บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 โคแก่

“ขอโทษนะคะคุณน้อง ไม่ทราบว่าพอมีเวลาจะคุยกับพี่สักครู่ไหมคะ”

“หนูเหรอคะ” พิศลดาชี้มาที่ตัวเอง แล้วมองสำรวจชายหนุ่มที่ท่าทางตุ้งติ้ง ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเธออย่างงงๆ

“ใช่จ้ะ พี่พิชชี่อยากคุยกับหนูไม่ต้องกลัวว่าพี่จะหลอกหนูหรอกนะคะ” พิชชี่ยิ้มหวานให้สาวสวยตรงหน้าที่เขาถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น

“ก็ได้ค่ะ” พิศลดาเห็นท่าทางของคนที่แทนตัวเองว่าพิชชี่ดูจริงใจเลยตัดสินใจที่จะคุยด้วย

“งั้นเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่าว่าแต่หนูมาคนเดียวรึเปล่าจ๊ะ”

“ค่ะ หนูมาคนเดียว” พิชชี่พยักหน้าแล้วจูงมือบางไปยังร้านกาแฟเพื่อจะได้นั่งคุยกันได้ยาวๆ

“พี่ชื่อพิชชี่อย่างที่บอกหนูไปว่าแต่หนูชื่ออะไรเอ่ยและอายุเท่าไหร่จ๊ะ” พิชชี่วางแก้วกาแฟลงหลังจากหยิบขึ้นมาดื่ม ขณะที่สายตาก็มองสำรวจร่างบางตรงหน้าอย่างชื่นชมในความสวย และท่าทางที่ระวังตัวอยู่ตลอดเวลาไม่ยอมเชื่อใครง่ายๆ คนแบบนี้ถูกใจพิชชี่เป็นที่สุด เพราะมันบ่งบอกถึงความฉลาดรู้เท่าทันคน

“ชื่อพิศลดาค่ะหรือจะเรียกว่าใบเฟิร์นก็ได้ค่ะแล้วหนูอายุ 18 ค่ะ” พิศลดาแนะนำตัวเองอย่างสั้นๆ

“จ้ะ งั้นพี่เข้าเรื่องเลยนะ” พิศลดาพยักหน้า พิชชี่จึงเริ่มพูดต่อ

“คือว่าพี่เป็นนักปั้นหรือเรียกง่ายๆ ว่าแมวมอง คอยมองหาคนหนุ่มสาวหน้าตาดีๆ เข้าสู่วงการบันเทิงน่ะจ้ะ แล้วพี่ก็เห็นว่าน้องใบเฟิร์นหน้าตาสะสวย รูปร่างก็ดีน่าจะอยู่ในวงการได้ไม่ยาก ว่าแต่หนูสนใจจะเข้าวงการหรือเปล่าคะ” พิศลดาไม่เคยมีความคิดที่จะเข้าวงการบันเทิงอยู่ในหัวเลย เธอไม่ชอบให้ใครคอยมาจับตามอง เธอเป็นเธอแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว

“ไม่สนใจค่ะ” พิศลดาตอบปฏิเสธไปโดยไม่เสียดายโอกาสดีๆ ที่ถูกหยิบยื่นให้

“จะไม่ลองคิดดูอีกสักนิดเหรอจ๊ะ พี่ว่าหนูลองกลับไปตัดสินใจก่อนดีกว่า” พิชชี่ยื่นนามบัตรของตนเองให้กับสาวน้อยตรงหน้า พิศลดารับนามบัตรมาดูก่อนจะเก็บเอาไว้

“แล้วคนมาทาบทามแกชื่ออะไร” หลังจากที่พิศลดาเล่าเรื่องที่เธอถูกแมวมองมาทาบทามให้เข้าวงการกับเพื่อนรักทั้งสองคนได้ฟัง ทั้งชมพู่และลิลลี่ต่างตื่นเต้นดีใจกันยกใหญ่

“แล้วเขาไม่ได้มาหลอกแกแน่นะฉันว่าเปิดกูเกิ้ล พิมพ์ชื่อเขาไปรูปจะได้ขึ้นจะได้ยืนยันได้ว่าไม่หลอกลวง เพราะมันจะต้องมีประวัติผลงานอะไรต่างนานาขึ้น” ชมพู่เอ่ยอย่างรอบคอบวิธีนี้เธอใช้บ่อยเวลาอยากรู้เกี่ยวกับอะไรเธอมักจะพึ่งกูเกิ้ลและกระทู้ต่างๆ ที่คนมาแชร์เรื่องโน้นเรื่องนี้กัน

“เอาล่ะๆ เขาชื่อพิชชี่ หรือว่า พิชัย พวกแกคุ้นหูไหม”

“คุ้นนะแต่เพื่อความชัวร์ขออากู๋แป๊บ” ชมพู่รีบพิมพ์ชื่อลงไปในกูเกิ้ลอย่างว่องไว

“ฉันก็เคยได้ยินนะเห็นว่าปั้นดาราดังๆ มาหลายคนแล้ว และได้ยินมาว่าคนที่ชื่อพิชชี่ปั้นอยู่ตอนนี้ก็เรียนที่เดียวกับเราด้วย แต่น่าจะเป็นรุ่นพี่ไม่ใช่รุ่นเดียวกับเราหรอก” พิศลดาพยักหน้า

“ฉันเจอแล้วเฟิร์น ลิลลี่ คนนี้รึเปล่าที่เข้ามาคุยกับแก” ชมพู่ยื่นรูปของพิชชี่ให้ใบเฟิร์นดู

“ใช่ คนนี้แหละที่เข้ามาคุยกับฉัน” นี่ก็แสดงว่าเขาไม่ใช่คนหลอกลวงจริงๆ

“แล้วข้อมูลก็บอกว่าคนที่ชื่อสิตาที่พี่เขาปั้นอยู่ตอนนี้ก็เรียนที่นี่ด้วย” ชมพู่บอกข้อมูลที่ได้อ่านมา

“ช่างเถอะถึงยังไงฉันก็ไม่ได้จะเข้าวงการตามคำชักชวนอยู่แล้ว” พิศลดายังคงยืนยันคำเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“ไม่อยากเข้าเองจริงๆ หรือว่ากลัวป๋ารูปหล่อของแกมาแหกอกเอากันแน่ยะ” ลิลลี่พูดอย่างขำๆ มองใบหน้าพิศลดาที่กำลังแปรเปลี่ยนไปเป็นสีแดง

“บ้า ฉันไม่มีป๋าอะไรทั้งนั้นแหละแกอย่ามาพูดงี้นะฉันเสียหายนะจะบอกให้” พิศลดาแหวเบาๆ

“ว่าแต่ป๋าแกเอ๊ย! พี่มาร์ตินของแกรู้รึเปล่าว่าหนูน้อยของเขาโดนทาบทามให้เข้าวงการนะ” ชมพู่นั่งเท้าคางมองหน้างอๆของเพื่อนอย่างขำๆ

“ฉันไม่ได้บอก แล้วอีกอย่างนะชมพู่ฉันไม่ได้เป็นของเขาและเขาก็ไม่ได้เป็นของฉัน” พิศลดามองค้อนเพื่อนที่ชอบพูดแหย่เรื่องมาร์ติน

วันนี้มาร์ตินไม่ได้มารับพิศลดาเพราะ เขามีนัดไปสังสรรค์กับเพื่อนที่คลับของเขา แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะโทรรายงานตัวกับหนูน้อยของเขา แม้จะโดนคนตัวเล็กค่อนขอด และบอกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องบอกเธอก็ตาม แค่เขาได้ยินเสียงใสๆ ก็ทำให้เขามีความสุขได้แล้ว แต่ถ้าได้เห็นหน้ามันจะดีมากกว่านี้เป็นสิบเท่า

“เฮ้ย! นั่งยิ้มอะไรคนเดียววะเห็นนั่งท่านี้มาตั้งนานแล้ว” ชาร์ตันหนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ถามขึ้นเพราะไม่เห็นว่ามาร์ตินจะคุยกับเพื่อนสักเท่าไหร่

“นั่นสิวะมีอะไรดีๆ ไม่ยอมบอกกันมั่งเลยนะอุบเงียบเว้ยไอนี่” คาร์ลอสชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-สเปน เพื่อนสนิทอีกคนของมาร์ติน หรี่ตาลงแคบสังเกตท่าทางอารมณ์ดีที่มีมากกว่าครั้งไหนๆ ของเพื่อนรัก

“ฉันมีความสุขไม่ได้เลยเหรอวะ พวกแกนี่จับผิดฉันจังนะ” มาร์ตินควงแก้วเหล้าในมือไปมานัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองดูลูกค้าที่มาใช้บริการที่นั่งกันอยู่ด้านล่าง บนโซนชั้นสามที่เขานั่งอยู่นี้เป็นโซนของเขาและเพื่อนๆ เท่านั้นคนนอกไม่สามารถขึ้นมาได้

“แล้วความสุขที่ว่ามันคืออะไรล่ะ หรือว่าแกมีความรัก โอ้ จริงเหรอเนี่ย” ชาร์ลเบิกตากว้างอาการแบบนี้เขาคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้จริงๆ นอกจากเพื่อนเขาจะมีความรัก

“โอ้มายก็อด มาร์ตินมีความรักว่าแต่สาวคนไหนวะ” คาร์ลอสถามอย่างสนใจปากกว้างยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ชักอยากจะเห็นหน้าสาวคนนั้นเสียแล้วสิ

“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ พวกแกนี่ทึกทักกันเก่งมาก” มาร์ตินยิ้มในหน้า

“อาการของแกออกขนาดนี้ไม่ต้องมาปิดบังพวกฉันให้ยากหรอกใช่ไหมวะชาร์ล” ชาร์ตันยักคิ้วอย่างกวนๆ

“เออๆ ไอพวกคนเก่งไว้ฉันจะพามาแนะนำให้รู้จัก” มาร์ตินวางแก้วน้ำสีอำพันลงแล้วหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมากดข้อความส่งไลน์หาหนูน้อยของเขา

คาร์ลอสกระดกแก้วเหล้าที่อยู่ในมือ มองมาร์ตินอย่างเจ้าเล่ห์

“เฮ้! มาร์ตินฉันขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิพอดีฉันลืมเอามาจะโทรหาเลขาสั่งงานหน่อย”

“แป๊บนึงนะ” มาร์ตินก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคาร์ลอสกับชาร์ตันที่นั่งขยิบตาให้กัน

“เออๆ” คาร์ลอสตอบแบบส่งๆ แต่จริงๆ แล้วเขาโคตรจะใส่ใจกับการจับตาดูพฤติกรรมของมาร์ตินเลยแหละ

“อะเอาไป เร็วๆ นะโว้ย!” มาร์ยินโยนโทรศัพท์ให้คาร์ลอส

“ของไอชาร์ลก็มีทำไมไม่ใช้วะ” มาร์ตินบ่นตามหลัง

“ของฉันแบตหมด จะโทรได้ยังไงล่ะ ฉันบอกมันตั้งแต่มาถึงแล้ว”ชาร์ตันรีบแก้ตัวกลัวโดนจับได้แล้วมันจะหมดสนุก

พิศลดานอนดูทีวีไปแล้วก็คุยเล่นกับเพื่อนในโลกออนไลน์ไปด้วย และหนึ่งในนั้นที่เธอคุยด้วยก็คือมาร์ตินที่ทักเธอมาถ้าไม่ตอบก็กลัวว่าเขาจะทำอะไรบ้าๆ อีก วันนี้เขาบอกว่าจะไปนั่งดื่มกับเพื่อนๆ และตอนนี้ก็กำลังนั่งสังสรรค์กันอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะมีสาวสวยมานั่งล้อมหน้าล้อมหลังกี่คนแล้ว

หญิงสาวได้แต่ค่อนขอดในใจ แต่ขณะที่ปากอวบอิ่มกำลังขมุบขมิบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พิศลดาหยิบขึ้นมาดูแล้วก็ต้องแปลกใจที่มาร์ตินโทรเข้ามา

“ค่ะพี่มาร์ติน”

“สวัสดีครับผมคาร์ลอสเป็นเพื่อนมาร์ติน พอดีว่าตอนนี้มาร์ตินเกิดเรื่องนะครับ ไม่ทราบว่าคุณหนูน้อยช่วยมาดูมันหน่อยได้ไหมครับมันเอาแต่ร่ำร้องหาแต่คุณหนูน้อยอยู่คนเดียวเลย” คาร์ลอสพูดด้วยน้ำเสียงวิตกกังวลเพื่อทำให้สมจริง ทั้งที่ๆ ตอนนี้ในใจกำลังยิ้มกริ่ม

“เอ่อแล้วพี่มาร์ตินเขาเป็นอะไรคะ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้ ก่อนหน้านี้เขายังคุยกับฉันอยู่เลยนะคะ” พิศลดาแปลกใจก่อนหน้านี้มาร์ตินยังคุยไลน์กับเธออยู่เลยแล้วทำไมเวลาผ่านไปไม่นานเขาถึงเกิดเรื่องได้ แล้วอีกอย่างทำไมเพื่อนเขาที่ชื่อคาร์ลอสถึงเรียกเธอว่าหนูน้อย

“อ่อคือ...มาร์ตินมันดื่มหนักมากจนเมา ตอนนี้ก็ไม่มีใครเอามันอยู่ คุณช่วยรีบมาที่คลับด่วนเลยนะครับ เดี๋ยวผมจะส่งโลเคชันสถานที่ไปให้ พอมาถึงบอกพนักงานว่ามาพบผมคาร์ลอสนะครับ” คาร์ลอสพูดเสร็จแล้วก็รีบวางสายไปทันที แล้วเดินกลับเข้าไปนั่งกับชาร์ตันและมาร์ตินต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“อะเอาคืนไป” คาร์ลอสยื่นโทรศัพท์คืนให้มาร์ติน แล้วยักคิ้วให้ชาร์ตันที่มองเขาอยู่ เชิงว่าทุกอย่างเรียบร้อย

พิศลดาชั่งใจไม่รู้ว่าจะไปหรือไม่ไปดี ยืนลังเลอยู่ชั่วครู่ก็ตัดสินใจกลับเข้าไปในห้องนอน เพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย จากนั้นก็รีบเดินออกจากห้องไปเรียกแท็กซี่ แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจตัวเองสักเท่าไหร่ว่าเหตุใดเธอจะต้องไปตามที่เพื่อนของมาร์ตินบอก แต่จิตใต้สำนึกบอกเธอว่าเธอควรไปเพราะอย่างน้อยก็คนรู้จักกัน

“เฮ้ย! มาร์ตินไม่สนใจสาวคนไหนเหรอวะ” ชาร์ตันถามมาร์ตินที่นั่งโดดเดี่ยวเดียวดายไร้สาวข้างกาย ไม่เหมือนเขากับคาร์ลอสที่มีสาวสวยมาคอยเอาอกเอาใจ

“นั่นสิวะเอาสักคนไหมนั่งคนเดียวเหงาจะตาย” คาร์ลอสพูดกับมาร์ตินแต่สายตาเจ้าชู้จับจ้องอยู่ที่สาวสวยอกโตที่นั่งคลอเคลียอยู่ข้างตัว

“เชิญพวกแกตามสบายไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเหงาหรอก” มาร์ตินส่ายหน้าเขาไม่อยากทำให้หนูน้อยของเขาต้องเสียใจกับการกระทำของเขาแม้ว่าจะต่อหน้าหรือว่าลับหลังก็ตาม สายตาคมดุมองลงไปที่ชั้นล่างแล้วพลันสายตาก็เห็นร่างคุ้นตาในชุดเดรสสายเดี่ยวตัวสั้นรัดรูปสีดำ กรามแกร่งขบกันจนสันกรามขึ้น มือหนากำเอาไว้มั่น เมื่อเห็นว่ามีผู้ชายเข้ามาทักแม่หนูน้อยของเขา ตอนคุยไลน์กันไหนบอกว่าอยู่ห้องแล้วทำไมตอนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ มาร์ตินสูดลมหายใจเข้าปอด ร่างสูงใหญ่ยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะก้าวเร็วๆ ไปยังพิศลดาที่ตอนนี้มีผู้ชายมาล้อมหน้าล้อมหลัง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรบึ้งตึง เดินเข้าไปกระชากแขนเรียวเล็กเข้าหาตัวอย่างแรง สร้างความตกใจให้กับพิศลดาเป็นอย่างมาก

“พี่มาร์ติน” เมื่อเห็นหน้าคนที่กระชากเธอริมฝีปากอวบอิ่มก็หุบฉับลง แล้วก็งุนงงไหนเพื่อนเขาบอกว่าพี่มาร์ตินเมามากไง แต่เท่าที่เธอเห็นไม่มีเค้าเลยว่าจะเมา

“หนูมาที่นี่ทำไมและมาได้ยังไง” มาร์ตินถามเสียงห้วนใบหน้ายังไม่คลายความบึ้งตึงลง ก่อนจะตวัดสายตามองผู้ชายที่เข้ามาทักหนูของเขาตาขวาง

“ส่วนแกไอหน้าอ่อน กล้าดียังไงมาคุยกับเมียฉัน จำไว้เลยนะถ้าพวกแกไม่อยากตายหมู่อย่าริอาจมายุ่งกับเมียชาวบ้านเขา โดยเฉพาะเมียฉันฉันหวงมาก ไสหัวไปให้พ้นสายตาฉันเลยไปก่อนที่ฉันจะอดใจฆ่าพวกแกไม่ไหว” มาร์ตินตวาดเสียงดังลั่นร้านก่อนจะดึงแขนพิศลดาขึ้นไปยังชั้นที่เขานั่งอยู่ก่อนหน้า

“พี่มาร์ตินหนูไม่ใช่เมียพี่นะ ทำไมพูดจาบ้าๆ แบบนั้นคะ ไม่เอาแล้วหนูจะกลับห้อง ปล่อยแขนเดี๋ยวนี้เลยนะคนบ้า” พิศลดาพยายามสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม แต่สะบัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุดสักที แถมตอนนี้คนลากก็พามาอยู่ในห้องส่วนตัวที่มีผู้ชายกับผู้หญิงนั่งกันอยู่สองคู่ และทั้งหมดก็มุ่งสายตามาจับจ้องเธอ

“มีอะไรกันวะ แล้วสาวสวยคนนี้เป็นใคร” ชาร์ตันมองคนทั้งคู่ตรงหน้าที่ลากกันเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาของมาร์ตินเพื่อนเขาบูดบึ้งราวกับโกรธใครมาสักสิบชาติ ส่วนสาวน้อยคนสวยก็หน้างอไม่แพ้กัน

“หึ” คาร์ลอสหัวเราะในลำคอเบาๆ

“ไหนเพื่อนพี่มาร์ตินบอกว่าพี่เมามากไงคะ” พิศลดาโดนดึงไปนั่งบนโซฟาข้างกายมาร์ติน แล้วก็เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่พอใจ ส่วนมาร์ตินได้แต่ทำหน้างง คนอย่างเขาเนี่ยนะที่จะดื่มจนตัวเองเมาไม่มีทาง

“พี่เนี่ยนะเมา ไม่มีทาง ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีคนอุปโลกขึ้นมาเอง” มาร์ตินมองหน้าคาร์ลอสเขม็ง

“แกใช่ไหมที่โทรตามน้องเฟิร์นมา” มาร์ตินถามเสียงแข็ง

“ว้า จับได้ซะละ ว่าแต่น้องเขาไม่ได้ชื่อหนูน้อยหรอกเหรอฉันเห็นแกเมมไว้แบบนั้น” คาร์ลอสย่นคิ้ว

“หนูน้อยฉันเรียกได้คนเดียวเว้ย ส่วนแกสองคนต้องเรียกว่าใบเฟิร์น” มาร์ตินโอบไหล่เนียนของคนตัวเล็กเอาไว้อย่างหวงแหน พิศลดาตีมือแกร่งให้ปล่อยเธอ แต่มือติดกาวตราช้างนี่ก็ไม่ยอมปล่อย

“เอ่อ...พี่ชาร์ตันนะครับ หรือจะเรียกว่าชาร์ลก็ได้” ชาร์ตันยื่นมือไปให้พิศลดาแต่ถูกมาร์ตินผลักออก

“สวัสดีค่ะพี่ชาร์ล” พิศลดายกมือขึ้นไหว้ชาร์ตันและส่งยิ้มหวานไปให้

“ส่วนพี่คาร์ลอสครับ คนที่โทรหาหนูน้อยเอ๊ย! น้องเฟิร์นเองครับผม” คาร์ลอสแกล้งพูดผิดเลยโดนสายตาคมกริบจ้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“สวัสดีค่ะพี่คาร์ลอส”

“รู้จักกันแล้วใช่ไหม งั้นฉันคงเคลียร์กับหนูน้อยของฉันได้แล้วสินะ” มาร์ตินมองหน้าเพื่อน ก่อนจะมองหน้าสวยอย่างหงุดหงิด

“หนูมาที่นี่ทำไมไม่บอกพี่ก่อน แล้วไหนจะแต่งตัวแบบนี้ออกมาอีกให้ตายสิ ถ้าเกิดระหว่างทางแท๊กซี่มันคิดอะไรไม่ดีกับหนูมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง พี่ไม่อยากจะคิดเลย” สมัยนี้มันมีอันตรายรอบด้านแล้วหนูน้อยของเขาสวยเสียขนาดนี้เวลาไปไหนมาไหนก็เป็นจุดสนใจตลอด ให้ตายเถอะเขาหงุดหงิดเป็นบ้า

“ก็พี่คาร์ลอสบอกว่าพี่มาร์ตินเมาหนักมาก แล้วร้องเรียกหาแต่หนูจนคนอื่นเอาไม่อยู่ หนูเป็นห่วงก็เลยรีบมาดูยังจะมาดุเขาอีก” พิศลดาหน้างอถึงแม้จะรู้ดีว่าเขาเป็นห่วงก็ตาม

“ที่ดุก็เพราะว่าพี่เป็นห่วง แล้วต่อไปนี้พี่ก็ขอสั่งห้ามไม่ให้หนูใส่กระโปรงหรือชุดสั้นๆ อีก ถ้าไม่ฟังคำสั่งพี่จะทำโทษสถานหนัก” มาร์ตินพูดเสียงเข้ม ก่อนจะหันมาต่อว่าคาร์ลอส

“แกก็เหมือนกันไอ้คาร์ลอส ไปหลอกหนูน้อยของฉันแบบนั้นได้ยังไง ถ้าเกิดหนูน้อยของฉันเป็นอะไรขึ้นมาแกจะทำยังไง”

“เออน่าฉันขอโทษ ฉันแค่อยากจะเห็นหน้าแฟนแก ครั้งหน้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”

“แฟน ? หนูไม่ใช่แฟนพี่มาร์ตินนะคะ” พิศลดาร้องเสียงหลง

“อ้าวยังไงวะ ทึกทักเอาเองรึไงวะเพื่อน” ชาร์ตันกลั้วหัวเราะ

“ไม่ใช่แฟนเว้ย!” มาร์ตินพูดนิ่งๆ

พิศลดาเองก็หยุดดิ้น ส่วนเพื่อนของเขาทั้งสองคนทำหน้าแปลกใจ

“ไม่ใช่แฟนแต่เป็นเมียชัดนะ”

“คนบ้า!” มือน้อยระดมทุบที่ไหล่หนา ส่วนคนโดนทุบก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไรจนพิศลดาเหนื่อยถึงหยุดไปเอง

“เมีย! แกกับน้องเฟิร์นได้กันแล้วเหรอวะ ไวไฟกว่าฉันกับไอชาร์ลเยอะเลย โทษนะว่าแต่เมียแกนี่อายุเท่าไหร่วะ”

“18” มาร์ตินกดจมูกโด่งลงบนผมหอมกรุ่น ไม่สนใจอาการตาค้างของเพื่อนรักทั้งสองคน

“ไอ้โคแก่” ชาร์ตันและคาร์ลอสพูดขึ้นพร้อมเพียงกัน

“ไม่สนโว้ย!” มาร์ตินสบตากับแม่เสือสาวที่ขู่เขาฟ่อๆ

“ฉันกลับก่อนนะจะรีบไปกล่อมเมียนอน” มาร์ตินฉุดแขนเรียวให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินโอบเอวบางออกไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel