนูน้อยของเขาเข้าไปด้านใน สายตาของเหล่าพนักงานต่างเพ่งมองมายังพิศลดาเป็นตาเดียว สร้างความอึดอัดให้กับคนตัวเล็กเป็นอย่างมาก จนมาร์ตินหันกลับมามองคนตัวเล็กที่เดินก้มหน้างุดๆ ไม่ทันได้มองว่าเขาหยุดเดินแล้วทำให้หน้าผากเล็กชนเข้าที่อกกว้างเต็มๆ
“อุ๊ย!” พิศลดาลูบที่หน้าผากตัวเองป้อยๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองมาร์ตินที่ยืนโอบเอวเธออยู่
“เจ็บมากไหมคะ” มาร์ตินลูบหน้าผากเล็กอย่างเป็นห่วง ไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นของเหล่าพนักงานที่คอยเมียงมองดูอยู่
“ไม่เจ็บค่ะ” พิศลดาส่ายหน้า
“งั้นเราขึ้นไปบนห้องทำงานพี่กันดีกว่า ไม่ต้องสนใจใคร สนใจแค่พี่คนเดียวก็พอคนอื่นไม่สำคัญสำหรับหนูหรอก”
มาร์ตินโอบเอวบางเข้าไปในลิฟต์ การกระทำที่มาร์ตินแสดงออกต่อพิศลดาสร้างความงุนงงให้ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยเห็นเจ้านายหนุ่มในมุมแบบนี้มาก่อน
“หนูนั่งรอพี่ในนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ขอตัวไปประชุมต่อก่อน เสร็จแล้วจะรีบออกมาหา” มาร์ตินเปิดประตูห้องทำงานพาคนตัวเล็กมานั่งที่โซฟารับแขกตัวหรู
“ให้หนูกลับเลยก็ได้นะคะ อยู่นี่ก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างเดี๋ยวโดนพนักงานพี่มาร์ตินนินทาแย่ ยิ่งหนูเป็นนักศึกษาด้วย”
“ไม่ได้ ห้ามกลับก่อนเด็ดขาด ถ้าใครกล้านินทาพี่จะไล่ออกให้หมด พี่บอกแล้วไงอย่าไปสนใจคนอื่น” มาร์ตินพูดจริงจัง ลองถ้าใครกล้ามานินทาหนูน้องของเขาสิจะไล่ออกให้หมดไม่ว่าหัวหงอกหัวดำ
“ห้ามกลับก่อนนะน้องเฟิร์นถ้าไม่อยากให้พี่ใจร้ายก็ทำตามที่พี่พูด เข้าใจไหมครับ”
“ก็ได้ค่ะ พี่มาร์ตินรีบไปประชุมต่อเถอะ ปล่อยให้คนอื่นรอมันไม่ดี”
“ครับ เดี๋ยวมานะ แต่ก่อนไปขอชื่นใจที” มาร์ตินหอมแก้มบางตอนเผลอก่อนจะเดินยิ้มออกไปอย่างอารมณ์ดี
พิศลดาจับแก้มข้างที่ถูกหอมอย่างขุ่นเคือง วันนี้เธอโดนหอมแก้มไปแล้วไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
นั่งว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำพิศลดาก็ลุกขึ้นมาเดินสำรวจห้องทำงานหรู เธอเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ ที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่มองเห็นตึกสูงต่างๆ รวมถึงรถที่วิ่งสัญจรไปมาอยู่ข้างล่าง คนตัวเล็กเดินไปหยิบโทรศัพท์มาแล้วถ่ายเซลฟี่ตัวเองอยู่หลายรูปเก็บไว้ในแกลลอรี่
หญิงสาวย้ายมานั่งเล่นที่โต๊ะทำงานชายหนุ่ม เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อที่จะเล่นเฟซบุ๊กแต่ปรากฎว่าเจ้าของเครื่องไม่ได้ล็อคเอาท์ของเขาออก มือบางเลื่อนเมาส์จะออกของมาร์ติน แต่ก็รู้สึกว่าชื่อที่เห็นมันคุ้นเธอเลยถือโอกาสเข้าไปสำรวจด้วยความอยากรู้ แล้วก็เปิดของตัวเองในโทรศัพท์เพื่อดูรายชื่อของคนที่มากดไลก์ของเธอ ปรากฏว่ามีชื่อเบียร์ที่มาร์ตินใช้อยู่ตามกดไลก์ของเธอทุกเรื่องราว แล้วรูปโปร์ไฟล์ที่เขาใช้ก็ป็นเบียร์เหมือนกับชื่อ
“ร้ายนักนะพี่มาร์ติน ไม่ยอมใช้ชื่อและรูปของตัวเอง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วขอสำรวจคอมพิวเตอร์หน่อยนะ อยากรู้ว่าซุกซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง” มือบางกดปิดเฟสบุ๊ก และเริ่มเปิดโฟลเดอร์ต่างๆ จนมาเจอกับอัลบั้มรูป พิศลดาเลยเปิดเข้าไปดูแล้วก็เห็นรูปเธอเต็มไปหมดตากลมโตเบิกกว้าง
“โห นี่ตามเซฟรูปเราทุกรูปเลยเหรอเนี่ย”
และระหว่างที่กำลังนั่งเพลินๆ ประตูห้องทำงานบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกด้วยมือของเจ้าของห้อง
“อะแฮ่ม ทำอะไรคนสวย” มาร์ตินเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่หลังโต๊ะทำงาน มองดูสาวน้อยของเขาที่กำลังนั่งดูรูปตัวเอง สงสัยเขาจะโดนหนูน้อยจับได้เสียแล้วว่าเขาตามส่องอยู่
“พี่มาร์ตินเซฟรูปหนูไว้ทำไมคะ” พิศลดาไม่ตอบคำถามแต่เป็นฝ่ายย้อนถามเสียเอง
“ก็เอาไว้ดูเวลาไม่เห็นหน้าหนูไง” มาร์ตินหย่อนสะโพกสอบลงบนที่พักแขนทำให้ร่างแนบชิดกับคนตัวเล็ก
พิศลดามองค้อน และแกะมือหนาที่เอามาวางพาดไว้บนไหล่เธอ “แอบส่องหนูมานานรึยังคะเนี่ย”
“ก็ตั้งแต่เจอกันวันแรกๆ เลย” มาร์ตินบอกยิ้มๆ
“แต่โดนจับได้แล้วก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องแอบตามส่องแต่ขอส่องแบบตรงๆ เลยละกัน”
“บ้า” พิศลดาผลักมาร์ตินให้ออกห่าง แล้วกระโดดหลบอ้อมแขนแกร่งที่จะมาคว้าเธอเข้าไปในอ้อมแขนเขา
“เลิกหนีพี่แล้วไป ทานข้าวกันดีกว่าคนสวย” มาร์ตินเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายใบโตของพิศลดามาสะพายไว้ที่ไหล่ของตัวเอง ก่อนจะเดินไปโอบเอวบางให้ออกเดินไปพร้อมกัน
“พี่มาร์ตินเอากระเป๋ามาให้หนูดีกว่า แล้วก็เลิกโอบเอวได้แล้วหนูเดินเองได้ไม่หลงหรอกน่า” พิศลดาพยายามจะแกะมือหนาที่เกาะหนึบอยู่ที่เอวบางของตัวเองออก แต่มือปลาหมึกก็ไม่ยอมปล่อย
“พี่สะพายให้เองน่า และพี่โอบไว้แบบนี้ก็ดีแล้วไม่งอแงนะคนสวย” มาร์ตินเดินยิ้มแย้มไม่มีท่าทางเคอะเขินที่จะต้องสะพายกระเป๋าให้กับคนตัวเล็กเพราะเขาเต็มใจที่จะทำให้เธอ
หลังจากที่พากันไปทานอาหารมา มาร์ตินก็มาส่งพิศลดาที่คอนโด และยืนกรานว่าจะขึ้นไปส่งถึงหน้าห้องห้องของสาวน้อยท่าเดียว แต่สาวน้อยผู้หวาดระแวงโคแก่ไม่ยินยอมเช่นกัน โดยให้เหตุผลว่าดึกแล้ว ไม่เหมาะสมที่ชายหนุ่มจะขึ้นไป เจ้าพ่อเบียร์เลยต้องจำยอมทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่วายฉวยโอกาสเอากำไรจากแก้มหอมนุ่มจนได้กินขนมตุ๊บตั๊บไปตามระเบียบ แต่ก็ถือว่าคุ้มแสนคุ้มที่ได้ดอมดมแก้มหนูน้อยของเขา